3 จังหวัดที่มีคนจนมากหนาแน่นมากที่สุด
– ปัจจัยภายนอก
โดยในส่วนนี้อาจเน้นไปที่นโยบายจากทางภาครัฐเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากปัญหาความยากจนในประเทศไทยนั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากโครงสร้างทางสังคมของประเทศไทย ดังนั้นรัฐจึงควรออกนโยบายหรือกฎหมายที่เข้ามาช่วยส่งเสริมหรือแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้างนี้เสียมากกว่า
ปัญหาแรกคือสวัสดิการของทางรัฐที่ไม่ครอบคลุมและไม่ทั่วถึงคนทั้งประเทศ เมื่อรัฐไม่สามารถให้คนทั้งประเทศสามารถเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานได้ ประชาชนจึงต้องเสียรายได้บางส่วนในการเข้าถึงสวัสดิการชั้นพื้นฐานเอาเอง ยกตัวอย่างเช่น สวัสดิการในสุขภาพ เป็นต้น ส่งผลให้รายได้ของคนไทยลดน้อยลงไปอีก
สวัสดิการอีกอย่างหนึ่งที่รัฐไม่สามารถทำให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้อีกอย่างหนึ่งคือ การเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม ที่จะทำให้ประชาชนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเป็นแรงงานหรือพัฒนาคุณภาพของตนเองให้สามารถประกอบอาชีพเพื่อทำให้ครอบครัวสามารถยกระดับทางเศรษฐกิจได้
รวมทั้งนโยบายมุ่งเน้นไปที่การลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา มากกว่าลดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจ ทั้ง ๆ ที่ สองสิ่งนี้ ควรต้องได้รับการแก้ไขไปพร้อมกันมากกว่า เพราะเป็นสิ่งที่สัมพันธ์และส่งผลซึ่งกันและกัน
ปัญหาต่อมาคือระบบภาษีของไทยที่ยังขาดความเป็นธรรม โดยจากรายงานสถานการณ์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำของประเทศไทย พบว่ามาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดาในปัจจุบันยังเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มคนที่รายได้สูงมากกว่ากลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลางและต่ำอย่างชัดเจน อย่างเช่น การอนุญาตให้นำเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพมาเป็นส่วนหนึ่งในการลดหย่อนได้ ในขณะที่ผู้ที่มีรายได้น้อยมักไม่มีเงินลงทุนในกองทุนดังกล่าว จึงไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการเหล่านี้
รวมทั้งระบบการจัดการรายได้ยามชราของทางภาครัฐด้วยเช่นกัน ระบบกองทุนบำเหน็จบำนาญต่าง ๆ ของประเทศไทยนั้น มีการออกแบบที่ขาดการปรับปรุงประสิทธิภาพให้เท่าทันต่อโลกยุคปัจจุบัน ไม่ได้ปรับตามค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้กองทุนเหล่านี้ไม่สามารถเป็นหลักประกันได้ว่าผู้เข้าร่วมจะยังคงมีรายได้ที่เพียงพอภายหลังจากเกษียณอายุ
ซึ่งจากข้อมูลสถิติพบว่า ครัวเรือนยากจนส่วนใหญ่เป็นครัวเรือนที่ไม่มีส่วนร่วมในทางเศรษฐกิจ หรือครัวเรือนที่มีรายได้หลักจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่การทำงาน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสังคมสูงวัย และระบบรายได้หลังเกษียณที่ไม่ได้ประสิทธิภาพของรัฐบาลนั่นเอง
ปัญหาสุดท้ายคือการกระจายอำนาจ ระบบปกครองของไทยไม่ได้กระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง ทำให้เกิดปัญหาในด้านการจัดการงบประมาณขึ้น โดยจากสถิติที่ผ่านจะเห็นได้ว่า จังหวัดที่ประสบปัญหาความยากจนนั้น ก็ยังคงเผชิญปัญหาเข้าไม่ถึงสาธารณูปโภคที่ดี การคมนาคมที่ดี และปัญหาอื่น ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ ในแต่ละปี ยิ่งส่งผลให้คนจนต้องแบกค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนที่สูง เช่นการเดินทาง การเข้าถึงสาธารณสุขที่ดี
โดยจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่
- จังหวัดปัตตานี มีสัดส่วนคนจนอยู่ที่ 31% ต่อจำนวนประชากรทั้งหมดในจังหวัด
- จังหวัดกาฬสินธุ์ มีสัดส่วนคนจนอยู่ที่ 25% ต่อจำนวนประชากรทั้งหมดในจังหวัด
อ้างอิงจาก: https://www.agenda.co.th/social/poverty-thailand/