ไขปริศนา "ยานแม่เอเลี่ยน" สำรวจ "โลก"
ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันเป็นอย่างมาก ในหมู่ของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ว่า "โอมูอามูอา" เป็นเพียงดาวเคราะห์น้อยธรรมดา หรือเป็นยานแม่ของเอเลี่ยนกันแน่ ?
นักฟิสิกส์คนดังแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ร่วมมือกับทางเพนตากอน เพื่อเตรียมออกค้นหาเศษชิ้นส่วนอุกกาบาตที่ตกอยู่นอกชายฝั่งปาปัวนิวกินี เพราะต้องสงสัยว่าแท้ที่จริงแล้ววัตถุดังกล่าวนั้นอาจจะเป็นยานสำรวจขนาดเล็ก ซึ่งอาจจะถูกส่งมาจากยานแม่ของเอเลี่ยนเพื่อมาสำรวจโลก และระบบสุริยะจักรวาล
ดร. อาวี โลบ (Avi Loeb) นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ ดร. ฌอน เอ็ม. เคิร์กแพทริก (Sean M. Kirkpatrick) ผู้อำนวยการสำนักงานสืบสวน เพื่อไขความกระจ่างเหตุการณ์ประหลาดที่ยังไร้คำอธิบาย (AARO) ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ได้เผยแพร่รายงานฉบับร่างที่พวกเขาได้ร่วมกันเขียนขึ้นเรื่อง “ข้อจำกัดทางกายภาพว่าด้วยปรากฏการณ์ทางอากาศ ซึ่งไม่สามารถระบุที่มาได้”
รายงานดังกล่าวนี้ กล่าวถึงข้อสันนิษฐานของ ดร. โลบ ซึ่งเขามีความเชื่อมั่นว่า ดาวเคราะห์น้อยรูปทรงประหลาด “โอมูอามูอา” ที่มีลักษณะเป็นแท่งยาวคล้าย ๆ ซิการ์ และเดินทางเข้ามาใกล้โลกเมื่อปี คศ.2019 นั้น แท้ที่จริงแล้วมันเป็นยานแม่ของเอเลี่ยนจากนอกระบบสุริยะ แต่มันได้อำพรางตนเองให้มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายดาวเคราะห์น้อย หรือดาวหาง แต่ทว่ากลับไม่มีกลุ่มก๊าซห่อหุ้มเหมือนดาวหางทั่วๆ ไป อีกทั้งยังสามารถเร่งความเร็วขึ้นในทิศทางที่ออกห่างจากดวงอาทิตย์ ซึ่งถือว่าผิดปกติอย่างยิ่ง
ดร. โลบ ได้ระบุว่า ก่อนหน้าที่ "โอมูอามูอา" จะเดินทางมาเยือนโลกประมาณ 6 เดือน ก็มีเหตุการณ์ที่ดาวเคราะห์น้อย IM2 ความกว้างราว 1 เมตร พุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งต่อมาทางองค์การนาซา ได้ยืนยันแล้วว่า IM2 เป็นวัตถุอวกาศชิ้นแรกที่พบว่ามาจากนอกระบบสุริยะ อีกทั้งยังมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ เหนืออุกกาบาตที่พบโดยทั่ว ๆ ไปด้วย
“สองเหตุการณ์นี้บังเอิญเกิดขึ้นในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน จึงทำให้มีความเป็นไปได้ว่า วัตถุอวกาศเทียมจากนอกระบบสุริยะอย่าง "โอมูอามูอา " นั้นอาจจะเป็นยานแม่ของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากต่างดาว ซึ่งได้ปล่อยยานสำรวจขนาดเล็กเป็นจำนวนมากออกมาขณะเดินทางเข้ามาใกล้โลก เพื่อให้ยานที่ดูคล้ายๆ กับอุกกาบาตก้อนเล็ก ๆ นี้ ทำการสำรวจโลก และระบบสุริยะ” รายงานของดร. โลบ และดร. เคิร์กแพทริก ได้ระบุไว้
ดังนั้น ทาง ดร.โลบ จึงได้ร่วมมือกับทางกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ไปเก็บเศษซากชิ้นส่วนของอุกกาบาตที่ตกลงมา นับตั้งแต่เดือน มิย.ปีนี้ เป้าหมายสำคัญก็คือ นำเศษชิ้นส่วนของอุกกาบาตมาศึกษาเพิ่มเติม หนึ่งในนั้นก็คืออุกกาบาตที่ตกลงแถว ๆ นอกชายฝั่งเกาะมานัส ในประเทศปาปัวนิวกีนี มีชื่อว่าดาวเคราะห์น้อย IM1 เพราะฉะนั้น IM1 กับ IM2 ทาง ดร.โลบ เชื่อว่าน่าจะเป็นยานสำรวจ ซึ่งถูกส่งมาจากนอกระบบสุริยะ เพื่อมาสำรวจโลก แต่ว่าพยายามเปลี่ยนแปลงรูปร่างทำให้ยานดูคล้ายกับอุกกาบาตแล้วก็เข้ามาศึกษาโลกของเรา ก็ไม่ต่างจากวิธีการที่ทางองค์การ NASA ได้ส่งดาวเทียม หรือว่ายานสำรวจออกไปศึกษาห้วงอวกาศนอกโลก ซึ่งงานวิจัยในครั้งนี้พยายามที่จะศึกษา และวิเคราะห์การมีอยู่จริงของสิ่งมีชีวิตภูมิปัญญานอกโลก และก็เตรียมที่จะตีพิมพ์รายละเอียดในเดือนหน้านี้หลังจากที่ได้รู้ผลออกมา โดยทาง ดร.โลบ บอกว่า ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการวิเคราะห์เศษชิ้นส่วนขนาดเล็กจากอุกกาบาตที่เก็บมาได้จากมหาสมุทร เพื่อที่จะมาศึกษาถึงรายละเอียดองค์ประกอบของละอองที่ผ่านการหลอมละลาย แล้วก็หลุดร่อนออกมาจากอุกกาบาตขนาดใหญ่ในช่วงที่เกิดการระเบิด และกลายเป็นลูกไฟในระหว่างที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งมีความร้อนสูง จึงทำให้ชิ้นส่วนนั้นแตกหักเสียหายจากพลังงานความร้อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้จนกว่าจะนำงานวิจัยชิ้นนี้เผยแพร่ผ่านเอกสารทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ทางประชาชนทั่วไปได้รับทราบ