ยิ่งออมไว ยิ่งรวยเร็ว ปี 2023 อะไรน่าลงทุนบ้าง

เผลอแป๊บเดียวก็กำลังจะเข้าสู่ช่วงสิ้นปีแล้ว หลายคนที่ตั้งเป้าหมายกันไว้ในช่วงต้นปีเชื่อว่าต้องมีเกิน 70% ที่บอกตัวเองว่าจะประหยัดเก็บออม แต่เพราะมีปัญหาทางเศรษฐกิจหรือเหตุสุดวิสัยต่างๆ หลายปัจจัย พอรู้ตัวอีกทีก็จะหมดปีแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มต้นเก็บออมเลยสักบาท บ้างก็อาจประสบปัญหาต้องเอาเงินที่ลงทุนไว้ถอนมาใช้ หรืออย่างร้ายที่สุดบางคนกลับสร้างหนี้เพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ!

แต่อย่าเพิ่งตัดพ้อหรือหมดกำลังใจไป การเริ่มต้นเก็บออมนั้นไม่มีคำว่าสาย ยิ่งออมไวก็ยิ่งมีอิสรภาพทางการเงินเร็วขึ้น แม้ว่าในช่วงแรกที่เริ่มออมจากเงินจำนวนน้อยจะทำให้ไม่เห็นภาพ แต่หากคุณรู้จัก พลังของดอกเบี้ยทบต้น นั้นละก็จะยิ่งทำให้กำลังใจในการเก็บออมเพิ่มขึ้นมากโขเลยทีเดียว

ดอกเบี้ยทบต้นคืออะไร?

พลังของดอกเบี้ยทบต้นที่จะทำให้เงินออมของเรานั้นเติบโตแบบทวีคูณจนกลายเป็นเงินจำนวนมากที่พอจะให้เราปลดเกษียณไปใช้ชีวิตอย่างมีอิสระได้ก่อนวัย ซึ่งปัจจัยหลักที่จะขาดไม่ได้และจำเป็นต้องมีเลยก็คือ เงินต้น+ผลตอบแทน+เวลา

ยกตัวอย่างให้ดูกันง่ายๆ เช่น

นาย A และ นาย B นำเงินไปออมจำนวน 10,000 บาท ได้รับผลตอบแทนหรือดอกเบี้ย 10% ต่อปี เมื่อผ่านไปครบหนึ่งปี ทั้งสองคนจะมีเงินเพิ่มเป็น 11,000 บาท นาย B นำกำไรจากการลงทุน 1,000 บาท ไปกินอาหารมื้อหรูเพื่อให้รางวัลตัวเอง แต่นาย A นั้นเก็บกำไร 1,000 บาทไว้ลงทุนต่อ... ผ่านไปอีกหนึ่งปี นาย B ได้ดอกเบี้ย 1,000 บาท เท่าเดิม แต่นาย A จะได้ดอกเบี้ย 1,100 บาท

เมื่อรวมกับเงินต้นแล้ว นาย B จะมีทรัพย์สินทั้งหมด 11,000 บาท ส่วนนาย A มีทรัพย์สินทั้งหมด 12,100 บาท!!

คงจะเห็นความแตกต่างขึ้นมากันบ้างแล้วสินะครับ แต่นี่ยังไม่ได้รวมถึงปัจจัยที่ 3 นั่นก็คือ "เวลา"

ซึ่งพอระยะเวลาผ่านไปยิ่งนานเท่าไหร่ ดอกเบี้ยก็จะยิ่งทบต้นและทวีคูณผลตอบแทนให้สูงขึ้นได้อย่างน่ามหัศจรรย์โดยที่เราแทบไม่รู้ตัว เช่น กรณีของนาย A และนาย B เมื่อเวลาผ่านไปถึง 10 ปี ทรัพย์สินทั้งหมดของนาย A จะอยู่ที่ 25,937 บาท เทียบกับนาย B ที่ลงทุนเงินต้นเท่ากันแต่มีทรัพย์สินอยู่เพียง 20,000 บาทเท่านั้น เริ่มเห็นความต่างกันบ้างแล้วใช่ไหมละครับ แต่นี่เพียงแค่ระยะเวลา 10 ปีเท่านั้นนะ! ลองคิดดูว่าถ้าหากยิ่งออมไวเท่าไหร่ ระยะเวลาในการคูณก็จะยิ่งมากขึ้นไปเป็นเท่าตัว 

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว งั้นเรามาดูกันว่าในอีก 4 เดือนที่เหลือก่อนจะหมดปี 2023 นี้ สินทรัพย์ใดที่น่าลงทุนกันบ้าง...

1. สิ่งแรกที่ควรต้องลงทุนให้ตัวเองก่อนเลยก็คือ เงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน

ในเวลาที่เกิดปัญหาทางการเงิน เงินสำรองเผื่อฉุกเฉินถือเป็นเหมือนร่มชูชีพที่คอยพยุงเราไว้ไม่ให้จมโดยไม่ต้องไปหยิบยืมคนอื่นหรือนำเงินจากการลงทุนมาใช้ หากเรามีเงินสำรองไว้ใช้ในยามที่เกิดวิกฤตต่างๆ ก็จะช่วยทำให้เราอุ่นใจได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งข้อนี้ไม่ได้จำกัดเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับความสะดวกและการใช้จ่ายของแต่ละคน แต่ถ้าเป็นไปได้ควรเก็บอย่างน้อย 3-6 เท่า ของค่าใช้จ่ายประจำเดือน หรือถ้าจะให้ดียิ่งมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งปลอดภัยหายห่วงมากขึ้น ซึ่งหากเก็บส่วนนี้ได้มากพอแล้วอาจจะไปออมต่อในรูปแบบของประกันชีวิตก็ได้

2. เมื่อมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินมากพอแล้ว ต่อไปเราก็ต้องมองหาสินทรัพย์ที่จะนำเงินของเราไปต่อยอด ถ้าหากจะมองให้ใกล้ตัวที่สุดละก็ คงจะหนีไม่พ้น เงินฝากประจำ ที่ทุกคนสามารถเปิดบัญชีได้ง่ายๆ ตามแอปพลิเคชั่นหรือสาขาธนาคารทั่วไป แน่นอนว่าผลตอบแทนก็อาจจะไม่ได้หวือหวา แต่ก็มีความเสี่ยงน้อยกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่นกัน โดยปัจจุบันในประเทศไทยผลตอบแทนของเงินฝากสูงสุดน่าจะอยู่ที่ 1-3% ซึ่งก็แล้วแต่ธนาคารเช่นกัน

3. หากจะลองกระโดดมาผลตอบแทนที่สูงขึ้นอีกหน่อย กองทุนรวม/ตราสารหนี้/หุ้นกู้ ก็น่าจะให้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจและมองเห็นความเติบโตเต็มเต็มหน่วยขึ้นมาอีกหน่อย ที่สำคัญความเสี่ยงก็ยังถือว่าต่ำมากๆ เพราะการลงทุนเช่นนี้จะมีผู้จัดการกองทุนคอยคัดเลือกจัดสรรพอร์ตให้เรา และในกองทุนๆหนึ่งก็อาจจะมีบริษัทชั้นนำมากมายตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อยถัวเฉลี่ยกันไป ทำให้กระจายความเสี่ยงไปในตัว

4. เมื่อค่อยๆศึกษาการลงทุนและสะสมความรู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลือกถัดไปที่นักลงทุนหน้าใหม่มองหาก็คือ การลงทุนหุ้น ซึ่งแน่นอนว่ามาถึงตรงจุดนี้ความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แม้ว่าผลตอบแทนจะงามกว่าทรัพย์สินอื่นๆที่กล่าวมาข้างต้น แต่โอกาสที่จะสูญเสียเงินต้นก็มีมากขึ้นเช่นกัน แต่ถ้าหากศึกษาปัจจัยขั้นพื้นฐาน อ่านงบการเงิน เฟ้นหาหุ้นดีถูกตัวเจอเข้าละก็ บางทีแค่จังหวะเดียวก็อาจจะเปลี่ยนชีวิตให้มีอิสรภาพทางการเงินได้เลยเช่นกัน เพียงแต่ทว่าจะต้องมีความรู้ให้แน่นก่อนเข้ามาเล่นในตลาด ถ้าไม่งั้นอาจหมดตัวกลับบ้านก็เป็นได้ 

5. หรือหากใครที่ไม่ชอบตามข่าวเศรษฐกิจ ไม่ถนัดการอ่านงบ หรือไม่ชอบเรื่องกราฟ ทองคำ ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการลงทุนที่ค่อนข้างจะปลอดภัย ตราบใดที่โลกนี้ยังต้องใช้พลังงานน้ำมัน ทองคำก็ยังคงมีค่าเสมอ ทั้งนี้ควรเลือกจังหวะในการเข้าซื้อให้ถูกก็จะสร้างผลตอบแทนได้มากยิ่งขึ้น

6. ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ สำหรับข้อนี้คล้ายๆทองคำตรงที่เราจะได้มีทรัพย์สินให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอันจริงๆ ไม่ใช่เพียงตัวเลขที่สวิงขึ้นลงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ทั้งนี้การเลือกซื้อที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ก็จำเป็นที่จะต้องมีประสบการณ์ในการเลือกเฟ้น หาทำเลที่เหมาะสมแก่การลงทุน แน่นอนว่าที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ให้เช่านั้นยิ่งเวลาผ่านยิ่งมีแต่ราคาจะพุ่งขึ้น แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าหากหาผู้ซื้อหรือผู้เช่าไม่ได้ใช่ไหมละครับ แต่ถ้าหากจะซื้อเก็บหรือสะสมไว้ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดี เพียงแต่ถ้าหากเลือกทำเลเหมาะหน่อย มีที่จอดรถ ใกล้ย่านชุมชม รับรองว่าจะต้องเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนหอมหวานไม่แพ้ข้ออื่นแน่นอน

7. มาจนถึงตัวเลือกข้อสุดท้าย ซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการลงทุนสูงพอสมควร สำหรับสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอย่าง คริปโตเคอร์เรนซี/NFTและการเทรดสินทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ซึ่งการลงทุนเหล่านี้ต้องใช้จังหวะในการตัดสินใจที่สูงเอามากๆ ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร และแม้ว่าผลตอบแทนจะมหาศาลจนอาจเปลี่ยนให้คุณเป็นเศรษฐีได้ในชั่วข้ามคืน แต่ก็อย่าลืมว่าความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นมหาศาลในเวลาเดียวกัน หากไม่มีวินัยพอละก็อาจจะต้องเป็นผู้แพ้และออกจากตลาดไปในที่สุด

จบไปแล้วสำหรับการแนะนำการลงทุนคร่าวๆในปี 2023 ซึ่งใครถนัดแบบไหนก็สามารถเลือกลงทุนได้ในแบบนั้นๆ ใครจะลงทุนหลากหลายประเภทก็ขึ้นอยู่กับวินัยและความสามารถในการบริหารจัดการของแต่ละบุคคล แต่อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยงไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม แต่การไม่ลงทุนอะไรเลยนั่นแหละคือความเสี่ยงที่สุด!

แล้วพบกันใหม่กับสาระดีๆ จาก สาระพันเรื่องรอบรู้ ในคราวหน้านะครับ 
หากชอบหากถูกใจ ฝากกดแชร์ หรือคอมเมนต์เข้ามาพูดคุยเพิ่มเติมกันได้ครับ