จิตสุดท้าย..ก่อนตาย
การเกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้นถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสัตว์โลกทั้งหลาย ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอย่างที่ทุก ๆ คนได้คิดกันเลย วันนี้ผมมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่อง "จิตสุดท้าย..ก่อนตาย" จะมาเล่าให้ทุก ๆ คนได้ฟังกัน
ตัวผมเองเป็นนักโหราศาสตร์หรือจะให้เรียกง่าย ๆ จะเรียกผมว่า "หมอดู" ก็ได้ ผมได้เคยผ่านการดูดวงของคนมาแล้วมากมาย หรือแม้แต่กระทั่งดวงของผมเอง ก็ยังไม่เป็นที่ละเว้น ผมจะดูดวงในทุก ๆ เรื่อง ที่ตัวผมเองนั้นสงสัยหรือแม้แต่กระทั่งในเรื่องของ "ความตาย"
ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะขี้สงสัยในทุก ๆ เรื่อง และมักจะสแกนดวงของตัวเองในทุก ๆ วัน ว่า "วันนี้..ผมจะต้องเจอกับเหตุการณ์อะไรบ้าง ?"
จนอยู่มาวันหนึ่ง... ผมได้ทำนายดวงของตัวเอง และได้พบกับเรื่องสำคัญบางอย่าง เรื่องนั้นก็คือ วันนี้ !! จะมีคนเสียชีวิตที่บ้านหลังนี้ในเวลาประมาณหลังเที่ยงคืน และคน ๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพ่อแท้ ๆ ของผมนั่นเอง
ในวันนี้ ผมเองได้พยายามที่จะทำทุกวิถีทาง เพื่อที่จะไม่ให้พ่อของผมต้องเสียชีวิตลง โดยจะอยู่ใกล้ชิดท่านตลอดเวลา และไม่ห่างจากท่านเลย ซึ่งถ้ามองโดยทั่ว ๆ ไปแล้ว พ่อของผมจะดูเหมือนคนปกติทุกอย่าง แต่จริง ๆ แล้วท่านมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพ คือ ท่านเป็นโรคหอบหืด และจะต้องพ่นยาทุก ๆ ชั่วโมง
วันนี้ เหมือนมีลางบอกเหตุล่วงหน้า ในช่วงเช้านั้น ..พ่อของผมได้มาเล่าอะไรบางอย่างให้ผมฟังว่า "เมื่อคืนนี้ ท่านได้ฝันว่า ได้ไปสวรรค์ แล้วพบพ่อแม่ของท่าน ก็คือปู่กับย่าของผมเอง ปู่กับย่าได้ชวนพ่อของผมมาอยู่ด้วยกัน.." ซึ่งตัวผมเองก็รู้อยู่แล้วว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้บอกอะไรกับท่านเลย จนกระทั่งมาถึงช่วงเวลาประมาณบ่ายสามโมงเย็น ผมได้สังเกตเห็น "นกแสก" ตัวหนึ่ง ได้มาเกาะอยู่ที่ริมรั้ว ผมเองก็ชักตะงิด ๆ ใจอยู่แล้ว หรือพ่อผมจะต้องไปในวันนี้แล้วจริง ๆ ผมเองได้เดินปรี่เข้าไปใกล้ ๆ นกแสกตัวนั้น แต่มันก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรผม เลย มันอยู่นิ่ง ๆ และยังคงจ้องหน้ามาที่ผม ผมเลยพูดกับนกแสกไปว่า "ท่านจะมาเอาชีวิตพ่อของผมหรือครับ ?" หลังจากที่ผมพูดออกไปได้ไม่นานนัก นกแสกตัวนั้นก็ได้อันตรธานบินหนีหายไป เหมือนล่องหนยังไงยังงั้น
ในเวลาประมาณเกือบเที่ยงคืนเศษ ๆ ผมได้นึกถึงคำทำนาย และลางบางเหตุต่าง ๆ แล้วได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจว่า "หรือว่าวันนี้ จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่เราคิดน่ะ.." ผมก็ได้แต่นั่งคิดอยู่สักพักใหญ่ ๆ จนแม่ของผมได้ไล่ให้ผมขึ้นไปนอนที่ชั้น 2 เพราะพ่อกับแม่ท่านนอนด้วยกันอยู่ที่ชั้น 1 เพียงลำพัง
ณ เวลาประมาณตีหนึ่งกว่า ๆ ได้เริ่มมีฝนตกหนักอยู่ภายนอกบ้าน แล้วจู่ ๆ ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงแม่ผม ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาว่า "พ่อ !! พ่อเป็นอะไร ? พวกเอ็งรีบลงมาดูพ่อหน่อยเร็ว !!" ผมเองและพี่สาวก็ไม่รอช้า รีบวิ่งลงมาจากชั้น 2 แล้วมาดูอาการของพ่อที่ชั้น 1 โดยทันที ซึ่งในขณะนั้น ร่างของท่านได้เริ่มแข็งทื่อไปทั้งตัว และมีเหงื่อหรือน้ำไหลออกมาจากร่างกายเป็นระยะ ๆ ผมเองจึงรีบทำการปฐมพยาบาล และนำตัวท่านไปส่งที่โรงพยาบาลโดยทันที ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำเทลงมา
ผมและพี่สาว ได้รีบนำพ่อมาส่งที่โรงพยาบาล และทางเจ้าหน้าที่ฯ เอง ก็ได้รีบนำร่างพ่อของผมเข้าห้อง ICU โดยด่วน รออยู่ได้ประมาณสักครึ่งชั่วโมง มีแพทย์คนหนึ่งออกมาจากห้อง ICU และได้เข้ามาแจ้งกับผมและพี่สาวว่า "เสียใจด้วยน่ะครับ..พ่อของคุณได้เสียชีวิตลงแล้ว" ซึ่งผมกับพี่สาว ก็ได้อึ้งอยู่สักพักใหญ่ ๆ พูดอะไรไม่ออก รู้สึกถึงความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ และไม่กล้าที่จะกลับไปบอกแม่อีกว่า "พ่อตายแล้ว" ซึ่งในวันนั้นเอง ทางโรงพยาบาลได้นำศพของพ่อผมมาเก็บไว้ที่ห้องเย็นของโรงพยาบาล เพื่อที่จะรอทางผม และญาติ ๆ มารับศพ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
พอกลับมาถึงที่บ้าน ผมและพี่สาวได้เข้ามาบอกกับแม่ให้ทราบว่า "พ่อตายแล้ว" ซึ่งทางแม่ผมเอง ท่านก็คงเสียใจอย่างมาก ร้องไห้แทบขาดใจ ส่วนตัวของผมเองก็คิดอะไรไม่ออกว่า "จะทำอะไรต่อไป ?" เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่สาวอยู่กับแม่เพียงตามลำพัง ส่วนตัวผมนั้น ก็ได้แยกตัวไปที่ห้องพระ เพื่อที่จะนั่งสมาธิ และทำการสวดมนตร์ เพื่อที่จะอุทิศบุญกุศลไปให้กับพ่อผม
ผมนั่งสมาธิไปได้สักพักใหญ่ ๆ และกำลังจะเริ่มต้นทำการสวดมนตร์ ในทันใดนั้นเอง ในขณะที่ผมกำลังสวดบท "ไตรสรณคมน์" (คำกล่าวที่ให้พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง) อยู่นั้น ได้มีแสงสว่างดวงหนึ่ง รูปร่างกลม ๆ ประมาณเท่าลูกบอล มีสีฟ้าขาวเป็นประกาย ลอยอยู่ตรงหน้าผม และในวงกลมนั้นเอง ผมเห็นพ่อของผมกำลังนั่งสวดมนตร์อยู่ด้วยกัน และได้หันหน้ามามองที่ผม ตัวผมเองก็ได้บอกกับท่านไปว่า "พ่อไม่ต้องห่วงพวกเราหลอกน่ะ..พวกเราอยู่ได้ และพวกเราจะดูแลแม่ให้ดีที่สุด ขอให้พ่อไปสู่สุขคติในภพภูมิที่ดีน่ะครับ" ผมจะทำบุญและอุทิศส่วนกุศลไปให้บ่อย ๆ พ่อไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากนั้นได้ไม่นานนัก แสงสว่างนั้นก็ได้อันตรธานหายวับไปกับตาทันที
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นได้ผ่านไป ทุก ๆ อย่างภายในบ้านก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง แม่ผม และทุก ๆ คนในบ้าน เริ่มมีการสวดมนตร์และเข้าหาธรรมะกันมากขึ้น เพราะว่า "ชีวิตหลังความตาย..นั้นมีอยู่จริง" แต่จิตสุดท้ายนั้น ถ้ายังมีห่วงอยู่ ก็จะไม่ไปไหน จิตก็จะวนเวียนอยู่ที่เดิม ทุกภพทุกชาติ