หนังสือปลุกใจเสือป่า..ในบ้านเรา !
หนังสือโป๊ เป็นหนังสือที่สื่อออกทางด้านกามารมณ์หรือ เพศ ทั้งภาพและเนื้อหา ซึ่งส่วนใหญ่มีการแสดงภาพเปลือยกาย ภาพการร่วมเพศ เนื้อหาที่อ่านแล้วกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ เป็นต้น ถึงแม้ว่าจะนิยมเรียกว่าเป็นหนังสือ แต่หนังสือโป๊ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของนิตยสาร หรือหนังสือภาพ ในบางสื่อมีการเรียก นิตยสารผู้ชาย
หนังสือลามก ( เป็นแนววิชาการให้ความรู้เรื่องเพศ ) เล่มแรกนั้นน่าจะได้แก่ พระตำหรับโยนีพิมพ์ขึ้นใน ร.ศ. 126 เพียง 200 ฉบับ และมีไว้สำหรับชนชั้นสูงในเวลานั้น เนื้อหาอ้างว่านำมาจากตำราของผู้ที่ได้เคยไปอินเดียและได้ศึกษาว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างคุณลักษณะของร่างกายกับโชคชะตา การกล่าวถึงอวัยวะเพศหญิงและชาย เพื่อจำแนกลักษณะที่จะนำไปสู่ชะตากรรมที่แตกต่างกัน
ส่วนหนังสือโป๊ที่เขาค้นพบและเก่าที่สุด ณ ตอนนี้ คือ “กล่อมครรภ์” ที่เขียนขึ้นในราวทศวรรษ 2460 ฉบับที่ยังหลงเหลือมาจนทุกวันนี้อยู่ในการครอบครองของ “ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์” นักสะสมหนังสือเก่าชื่อดัง
“กล่อมครรภ์” เขียนโดย “ครูเหลี่ยม วินทุพราหมณกุล” หรือ “หลวงวิลาศปริวัตร” นักเรียนทุนวิชาครูรุ่นแรกที่ถูกส่งไปศึกษาต่อยังประเทศอังกฤษในสมัยรัชกาลที่ 5
ครูเหลี่ยมเป็นนักเขียนที่บุกเบิกงานเขียนหลายแนว ข้อมูลเดิมเชื่อกันว่าเขาเป็นผู้เขียนนวนิยายเรื่องแรกของไทย คือ “ความไม่พยาบาท” ในปี 2458
บทประพันธ์ต่างประเทศ หรือเขียนขึ้นเองโดยใช้ตัวละครและฉากของประเทศอังกฤษ
กลับมาพร้อม “โปสการ์ดฝรั่งเศส” ที่เป็นรูปผู้หญิงเปลือยในอิริยาบถต่างๆ
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กระดาษขาดแคลน รัฐบาลหลวงพิบูลสงครามจึงจัดสรรกระดาษให้แก่เฉพาะหนังสือพิมพ์ที่เห็นด้วยกับรัฐบาล ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่ให้ ส่วนวรรณกรรมและหนังสืออ่านเล่น รัฐบาลก็ไม่ค่อยแบ่งกระดาษไปให้เช่นกัน หนังสือโป๊ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะถูกเซ็นเซอร์หนัก
จึงเกิดการผลิตกระดาษสาขึ้นเอง แล้วตีพิมพ์เผยแพร่หนังสือโป๊ผ่านวิธีการพิมพ์ดีดและโรเนียว มีให้อ่านเป็นบริการเสริมของร้านตัดผมผู้ชาย ก่อนจะขยายเป็นการจำหน่ายให้แก่ผู้สนใจ
คนยุคนั้นจึงเรียกหนังสือประเภทนี้ว่า “วรรณกรรมพิมพ์ดีดในร้านตัดผม” จำหน่ายกันราคาเล่มละประมาณ 5 บาท ในยุคที่เงินเดือนพนักงานเทศบาลพระนครยังมีอัตราแค่บาทเดียว
ห้วงเวลานั้นมีศัพท์เฉพาะ ที่เรียกขานวรรณกรรมแนวนี้ว่า “วรรณกรรมเฉาะแฉะ” นัยว่าเลียนเสียงจากการมีอะไรกันของตัวละครในเรื่อง แต่ต่อมาคำนี้ก็เลือนหายไป เหลือเพียงคำว่า “ปกขาว” ที่ยังใช้เรียกหนังสือโป๊ในยุคต่อมา
หนังสือปกขาว
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หนังสือลามกพบทั่วไปในท้องสนามหลวง โดยขึ้นหน้าปกเป็นรูปผู้หญิงฝรั่งพิมพ์สีเดียว เรียกกันติดปากว่า หนังสือปกขาว
ช่วงเวลาที่เหมือนเป็น “ยุคทอง” ของหนังสือโป๊ คือยุค 2460 ซึ่งเป็นยุคทองของการพิมพ์หนังสือ มีโรงพิมพ์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
พอยุค 2470 เริ่มมีความกังวล หลังมีงานแนวนี้ออกมามากขึ้นๆ กระทั่งมีกฎหมายปราบปรามวัตถุลามกอนาจารในปี 2471
ช่วง 2480 กิจการหนังสือโป๊ค่อนข้างเงียบเหงาเพราะสงครามโลก แต่ยังมีผลิตอยู่
ช่วง 2490 หนังสือแนวนี้กลับมาอีกครั้ง ทั้งแบบ “ใต้ดิน”, “บนดิน” และ “กึ่งๆ”
แบบ “บนดิน” ต้องเซ็นเซอร์เนื้อหาพอสมควร “ใต้ดิน” เปิดเผยเต็มที่ “กึ่งๆ” บางทีก็ปล่อย บางทีก็ควบคุมสำนวนภาษาของคนเขียนเอาไว้บ้าง
พอหลัง 2500 หนังสือโป๊บนดินจึงเริ่มแปรสภาพเป็นนิตยสาร ส่วนแบบใต้ดินกว่าจะหายไปหมดก็เกือบๆ ปี 2520
หนังสือลามกที่พิมพ์จำหน่ายในประเทศไทยช่วงยุค 90 ที่รู้จักกันดี เช่น นวลนาง, เพ็ญพักตร์, ไทยเพลย์บอย, เปิดบริสุทธิ์ และมีหนังสือลามกสำหรับเกย์ เช่น นีออน
กระทั้งเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า จนมีทุกอย่างในจอมือถือ หนังสือจึงค่อยๆล้มหายตายจากไป เหลือไว้เพียงความทรงจำให้นึกถึงเท่านั้น…