(มาชวนอ่านนิยายสนุกๆ) นิยายเรื่อง สะใภ้ขัดดอก Ep1.(นามปากกากนกรส)
นิยายเรื่อง สะใภ้ขัดดอก (นามปากกา กนกรส) แนวนิยายรัก
วางจำหน่าย ในรูปแบบนิยายออนไลน์ (ebook)
แพลตฟอร์มที่วางจำหน่าย : Meb ธัญวลัย นายอินทร์ Ookbee
สามารถ เข้าอ่านเนื้อหา ฉบับเต็มได้ตาม แพลตฟอร์มนิยายชั้นนำทั่วไป อาทิเช่น...
( Dek-d , readAwrite , ธัญวลัย , Hongsamut , fictionlog )
------------------------------
คำโปรย...
เป็นเรื่องราวของผู้ชายปากร้าย ปากไม่ตรงกับใจ หลงรักเขาตั้งแต่แรกเห็นแต่ก็ฟอมเยอะชอบกลั้นแกล้งเขาสารพัด
กับหญิงสาวสวยหวานจิตใจดี ต้องตอบแทนบุญคุณโดยการมาแต่งงานกับจอมวายร้าย
อารัมภบท...
“พี่พยัคฆ์...”
“ดีนะที่ยังอุตส่าห์จำชื่อผัวตัวเองได้อยู่...” คนโมโหหึงจนหน้ามืดเอ่ยประชดประชัน เมื่อกวาดตามองร่างหอมในอ้อมแขนน่านพยัคฆ์ก็อยากจะกอดให้ร่างนี้จมหายเข้าไปในร่างของตัวเองซะเหลือเกิน
“นั่นคุณจะทำอะไร...ปล่อยนิลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ...” เมื่อนาวินตั้งสติได้ จึงรีบลุกขึ้นยืนสาวเท้าเข้าไปขวางหน้าผู้บุกรุกอย่างไม่กลัวเกรง
“มึงอย่ามาเสือกเรื่องของผัวเมีย...หลบไปให้พ้นๆหน้ากูเลยไป ก่อนที่กูจะหมดความอดทนแล้วฆ่ามึงตายตรงนี้เสียก่อน...” น่านพยัคฆ์ชักสีหน้ารำคาญกระชากเสียงไล่ด้วยอารมณ์ร้อนฉ่า หากมันไม่ยอมถอย เขาคงได้ฆ่าคนอย่างที่ปากว่าก็ได้ เมื่อหัวใจของเขาตอนนี้ มันกำลังเดือดพล่านยิ่งกว่าภูเขาไฟระเบิดเสียอีก
“อ้อ...คุณคงเป็นคุณพยัคฆ์สินะ...” นาวินยืดตัวมองผู้ชายที่มาฉกเอาดวงใจของเขาไปครอบครองด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์เช่นกัน
“เออ!...กูนี่ล่ะน่านพยัคฆ์ ผัวของหนูนิ...”
น่านพยัคฆ์กระแทกเสียงบอก ก่อนจะก้าวขาของตัวเองเดินต่อไปยังรถยนต์ของตัวเอง นาวินได้แต่ยืนนิ่งเพราะไม่สามารถจะยื้อแย่งหญิงสาวที่เขารักกลับมาได้ เมื่อคนที่มาฉกเอาดวงใจของเขาไป มีสิทธิ์ในตัวของเธออย่างเต็มที่และถูกต้องทุกประการ...
“หนูนิเวียนหัวจังเลยค่ะ พี่พยัคฆ์...” ใบหน้าหวานที่ตอนนี้มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มขมับ เผยอริมฝีปากบอกสามี เมื่อเขายังอุ้มเธอเอาไว้บนตักกอดรัดร่างของเธอไม่ยอมปล่อยให้เธอนั่งบนพื้นเบาะ ถึงตอนแรกเธอจะขัดขืนไม่ยอมนั่งบนตักเขา แต่เมื่อถูกเขาดุเสียงดังขึ้นมา เธอเลยต้องจำยอมนั่งบนตักเขาไปโดยปริยาย
“ไม่ต้องมาทำเป็นสำออย!ไปหน่อยเลยนะหนูนิ เธออย่าคิดว่าพี่โง่มองไม่เห็นอะไรสิ...” คนหึงเมียยังคงหน้ามืด อารมณ์ขุ่นเคืองยังอัดแน่นอยู่ภายใน ชายหนุ่มจึงพูดออกมาเพราะความโกรธบังตา ไม่ได้คิดถึงหัวใจของคนฟังเลย...
--------------------------------------
เปิดเรื่อง
พยัคฆ์พิโรธ
เพล้ง!!! เพล้ง!!!
เสียงอึกทึกครึกโครมดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณรอบตัวบ้านไม้สักหลังโตโอ้อ่า เมื่อเจ้าของบ้านหลังงามหลังนี้กำลังลงมืออาละวาดพังทำลายข้าวของเครื่องใช้ จำพวกเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงหูฉีกลงอย่างบ้าคลั่ง น่านพยัคฆ์เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง หลังจากที่เขาได้กลับออกมาจากบ้านหลังใหญ่ บ้านซึ่งมีผู้อาศัยเป็นถึงเจ้าของไร่ ราชพยัคฆ์ ไร่ส้มที่กินบริเวณเนื้อที่เกินกว่าสองพันไร่...
“กูไม่แต่ง...ได้ยินไหมโว้ย!ว่ากูไม่แต่ง...” เสียงตะโกนควบคู่ไปกับการพังทำลายข้าวของ เรียกให้คนหมอบร่างสั่นเทาอยู่ใต้โต๊ะ นั้นต้องแอบโผล่หัวขึ้นมาชำเลืองสายตา เมียงมองไปยังเจ้านายของตัวเองเพียงนิด แต่ก็ไม่กล้าโผล่พรวดขึ้นมามองอย่างเต็มตาทั้งตัวนักหรอกนะ
ดวงตากลมแป๋วเหล่มองเจ้านายสุดรักอย่างท้อใจ ไม่แต่งก็ไม่แต่งสินาย ใครหน้าไหนเขาจะไปกล้าบังคับนายได้ ถึงแม้จะเป็นนายใหญ่ก็ตามเถอะ เห็นพอนายลุกขึ้นมาอาละวาดทำตัวคล้ายเด็กมีปัญหาทีไร เดี๋ยวนายใหญ่ก็ยอมลงให้อีกเช่นเคยนั่นแหละ ก็มันเป็นเสียแบบนี้ไง นายพยัคฆ์ของเธอถึงได้เอาแต่ใจตัวเองจนเคยตัว พอโดนขัดใจเข้านิด ก็กลับเข้ามาอาละวาด ทำลายข้าวของแพงๆเป็นการระบายอารมณ์ขุ่นมัว และพอสงบลงได้เมื่อไหร่ คราวนี้ก็ถึงตาอีสายบัว ต้องคอยก้มหน้าก้มตาตามเก็บตามกวาด ไอ้พวกเศษซากอารมณ์ของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายเหนือหัวด้วยความละเหี่ยใจ...
เพล้ง!!! เพล้ง!!!
เสียงเศษกระเบื้องตกกระทบกับพื้นไม้ยังคงดังขึ้นเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ดูทีท่าแล้วคงอีกนานกว่าพายุลูกโตจะสงบลงได้ คงไม่น่าจะจบลงง่ายๆเร็วๆนี้อย่างแน่นอน สายบัวเห็นได้ดังนั้น เลยหดหัวของตัวเองกลับลงไปหมอบลงใต้โต๊ะเหมือนเก่า...
เอ้า!ตามสบายเลยนายจร้า อีสายบัวจะนั่งรอจนกว่านายจะคลายอารมณ์หงุดหงิดก็แล้วกันนะ...
“นายคร้าบ นายสุดที่รักของมืด...” เสียงเรียกเจ้านายลากยาวมาแต่ไกล ไม่พ้นให้คนหลบอยู่ใต้โต๊ะต้องโผล่หัวขึ้นมาดูอีกรอบ พร้อมกับหลุดเสียงหลงออกไป เมื่อเห็นเจ้านายกำลังยกแจกันใบพอดีมือขึ้นมา
“อุ้ย! อย่าเพิ่งเดินเข้ามาพี่มืด ระวังด้วยจ๊ะพี่มืดจ๋า นายกำลังจะปาแจกันไปตรงนั้นแล้ว หลบๆพี่มืด...”ยังไม่ทันขาดคำเตือนดีด้วยซ้ำ เสียงแจกันกระแทกกับพื้นก็ดังขึ้น คนมาทีหลังถึงกับกระโดดจนตัวลอยเพื่อหลบแจกันราคาแพง
เพล้ง!...เพล้ง!
“เฮ้ย!นาย...” มืดที่ก้าวขาเข้ามาทีหลังรีบหดขากระโดดตัวลอย หลบแจกันใบแพงแทบไม่ทันกับเสียงร้องเตือนของน้องสาวตัวเอง และพอมืดเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบน ก็เห็นแจกันใบย่อมกำลังลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ก่อนจะตกตุบลงมากระแทกกับพื้นต่อหน้าต่อหน้าของตัวเอง
“พระเจ้า!ช่วยกล้วยหัก...โว้ย นายนะนาย...” มืดถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อตอนกระโดนหลบแจกัน
“ขวัญเอ่ยขวัญไอ้มืดจงกลับเข้าร่างมาด้วยเถิด อย่างเพิ่งเตลิดเปิดเปิงไปที่ไหนไกลเลย เจ้าประคุณเอ่ย...” มืดหลับหูหลับตาลูบอกของตัวเองขึ้นลงไปมาเพื่อเป็นการเรียกขวัญของตัวเอง ที่มันกระเจิดกระเจิงไปไกลให้กลับคืนมา แต่พอมืดลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ไอ้ขวัญที่เรียกกลับมานั้น มันยังไม่ทันจะเข้าร่างดีด้วยซ้ำก็มีอันต้องกระเจิงต่อไปอีกจนได้ เมื่อนายรักของมันเล่นเอาของราคาเฉียดสิบล้านแถมยังเป็นของชิ้นโปรดสุดรักสุดหวงของนายใหญ่ จับขึ้นมาพิจารณาก่อนจะโยนขึ้นกลางอากาศอย่างไร้เยื่อใย...
ตายห่า!!!เล่นของแพงเสียด้วยนายกู...ดวงตาหลังกรอบบานประตูขยายใหญ่โตจนเกือบล้นออกมานอกเบ้า มืดรีบเปร่งเสียงร้องห้ามนายของตัวเองเสียงดังลั่น...
“นายคร้าบ...ชิ้นนั้นไม่ได้นะ...โอ้ย!ๆๆ...ตายๆๆ” ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงห้ามของมืดดีด้วยซ้ำ
“ เพล้ง!” แจกันลายครามราคาแพงหูฉีก ก็มีอันต้องเป็นไปอีกใบจนได้ แถมใบนี้เป็นใบที่นายใหญ่ แห่งไร่ราชพยัคฆ์หวงนักหวงหนาเอาเสียด้วยสิ งานนี้ไอ้มืดมีหวังได้โดนหักค่าแรงจนตูดบานเป็นแน่แท้...
“เฮ้อ!นายนะนาย เล่นมืดอีกแล้วไหมล่ะนั้น...” มืดได้แต่ร้องอุทรอยู่ในใจ ใบหน้าครามแดดบิดเบี้ยวเมื่อนึกไปถึงสิ้นเดือนที่จะถึงนี้ ไอ้ของเก่าฝีมือนายทำไว้ก็ยังผ่อนจ่ายเขาไม่ทันจะหมดดี นี่นายเล่นของใหม่อีกแล้วหรือเนี่ย โธ่...กรรมของไอ้มืดแท้ๆเชียว...
เพราะถึงแม้ลูกพี่มันจะเป็นคนลงมือกระทำทุกอย่าง แต่คนรับกรรมก็คงหนีไม่พ้นลูกน้องตาดำๆอย่างไอ้มืดคนนี้คนเดียวอีกตามเคย ไม่รู้เงินเดือนออกสิ้นเดือนนี้ยังจะพอเหลือพาสาวคนรักไปเที่ยวสักกี่บาทกันเชียว เกิดมาเป็นขี้ข้าเขา ทำไมมันถึงได้ชีช้ำกะหล่ำปลีจังวะไอ้มืดเอ่ย...
มืดหลับตาปี๋เพื่อทำใจ ในใจก็ได้แต่นึกปลงอนิจจังกับตัวเอง ทำไมนายถึงได้ทำกับมืดอย่างนี้ นายนะนาย...มืดจะไม่รักนายอีกต่อไปแล้วด้วย ประเดี๋ยวเถอะ เมาๆแบบนี้จะปล่อยให้นอนตากยุงให้เป็นไข้เลือดออกเสียให้เข็ด...
แต่เมื่อมืดมองผ่านบานประตูเข้าไปยังด้านใน สิ่งที่มืดเห็นก็ทำให้มืดได้แต่แต่ส่ายหน้าให้กับภาพดังกล่าว...เมื่อชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาจนเป็นขวัญใจสาวๆไปทั่วทั้งตัวเมือง กำลังนั่งกระดกเหล้าเข้าปากอย่างไม่ลืมหัวลืมตา เฮ้อ!เอาเข้าจริงๆ ต่อให้ตัวมันต้องโดนหักเงินเดือนจนตัวเองล้มละลาย มืดก็ไม่กล้าทิ้งชายหนุ่มตรงหน้าไปไหนได้หรอก ชีวิตของนายพยัคฆ์นั้น ใครได้มาฟังก็มีแต่คนจะนึกสงสารและเห็นใจ และก็คงรู้สึกรักและเป็นห่วงนายไม่ต่างจากมันสักเท่าไหร่หรอกมืดเชื่อว่าอย่างนั้นนะ...
เมื่อไม่เห็นนายหยิบจับอะไรข้างตัวขึ้นมาอีก มืดจึงเดินเข้าไปยังด้านใน ตรงดิ่งไปหาเจ้านายที่กำลังนั่งกระดกเหล้าเข้าปากอักๆอยู่เพียงลำพัง...
“นายคร้าบนาย นี่มืดเองนะ...” พอก้าวขาเข้าไปใกล้ มืดจึงรายงานตัวเสียก่อนที่เจ้านายจะปาอะไรออกมากระแทกหัวมันเหมือนเมื่อคราวก่อนนี้อีก ถึงรอยแตกบนหัวจะหายสนิทดีแล้ว แต่รอยแผลนั้นก็ทำให้มืดขยาดกับนายรักไปอยู่พักหนึ่งก็ว่าได้...
“แล้วไอ้เหล้าเนี่ยเมื่อไหร่นายจะเลิกกินมันเสียทีฮะ กินไปก็ไม่เห็นมันจะช่วยอะไรนายได้สักที แล้วดูสภาพนายตอนนี้สิมันดูได้เสียที่ไหนกัน นี่ถ้าพวกสาวๆคนไหนดันโผล่หน้าเข้ามาเห็นนายสภาพนี้เข้านะ มีหวังไอ้คะแนนความฮอทปรอทแตกของนาย จะไม่เหลือให้เห็นมันสักคะแนนเดียว...”
ถึงปากจะพร่ำพูดไปเรื่อย แต่สายตายามเมื่อมองไปยังร่างใหญ่โตของผู้เป็นนายรัก มันกลับฉายแววแสดงถึงความห่วงใยอยู่ในนั้นจนเต็มเปี่ยม มืดต้องใช้วิชาตัวเบาในการเดินย่องเพื่อหลบพวกเศษแก้วเศษกระเบื้องพอสมควร กว่าจะเดินเข้าไปถึงยังโซฟา ตัวที่นายรักนอนเมาจนไม่เหลือคราบของพญาพยัคฆ์แต่กลับกลายเป็นตัวอะไรไปแล้วก็ไม่รู้ตอนนี้...
สายตาดำทอดมองผู้เป็นนายพร้อมกับส่ายหัวไปมา ชายหนุ่มที่คนทั้งค่อนเมืองต่างให้ความเคารพยำเกรงด้วยมีนิสัยกล้าได้กล้าเสีย ถึงไหนถึงกัน แต่ตอนนี้ดูสิ ถ้าใครมาเห็นเข้า ยังจะหลงเหลือความน่าเกรงขามเอาไว้อยู่อีกไหมหนอ? มืดมองนายรักแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างอิดหนาระอาใจ โดยไม่รู้จะช่วยเหลือนายรักอย่างไรดี
ในเมื่อเสือกับสิงห์นั้นแรงด้วยกันทั้งคู่ มันก็แค่ลูกน้องตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น คงไม่อาจเอื้อมยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหองระแหงของพ่อลูกคู่นี้ได้ ทุกอย่างคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรกรรมจะนำพาไปก็แล้วกัน...
“ใครมันมาเห่าอยู่ข้างหูของกูวะ...” เสียงคนเมาเหล้าดังขึ้นอ้อแอ้เต็มที แต่ก็ทำให้คนฟังถึงกับสะบัดค้อนใส่ผู้เป็นนายได้
“มืดเองนาย...แล้วมืดก็เป็นคนนะไม่ใช่หมาที่ไหนด้วย...” คนไม่เมาเอ่ยแย้งเสียงเง้างอน
“อ้อ...อ้ายมืดเองเหรอ เอ่อๆ...มึงมาก็ดีแล้ว ปายอาวหล้าวมาเพิ่มให้กูอีกขวดดิ ขวดนี้มันแตกหมดแล้ววะ...เอิ้ก...ดูดิ เหล้าห่าอารายวะแตกง่ายฉิบหาย...” น่านพยัคฆ์ร้องสั่งลูกน้องคนสนิทเสียงยานคาง ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำเพราะพิษของแอลกอฮอล์ ดวงตาสีสนิมเหล็กเปิดปรือแทบลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว แต่ปากก็ยังเรียกหาน้ำเมาไม่หยุดหย่อน
“พอเถอะนาย...เมาจนนั่งจะไม่ไหวอยู่แล้วนั่น ยังจะกินต่ออีกทำไม...มา มืดจะพานายขึ้นไปนอนข้างบนเอง พอได้แล้วนาย เชื่อมืดสักครั้งเหอะ ปะนาย ลุก...” มืดรีบขันอาสาพร้อมกับส่ายหน้า เมื่อยังเห็นนายรักกระดกเหล้าเข้าปากต่อไม่คิดจะฟังคำห้ามกันเสียบ้างเลย มืดเลยเดินตรงรี่เพื่อหวังจะเข้าไปพยุงร่างใหญ่โตให้ขึ้นไปนอนยังข้างบน แต่ดูเหมือนมืดยังไม่ทันจะถึงตัวนายรักดีด้วยซ้ำ ลำขายาวก็ยื่นออกมากันเอาไว้เสียก่อนแล้ว...
“อย่าดื้อนักสินาย มืดจะพาไปนอนไง...” มืดไม่ยอมง่ายๆหลบปลายเท้าแข็งแรงแล้วพุ่งร่างที่เล็กกว่าเข้าไปหาร่างใหญ่โต แต่ทว่ากลับโดนฝ่ามือหนายันออกมาอีกเช่นเคย
“เสือก... กูสั่งให้มึงไปอาวเหล้ามาให้กูงาย...ปายอาวมาเดี๋ยวนี้...เดี่ยๆมึงโดนตีนกูจนด้ายหรอก...อ้ายมืด อ้ายลูกน้องไม่รักดี...” น่านพยัคฆ์ขืนตัวเองไว้สุดพลัง เมื่อมืดจะเข้าไปพยุงร่างของตัวเองให้ลุกขึ้นจากโซฟา มือหนาจึงผลักร่างมืดให้ออกห่างอย่างคนอารมณ์เสีย ฝ่าเท้าก็ยกยันทำท่าทำทางจะสั่งสอนลูกน้องให้ได้ทั้งๆที่ตัวเองก็แทบจะครองสติตัวเองไม่ไหวอยู่แล้วนั้น...
“อย่ามาดื้อกับมืดนะนาย แล้วจะหาว่ามืดไม่เตือนไม่ได้นะ...” ลูกน้องไม่รักดี แอบทำปากขมุบขมิบบ่นคนเดียวเสียงแผ่วเบา พร้อมกับส่งค้อนประหลับประเหลือกมองคนเมาเอ้อย่างคาดโทษ ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาเสียงดัง และเมื่อขยับเข้าใกล้ร่างใหญ่อีกครั้ง มืดก็โดนผลักออกมาเหมือนเช่นเคยอีกจนได้...
“สรุปว่านายจะไม่ขึ้นไปนอนข้างบนใช่ไหมฮะคืนนี้...” คนถามยืดตัวตรงยืนเท้าสะเอวมองหน้าผู้เป็นเจ้านายตาเขียวปั๊ด
“แล้วจะนอนตรงนี้ให้ยุงมันหามนายไปกินแทนข้าว...” คนยืนเท้าสะเอวยังคงถามต่อ แต่ทว่าคนเมาเหล้ากับนั่งฟังเฉย ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงที่ถามเสียอย่างนั้นไป คนถามเองก็ชักเริ่มจะอ่อนใจกับความดื้อรั้นมากขึ้นทุกทีของเจ้านายตัวเอง
“ ทำตัวไม่น่ารักเลยนะนายเนี่ย...เฮ้อ! นี่ถ้าหากนายเกิดเป็นของลูกของไอ้มืดนะ มืดจะจับนายตีก้นเสียให้ลายเลยคอยดู ทั้งดื้อรันทั้งเอาแต่ใจก็เป็นที่หนึ่ง...อะๆ...ไมต้องมาทำตาขวางใส่มืดเลย มืดพูดเรื่องจริง...” เมื่อโดนผลักร่างให้ถอยห่าง มืดก็เอาแต่ยืนบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ใบหน้างอหักไปตามอารมณ์บูดบึ้งของตัวเอง...
“งั้นมึงก็มาเป็นพ่อของกูเสียเลยสิอ้ายมืด ไอ้ลูกน้องไม่รักดี ฮึ..ฮึ... แต่ถ้าจะว่าไป ถ้ากูได้มึงเป็นพ่อก็เข้าท่าไม่เลวแฮะ... อย่างน้อยๆแม่กูก็คงไม่ต้องมาตรอมใจตายเหมือนอย่างนี้หรอก มึงว่าไหมไอ้มืด...”
น่านพยัคฆ์หัวเราะเยาะเสียงขม ดวงตาสีสนิมฉ่ำปรือขึ้นเล็กน้อย ถ้าเลือกเกิดได้เขาเองก็ไม่ได้อยากเกิดมามีพ่อใจร้ายใจดำ ทำร้ายจิตใจได้แม้กระทั่งผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของตัวเอง ก็ที่แม่ของเขาต้องตรอมใจตายก็เพราะใครกันล่ะ ถ้าไม่ใช่ผู้ชายใจร้ายคนนั้นกับแม่ผู้หญิงหิวเงินทั้งหลาย...
“ไม่เอานะนาย เรื่องมันก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว ยังจะเก็บเอามาทำร้ายตัวเองอีกทำไม ลืมได้ก็ลืมมันไปเสียทีเถอะ เพราะให้ถึงยังไงนายใหญ่ก็เป็นพ่อของนาย จะให้ไปเป็นอย่างอื่นได้ยังไงล่ะจริงไหมหึ... เพราะอย่างน้อยๆตอนนี้นายใหญ่ท่านก็เลิกหมดทุกอย่างได้แล้ว นายก็สมควรจะเลิกคิด เลิกเก็บเอามาใส่ใจได้แล้วเหมือนกัน หรือนายจะไม่คิดให้อภัยพ่อของตัวเองบ้างเลยเชียวเหรอ คิดมากไปก็แค่นั้น มืดไม่เห็นนายจะมีความสุขกับเรื่องนี้เลยสักครั้ง ความสุขของคนเรามันสั้นนะนาย ตอนนี้นายพยัคฆ์มีนายใหญ่ต้องคอยดูแล ก็ต้องสลัดเรื่องไม่สบายใจให้ออกไปเสียให้หมด ...ปะนาย...ขึ้นไปนอนข้างบนกันเถอะนะ เดี๋ยวมืดจะพานายไปเอง” คนเป็นลูกน้องร่ายยาวเพื่อต้องการเตือนสติคนเป็นนาย เพราะให้ถึงยังไงพ่อก็ต้องเป็นพ่ออยู่วันยังค่ำ จะเปลี่ยนให้ไปเป็นคนอื่นไกลก็คงจะทำไม่ได้ ทุกคนเกิดมาย่อมมีข้อผิดผลาดด้วยกันหมดทุกคนนั่นแหละ มันก็ขึ้นอยู่ที่ว่า ใครจะรู้ตัวเร็วหรือช้า เพื่อหยุดและหันกลับไปแก้ไขในส่วนที่ผิดผลาดของตัวเอง...
เมื่อมืดเห็นนายคร่ำครวญถึงอดีตความเจ็บปวดขึ้นมาทีไร ก็ได้แต่นึกเห็นใจและอดสงสารเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งที่นายยังเป็นเด็กตัวน้อยๆอยู่ไม่ได้...
ในตอนนั้นนายเกือบจะเสียผู้เสียคนจนกลายเป็นอันธพาลครองเมืองไปแล้ว หากไม่ได้คุณพาดายื่นมือเข้ามาช่วย เพราะจิตใจของนายในตอนนั้น ยังคงฝั่งใจเจ็บเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้นายหญิงต้องตรอมใจตาย นี่ถ้าไม่ได้คุณพาดา มารดาของคุณพีรยุทธ์คอยสั่งสอนและห้ามปรามกันเอาไว้ ป่านนี้ไม่รู้ไอ้มืดจะมีนายเป็นเจ้าของไร่ส้มใหญ่โตอันดับหนึ่งของเมืองเหนือ หรือจะมีนายเป็นพวกนักเลงหัวไม้เสียก็ไม่รู้ คิดขึ้นมาทีไรขนแขนก็พาลจะลุกซู่ขึ้นมาอีกจนได้...
“เพราะอะไรรู้ไหมไอ้มืด ก็เพราะมึงไม่เคยทิ้งกู ทิ้งแม่กูไปไหน เหมือนกับใครบางคนไง เขาทิ้งกู ทิ้งแม่กูไปกกกอดอยู่กับอีพวกหน้าด้านหิวเงินพวกนั้น พวกมันมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของแม่กู กูเห็น..ทำไมกูจะไม่เห็น ท่านร้องไห้เสียใจหนักหนาจะเป็นจะตายให้ได้ขนาดไหน กูเห็นแต่กูก็ช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย ไอ้มืด กูช่วยแบ่งเบาความเจ็บช้ำของท่านไม่ได้เลย...” น่านพยัคฆ์ยังคงพูดตัดพ้อเสียงแผ่วด้วยความเจ็บช้ำในทรวงอก หางตาเริ่มมีน้ำใสๆไหลคลอ ไม่ยอมขยับร่างตามแรงดึงของลูกน้องคู่ใจที่ยังคงเพียรพยายามชุดลากให้ร่างใหญ่ลุกขึ้นจากโซฟา น้ำตาของมารดายังคงฝั่งลึกอยู่ในความทรงจำอันเลวร้าย มันยากนักที่จะหาอะไรมาลบล้างให้มันออกไปจากใจหรือเพียงแค่เจือจางก็คงไม่มี...
“เขาไม่เคยรักกู...” น่านพยัคฆ์ยังคงพร่ำพูดออกมาด้วยความน้อยอกน้อยใจ
“นายสิงห์ท่านรักและหวังดีกับนายมากนะ ทำไมถึงคิดอะไรไม่เข้าท่าแบบนั้น ถ้าไม่รักก็คงไม่หาเมียให้นายอย่างนี้หรอก ท่านคงอยากเห็นนายเป็นฝั่งเป็นฝา มีครอบครัวกับเขาสักทีน่ะนาย...” มืดพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ พร้อมกับหยั่งเชิงถามเรื่องที่ตัวเองไปได้ยินมา จริงเท็จแค่ไหนกันที่ว่านายสิงห์กำลังจะหาเมียให้นายของมัน...
“หึ...ก็เลยเอาผู้หญิงหน้าเงิน ที่บ้านติดหนี้แล้วไม่มีปัญญาจ่าย มาถวายใส่พานให้กูซะเลยว่างั้น...ฮึ...ฮึ...น่าสมเพชวะ...คนอย่างกูจะมีเมียทั้งที มันต้องจุติมาจากฟ้าจากสวรรค์นู่นโว้ย ไม่ใช่อีหน้าด้านตัวไหน พอไม่มีปัญญาจ่ายหนี้คืน ก็เอาตัวเน่าๆเข้าแลก...” คนฟังได้แต่ขว้างค้อนใส่กับคำหยาบคายเมื่อพูดไปถึงว่าที่เมียของนาย เมื่อได้ฟังมืดก็ถึงบางอ้อทันที คงจะเป็นเรื่องจริงสินะ ที่นายสิงห์บังคับให้นายพยัคฆ์แต่งงานกับหลานสาวเพื่อนสนิทของตัวเองที่กรุงเทพฯ...
“นายก็ไปปรักปรำเขา ยังไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักนิสัยใจคอเขาเลยสักนิด อย่าพึ่งด่วนสรุปสินาย ถ้าหากเขาเป็นคนไม่ดีจริง มีหรือที่นายสิงห์จะยอมยกหนี้สินทั้งหมดให้ แถมยังยกตำแหน่งลูกสะใภ้ให้อีกด้วยนะ เขาก็คงมีอะไรดีจนเข้าตาของนายสิงห์บ้างล่ะ ไม่งั้นหนี้สินจำนวนมหาศาลขนาดนั้น ใครจะไปกล้ายกให้ง่ายๆได้เล่า จริงไหมนาย ...”
มืดพูดเตือนสติคนเป็นนาย คนเราอย่าเพิ่งไปด่วนสรุปอะไรง่ายๆ หากว่าเราไม่เคยไปคลุกคลีกับเขาเสียก่อน สะใภ้ขัดดอกของนายสิงห์คนนี้ อาจมีอะไรดีสักอย่าง ไม่งั้นมีหรือที่นายสิงห์จะกล้าขัดใจลูกชายสุดที่รักโดยการบังคับกันทางตรงแบบนี้ได้ มืดก็ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ ขออย่าให้เรื่องราวนี้ลุกลามใหญ่โตจนถึงขั้นบ้านแตกกันอีกเลย...
“พ่อคงอยากให้กูได้กับผู้หญิงนิสัยเลวเหมือนที่เขาเคยได้มาก่อนนะสิ กูรู้ทั้นเขาหรอกน่าไอ้มืด ...” น่านพยัคฆ์ค้านขึ้นเสียงแข็ง นึกไปถึงผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาทีไร เขาอยากจะลงไปฉีกเนื้อเจ้าหล่อนออกเป็นชิ้นๆให้แหลกคามือเขานัก ข้อหาบังอาจทำให้เขาต้องเดือดร้อนรำคาญใจ จนถึงขั้นเขากับตาเฒ่าสิงห์ต้องมาทะเลาะกัน จนตาเฒ่าต้องเรียกหายาเสียงข่มลั่นไปทั้งบ้าน แถมยังมีหน้ามาข่มขู่ ให้เขายอมรับข้อเสนอปัญญาอ่อนแสนอ่อนนั้นให้ได้ ถ้าหากเขาไม่ยอมตกลงแต่งงานตามสัญญาบ้าบอนั้น ตาเฒ่าสิงห์จะไม่ยอมเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจที่อเมริกา...
มืดปรายหางตามองคนนิสัยดี๊ดี แล้วเกิดอาการคันปากยิบๆขึ้นมาในบัดดล...
แหมะ...พ่อคนนิสัยดีมาก พูดอะไรออกมาไม่หัดดูตัวเองบ้างเลยนะนายจ๋า...
“นายก็แต่งๆไปเหอะ จะเล่นองค์ไปทำไมนักหนาเนี่ย อายุก็ปาเข้าไปจะขึ้นเลขสี่อยู่อีกปีสองปีข้างหน้าแล้วนะ จะเก็บมันไว้ทำไมนักหนากะไอ้ความโสดเนี่ย เอาไปแลกมาเป็นเงินเป็นทองก็ไม่ได้..มืดเห็นพอนายอยากๆขึ้นมาทีไร ก็ต้องวิ่งรถเข้าไปหาที่ระบายในเมืองทุกที ของมันมีแต่เน่าๆนะนาย ไม่เบื่อมั้งไงล่ะ มีเมียเป็นของตัวเองก็ดีไปอย่างนะนาย ไม่ต้องเสี่ยงกับโรคร้ายด้วย... “
“เดี๋ยวกูถีบให้เลยไอ้ห่านี่ กูไม่ได้พวกเอาไม่เลือกเสียหน่อยโว้ย กูก็แค่เข้าไปหาความบันเทิงเริงใจนิดๆหน่อยๆเพื่อแก้เหงา พอได้ที่กูก็ขับรถกลับไร่ มึงก็เห็นไม่ใช่หรืองาย ไอ้ลูกน้องทรยศ...” คนเมาขึ้นเสียงเถียงกลับทันที
“น้องนิดน้องหน่อยนะสิไม่ว่า...” คนรู้ทันทำปากขมุบขมิบ
“เอาง่ายๆเลยนะนาย มืดจะยกตัวอย่างให้ได้เห็นถึงการมีเมียมันดียังไง มืดจะบอกให้นายเอาไว้ใช้เพื่อไปพิจรณาดูทีหลังก็ได้...” มืดตั้งท่าอธิบายให้คนเมาฟังอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งๆที่ตัวมันเองก็ยังไม่เคยมีเมียกะเขาเหมือนกัน จะให้มีได้ยังไงก็มันกับนายรักตัวติดกันยิ่งกว่าผัวเมียเสียอีก เห็นนายพยัคฆ์ที่ไหนก็ต้องเห็นมันที่นั้นด้วยเช่นกัน...
“นายก็หัดดูตัวอย่างใกล้ๆเรานี่เลย...พ่อเลี้ยงพี เพื่อนสนิทของนายอะ ตั้งแต่พ่อเลี้ยงแกแต่งงานไปกับคุณน้ำผึ้ง พ่อเลี้ยงก็ดูมีความสุขจนไม่มีเวลาหลงเหลือเผื่อแผ่ ไปทำตัว สำมะเลเรเทเมากะนายเหมือนแต่ก่อนแล้วใช่มะ... นี่มืดได้ข่าวล่าสุด พ่อเลี้ยงแกเห่อลูกคนแรกน่าดู การ์ดเชิญเลี้ยงฉลองลูกคนแรกของไร่พนาวรรณ อยู่บนโต้ะนายอยู่เลยไม่ใช่ไง...” คนสาธยายหยุดพักเพื่อหายใจ
“อืม!” คนเมาที่นั่งหลับตาส่งเสียงตอบรับแผ่วเบา มืดต้องชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ๆใบหน้าหล่อคมคาย เมื่อมืดไม่แน่ใจไอ้ที่นายตอบรับออกมานั้น เห็นด้วยหรือว่าหลับจนละเมอขึ้นมากันแน่...
“หลับแล้วหรือนาย?”
“กูไม่หลับ...” คนเมายังส่งเสียงตอบอ้อแอ้
ไม่ใช่น่านพยัคฆ์จะไม่มีคนมาชอบพอ ถ้าจะให้ไอ้มืดโม้ บอกได้คำเดียวเลย...หัวกระไดไร่นี้ไม่เคยแห้งสักวัน มีหญิงสาวมากหน้าหลายตา เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัตินานับประการ ไม่ว่าจะรูปร่างน่าตาหรือแม้แต่ชาติตระกูลอันสูงส่งมากน้อยต่างระดับแค่ไหน ต่างดาหน้ากันวิ่งเข้าหานายกันทั้งนั้น แต่น่านพยัคฆ์ก็ไม่เคยคิดหันไปชายตาแล หรือให้ความสนใจสนิทชิดเชื้อ พิศวาสกับใครมากเป็นพิเศษเลยสักคนเดียว ต่อให้สาวใจกล้าคนใดมาทอดสะพานเหล็กสะพานปูนถึงขั้นแก้ผ้ารอกันบนเตียงนอน น่านพยัคฆ์ก็มีแต่ไล่ตะเพิด วิ่งแจ้นหนีออกจากไร่กันแทบสวมใส่เสื้อผ้ากันไม่ทัน...
“นายสิงห์ท่านคงอยากอุ้มหลานกับเขามั่งแล้วนะสิ ก็ลูกชายของท่านแก่จนจะเข้าวัยชราอยู่อีกไม่กี่ปี เล่นไม่มองผู้หญิงคนไหนเลยแบบนี้ นายสิงห์ท่านก็คงนึกเป็นห่วงนามสกุลของท่านจะมาสิ้นก็เพราะรุ่นของนายนี่ล่ะมืดว่า...แต่ถ้าจะพูดไป ไม่ใช่จะมีแต่นายสิงห์หรอก แม้แต่ ไอ้มืดคนนี้ก็อยากเลี้ยงนายน้อยตัวเล็กๆแล้วเหมือนกันนะนายจ๋า รับคำนายสิงห์ไปเลยนะนาย...มืดขอร้อง”
“นี่มึงกล้าหลอกด่า หาว่ากูแก่แล้วอย่างงั้นเหรออ้ายมืด...เดี้ยๆ อ้ายนี้วอนตีนกูอีกแล้วหมายล่ะ...เอิ้ก...” เสียงคนเมายังดังอ้อแอ้ ไม่ได้หลับอย่างที่มืดสงสัย แถมยังมีเรี่ยวแรงยกแข้งยกขาขึ้นมาอีกต่างหาก
“มืดเปล่านะนาย อย่ามาหาเรื่องกันสิ มืดแค่อธิบายให้ฟังเฉยๆแค่นั้น...” มืดส่ายหน้าดิกพร้อมกับกระโดดหลบลำขาใหญ่ไปยืนอีกด้านหนึ่งเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
“กูม่ายแต่งโว้ย...” คอที่พับลงกระดกขึ้นเอนไปเอียงมา
“ผู้หญิงมันก็เหมือนกันหมดทั้งนั้นแหละ... มันมีแต่พวกหิวเงิน...มักมาก...หน้าไร้ยางอาย...มึงก็รู้ แม่กูต้องตรอมใจตายเพราะอะไร” คนเมาร้องถามถึงอดีตการตายของนายหญิงคนเก่า
ใช่...มืดรู้ แต่นั้นมันเป็นเรื่องของเจ้านาย และมันก็เป็นอดีตไปนานแล้วด้วย...
“นั่นสิจ๊ะพี่มืด...นายหญิงม่านฟ้าท่านเป็นอะไรตาย...” แต่คนที่ยังไม่รู้รีบเสนอหน้าออกมาจากหลุมหลบภัยด้วยความอยากรู้อยากเห็นจนลืมกลัว
สายบัวค่อยๆเขยิบคลานเข่าเข้ามาหาพี่ชายของตัวเอง แววตาสาวใช้ส่อประกายอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา จนมืดต้องขึงตาใส่น้องสาวของตัวเองเพื่อเป็นการห้ามปราม...
“ไม่ใช่เรื่องของเอ็งน่าสายบัว...ไปเอาไม้กวาดมาเก็บทำความสะอาดได้แล้วไป แล้วก็เลยไปตามพวกคนงานในไร่มาช่วยเอ็งก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่จะพานายพยัคฆ์ขึ้นไปนอนข้างบนห้อง...” มืดพูดตัดบทไล่ให้สายบัวไปให้พ้นๆ เรื่องบางเรื่องของเจ้านาย มืดเองก็ไม่อยากเอามาโพนทะนาให้ขยายไปไกล ยิ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจโดยตรงของผู้เป็นนายรัก มืดเองก็ไม่คิดจะเปิดปากบอกเล่าให้ใครฟังอีก...
“แหมพี่มืดก็!...สายบัวก็แค่สงสัย ทำไมต้องทำตัวมีความลับกับสายบัวอยู่เรื่อยเลย เฮ้อ!วัยรุ่นเซ็ง... “ สายบัวส่งสายตาค้อนควัก แอบนึกเสียดายเล็กๆ แต่ก็ยังไม่ยอมล่าถอยยอมแพ้ง่ายๆ แต่กับนั่งจุ่มปุ๊อยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนตามที่พี่ชายไล่
“ไม่เล่าให้สายบัวฟังก็ไม่เป็นไรจ้ะ สายบัวไม่อยากรู้มากเท่ากับเรื่องอีกเรื่องหนึ่งหรอก...” น้องสาวหัวดื้อขยับเข้าไปหาพี่ชายอย่างประจบประแจง
“เรื่องอะไรของเอ็งอีกวะไอ้นี่...ช่างสอดช่างเสือกเรื่องของเจ้านายเขาดีจริงๆเลยนะเอ็ง เดี๋ยวเหอะ...พี่จะไปฟ้องแม่สายใจ ให้กำราบเอ็งเสียเข็ดบ้าง ชอบยุ่งนักเรื่องของเจ้านายเขาน่ะ” คนเป็นพี่ถึงกับเอ็ดตะโรน้องสาว
“นิดนึงน่าพี่มืดก็จ๋า อย่าทำตัวเป็นลูกช่างฟ้องไปนักเลยคุณพี่ขา สายบัวก็แค่อยากจะรู้ ไอ้เรื่องที่พี่ไม้เอาไปโพนทะนาเล่าให้พวกคนงานในไร่เขาฟังกันน่ะพี่ ฉันได้ยินแล้วก็แหม!...อดจะดีใจจนเนื้อเต้นเหมือนกับทุกคนในไร่เขาไม่ได้ ต่อไปนี้ที่ไร่ของเราจะได้มีนายหญิงกับเขาเสียที มันทำให้สายบัวรู้สึกแช่มชื่นหัวใจจังเลย....หึ ไม่ใช่วันๆก็คอยแต่จะต้องมาหลบเศษแก้ว เศษกระเบื้อง เวลานายพยัคฆ์โมโหกลับมาทีไร อีสายบัวต้องเจ็บตัวทุกที... นี่ ถ้านายมีเมีย นายคงจะใจเย็นขึ้นนะพี่มืด เน่อะๆ..” ทุกคนในไร่พอได้รู้ข่าวต่างก็ดีอกดีใจกันไปตามๆกัน คงเห็นจะมีหลงเหลือแค่เพียงคนเดียวนั่นแหละ...
ก็คนที่กำลังนอนเมาแอ้ สติไม่อยู่กับร่องกับรอยนี่ไง...
เฮ้อ! มืดได้แต่ถอนหายใจ รู้สึกกังวลไม่น้อย ไอ้ไม้เป็นคนงานในไร่ ปากของมันสว่างยิ่งกว่าไฟฉายเทอร์โบเสียอีก...มันคงไปได้ยิน ตอนนายใหญ่กับนายพยัคฆ์ทะเลาะกันในออฟฟิศ นายสิงห์จะให้นายพยัคฆ์แต่งเมีย... มันเลยเที่ยวเอาไปโพนทะนาทั่วทั้งไร่ พอมืดได้ยินเข้า ก็เลยรีบวิ่งหน้าตั้ง เพื่อจะมาสอบถามความจริงจากปากของนายพยัคฆ์ให้รู้แจ้ง แต่พอมืดเข้ามาแล้วเห็นสภาพพังพินาศของข้าวของในบ้านเล็กเข้า ก็คงไม่ต้องถามอะไรกันให้มากความอีกแล้ว แบบนี้ก็คงจะเป็นเรื่องจริงเสียยิ่งกว่าจริงร้อยเปอร์เซ็นต์...
“อย่างพึ่งพูดไปก็แล้วกันสายบัว...ไป...เอ็งไปเอาไม้กวาดมาทำความสะอาดได้แล้ว เดี๋ยวพี่จะพานายขึ้นไปนอนข้างบน
“จ้าพี่มืด...” สายบัวรับคำพี่ชายก่อนจะลุกขึ้นไปตามพวกคนงานหญิงในไร่มาช่วยกับเก็บทำความสะอาด
“กูจะกินหล้าว...” เสียงของน่านพยัคฆ์ยังคงดังอ้อแอ้แม้จะค่อยๆแผ่วเบาลงตามร่างใหญ่ ซึ่งตอนนี้นอนพิงไปกับพนักโซฟาคอพับคออ่อน ลมหายใจค่อยๆพ่นเข้าพ่นออกจังหวะสม่ำเสมอมากขึ้นเรื่อยๆ
“มานาย...ไปนอนข้างบนกับเถอะ มืดจะพาไปนอนเอง...” มืดไม่รอให้น่านพยัคฆ์อนุญาต จึงเข้าไปพยุงร่างใหญ่ลากให้ลุกขึ้น แม้จะทุลักทุเลอยู่บ้าง เพราะคนเมาไม่สิ้นฤทธิ์ลงเสียทีเดียว ยังคงมีอาการขัดขืนเป็นระยะๆ อีกทั้งรูปร่างใหญ่โตของน่านพยัคฆ์ ซึ่งมีขนาดแตกต่างจากคนแบกรั้งร่างไว้อยู่เกือบเท่าตัว แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับมืด เพราะนี่ก็เป็นเรื่องปกติสำหรับตัวเองเช่นเดียวกัน...
-----------------------------
*สามารถหาอ่านฉบับเต็มได้แล้ววันนี้*
กดเข้าอ่านตรงนี้เลยจ้า... https://writer.dek-d.com/suwannaparphtude/writer/view.php?id=1439520