หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

คืนน้ำหลาก ประสบการณ์หลอนชวนขนหัวลุก

โพสท์โดย สาระพันเรื่องรอบรู้

...ติ้ด...

"สวัสดีครับ ผมชื่อเอก ตอนนี้ผมหลงทางอยู่ในป่าไม่รู้กี่วันแล้ว แทบไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากแมลงกับใบไม้ หากใครได้ดูวิดีโอนี้ได้โปรดช่วยส่งต่อให้พ่อแม่ผมทีนะครับ.." ชายหนุ่มตัดพ้อถอนหายใจ หลังจากหยิบกล้องวิดีโอที่แบตจวนจะหมดขึ้นมาเพื่อบันทึกวิดีโอไว้

เอก เป็นชายหนุ่มสูงยาวอายุ 24 ปี เพิ่งเรียนจบจากมหาลัย เพื่อเป็นการค้นหาตัวเอง คนที่ชอบธรรมชาติและชอบเดินป่าอย่างเอก จึงออกมาท้าทายชีวิตหลังเรียนจบด้วยตัวเอง เอกน่ะบ้านมันรวย พ่อมันเป็นคงมีตังค์ ทำธุรกิจส่งออกนำเข้าจากต่างประเทศ การจะออกมาเที่ยวเล่นเตร็ดเตร่ชมนกดูไม้ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม เอกจะเที่ยวเล่นอย่างนี้กี่ปีก็ได้ เพราะยังก็คงไม่ไเดือดร้อนเรื่องเงินอยู่แล้ว ส่วนพ่อมันน่ะ แค่ลูกชายหัวแก้วแหวนไม่ไปติดเหล้าเมายา แค่ชอบในการเดินป่า ทางพ่อน่ะขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก กลับยิ่งดีใจเสียด้วยซ้ำ..

ด้วยสาเหตุนี้เอง เอกมันจึงมีความฝันตามประสาคนสมัยใหม่ อย่างไอ้การเป็นยูทูปเบอร์เนี่ย ทำช่องทำอะไรของตัวเอง ถ่ายชีวิตให้คนอื่นเค้าดู แค่มีคนมาติดตามมีโฆษณาเข้าหน่อย แค่นี้ก็พอที่จะหล่อเลี้ยงชีพหนุ่มโสดตัวคนเดียวอย่างเอกได้สบายๆ

ครั้งนี้เองก็เช่นกัน เจ้าเอกที่ไฟแรงได้ออกมาทำตามสู่ความฝัน เอกพกกล้องมาหนึ่งตัวกับสัมภาระที่จำเป็นมีมีดอยู่เล่มหนึ่งไว้คอยถางไม้ถางหญ้า ทั้งยังเอาไว้ใช้ป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายได้อีกตัว แต่สิ่งเดียวที่เอกมันคิดผิดก็คงจะเป็นการที่มันประมาทเกินไป ดูถูกป่าเขาในยามหน้าฝน ฤดูที่มีน้ำป่าไหลหลาก แต่ไอ้แค่นี้ยังไม่เท่าไหร่ เจ้าเอกน่ะสิ ดันคิดว่าตัวเองแน่ จึงได้มาเดินป่าที่ป่าดิบชื้นรกชัฏอย่างนี้คนเดียว ซึ่งป่าที่เจ้าเอกยืนหลงอยู่เนี่ย มันไม่ใช่ป่าธรรมดาที่มือสมัครเล่นจะได้จอดรถเดินเข้ามาจากถนนใหญ่ ไม่กี่กิโลก็เจอ แต่ครั้งนี้คือป่าดงดิบในภาคตะวันออกแถวจังหวัดจันทบุรี หรือที่ชาวบ้านคุ้นเคยเรียกติดปากกันว่า"ผืนป่าเมืองจันท์" สถานที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ห้อยโตงเตงไปด้วยเถาวัลย์และพันธุ์ไม้เลื้อยต่างๆนานายั๊วเยี๊ยะเต็มไปหมด ทำให้สภาพในตอนกลางวันน่ะ มืดสลัวจนแทบไม่ต่างอะไรกับตอนโพล้เพล้

และที่เจ้าเอกมันกระเสือกกระสน รอดมาได้จนเกือบสัปดาห์เนี่ย เป็นเพราะช่วงนี้มันเป็นหน้าฝน ฝนตกหนัก ทำให้อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับขาดน้ำจนตาย แต่เรื่องอาหารการกินนี่ไม่ต้องพูดถึง เด็กสมัยนี้คิดว่าแค่มีมีดดีๆสักเล่มกับอุปกรณ์จุดไฟ ก็คงจะเอาตัวรอดในป่านี้ได้สบาย คงคิดว่าตัวเองเป็นพรานกระมัง แน่นอนว่าเจ้าเอกก็เป็นหนึ่งคนที่คิดเช่นนั้น สุดท้ายจึงลงเอยที่ฝนตกอากาศชื้นจนจุดไฟไม่ติด กระต่ายสักตัวก็ไม่มีปัญญาจับได้ เอกจึงทำได้แค่หาใบไม้สมุนไพร หนอน แมลง ที่พอจะกินได้ ยัดเข้าปากเพื่อประทังชีวิตเอา ยังดีที่มันยังพยายามหลีกเลี่ยงที่จะกินเห็ด แม้ว่าในป่าชื้นจะมีเห็ดขึ้นเต็มไปหมด แต่เจ้าเอกมันไม่อยากเสี่ยง ไม่ว่าจะสีสันแบบไหนจะคิดไว้ก่อนเลยว่าเป็นเห็ดมีพิษ กินเข้าไปละเป็นอันตราย..

นี่ก็ผ่านเข้ามาจนวันที่หกแล้ว เอกเดินตามทางมาเรื่อยๆอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ โชคยังดีที่แม้ฝนจะตกหนักแต่ก็มีไม้ใหญ่มากพอที่จะใช้เป็นที่กำบัง ยิ่งกลางคืนที่อุณหภูมิลดต่ำ ไม่งั้นคงจะปอดบวมตายไปนานแล้ว และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ลมแรงมาก พัดใบไม้ต้นไม้สั่นไหว ตลอดทั้งวัน เหล่านกกาต่างพากันร้องดังเป็นสัญญาว่าฝนห่าใหญ่กำลังจะมา

ตุบ! ตุบ! ตุบ!

เอกวิ่งจ้ำอ้าวอย่างสุดกำลัง แม้เขาจะแทบไม่มีเรี่ยวแรงจากการขาดอาหาร แต่ขืนรอช้าจนน้ำป่าไหลมาละก็ ถึงตอนนั้นเอกได้ตายจริงๆแน่ แต่เหมือนคราวนี้จะยังไม่ถึงคราซวย เมื่อเอกวิ่งมาจนพ้นป่ารกชัฏ ก็ได้เจอกับกระท่อมเก่าๆโทรมๆหลังหนึ่ง จะพังแหล่มิพังแหล่ ที่ยังตั้งโครงเครงต้านลมอยู่ได้ก็คงเป็นเพราะตอเสาหลักที่ใช้ไม้ค้ำยันอย่างดี แต่ดูจากสภาพแล้วคงถูกสร้างมาไม่ต่ำกว่าสามสิบปีเป็นแน่ คงเป็นของพรานสมัยก่อนที่เคยแอบลักลอบมาล่าสัตว์หาของป่า พอกฎหมายคุ้มครองอุทยานเริ่มเข้มงวด พรานเหล่านี้ก็ต้องไปหากินอย่างอื่น ทิ้งไว้เพียงกระท่อมร้างเท่านั้น..

"วู้วววว! โชคดีชะมัดเลย คืนนี้ไม่ต้องนอนตากฝนแล้วโว๊ยย" เอกดีใจจนเผลอตะโกนอย่างลืมตัว กระท่อมเก่ากลางป่า ท่าทางไม่มีเจ้าของแห่งนี้ เขาคงจะใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราว รอสัญญาณโทรศัพท์เพื่อติดต่อขอการช่วยเหลือ

แต่ลมแรงที่หอบฝนมา อยู่ๆก็นิ่งสงัด ไม่มีมีอะไรไหวติงกระทั่งใบไม้สักใบ ทุกอย่างเงียบสงบ มีแต่เสียงของป่าดังระรัวในยามใกล้มืดเท่านั้น แต่เอกที่ทั้งหิวและเหนื่อยล้า แถมยังหลงอยู่คนเดียวตั้งหลายวัน ไม่มีอารมณ์ที่จะมากลัวผีสางนางไม้อะไรทั้งนั้น เอกวางสัมภาระลงแล้วทิ้งตัวนอน ขอหลับเอาแรงสักงีบ..

"งึมงำ...งืม" เอกหลับเป็นตายนอนน้ำลายไหล ขณะที่เขาเริ่มรู้สึกตัวเพราะความหนาวเย็น ก่อนจะพยายามลืมตาตื่นด้วยความงัวเงีย

"เหวอออออ!!"

"เฮ้ยๆ! ส่งเสียงดังอะไรของเอ็งวะ เดี๋ยวสัตว์ป่ามันก็หนีหมดหรอก" ชายแก่ชราหัวล้าน ตาบอดข้างนึง ยืนสูบขี้โยพันมืออยู่ตรงหน้า อยู่ๆก็มาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง ไม่แปลกเลยที่เอกจะสะดุ้งตกใจ

"ละ..ลุงเป็นใครกันเนี่ย" เอกถามเสียงสั่น พลางคว้ามีดในกระเป๋าเพิ่มความอุ่นใจ โจรป่างั้นเหรอ สมัยนี้เนี่ยนะ? เอกคิดในใจ

"น้อยๆหน่อยเอ็งน่ะ ที่นี่บ้านข้า เอ็งนั่นแหละเป็นใครวะ" ชายแก่ถามกลับ

"เอาเถอะ! นั่งก่อนสิ วันนี้ข้าหาปลามาได้ ไม่มีคนกินข้าวเป็นเพื่อนด้วยมานาน" ชายแก่ค่อยๆเดินไปเอาหินมาวางที่ใต้เพิงกระท่อม ก่อนจะหญ้าแห้งที่ตากไว้ มาสุมเป็นเชื้อเพลิง และใช้ไม้ปั่นกระทบเปลือกไม้จนติดไฟ สร้างความตกตะลึงให้แก่เอกเป็นอย่างมาก ชื้นขนาดนี้ยังจุดไฟติดอีกนี่นะ? หรือเขาจะละเมอจนนึกว่าหลุดไปในยุคโบราณ เอกตบหน้าตัวเองสองฉาดจนรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน..

ทั้งคู่นั่งปิ้งปลาด้วยกัน ชายแก่คนนี้มีนามว่า "พรานป๋องหรือเฒ่าป๋อง" เป็นนายพรานเก่าแก่ที่ยังคงดื้อดึงใช้ชีวิตอยู่ในป่า แกไม่ได้หาของไปขายในเมือง สร้างความเดือดร้อนแต่อย่างใด แกแค่อยากหลบหนีความวุ่นวาย ใช้ชีวิตธรรมดาๆท่ามกลางป่าเขา หาไม้หาปลาพอกินไปวันๆ จะมีบ้างก็นานๆทีที่จะได้หมูป่านำมาตากแห้งสักตัว สำหรับชายแก่ตัวคนเดียวแค่นี้ก็กินอยู่ได้เป็นเดือน..

แม้พรานป๋องจะมีหน้าตาน่ากลัว แต่กลับพูดจาเป็นมิตรอย่างมีอัธยาศัย ค่อนออกไปทางขี้โม้ด้วยซ้ำ เอกที่ฟังเรื่องเราไปด้วยแกะปลากินไปด้วยนั้นก็ดูจะตื่นเต้นกับเรื่องที่ลุงแกเล่า ตาลุกวาวราวกับลุงเป็นไอดอลของตนยังไงยังงั้น

"โหหหห! ลุงนี่โคตรเจ๋งเลย ในป่าใหญ่อย่างนี้ยังอยู่คนเดียวได้ ลุงไม่กลัวบ้างเหรอครับ" เอกถามด้วยท่าทางตื่นเต้น

"กลัวอะไรของเอ็งล่ะวะ ฮะๆๆ" พรานป๋องหัวเราะชอบใจ แกคงเหงา ไม่มีเพื่อนคุยอย่างนี้มานานแล้ว

"ก็แบบเสือสิงห์อะไรงี้ หรือผีอ่ะครับ.." เอกหันซ้ายมองขวาด้วยความตระหนก

"โอ๊ยยย! เอ้งจะกลัวอะไรกัน ธรรมชาติล้วนเป็นมิตรกับเราทั้งนั้น!"

"ที่เอ็งรอดมาได้ ได้มานั่งกินปลากับข้าตรงนี้ก็เพราะผืนป่าทั้งนั้น อย่าลืมขอบคุณเสียล่ะ"

เอกยกมือไหว้สาธุ ทั้งคู่ต่างหัวเราะชอบใจ หลังจากกินข้าวกันจนอิ่ม เอกก็สบายใจที่ปลอดภัยแล้ว บางทีอาจจะยังไม่รีบกลับ คงคิดว่าจะอยู่กับพรานแกต่ออีกสักวันสองวัน..

ซ่าาาาาา... แปะ! แปะ! แปะ!

ฝนหาใหญ่เทลงมา แม้จะมีมีเพิงกระท่อมช่วยกันแต่ก็ยังมีรอยรั่วอยู่บ้าง แต่มันก็ยังดีกว่าไปนอนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ล่ะนะ เอกคิดในใจ..

"เอ็งอย่าเผลอหลับเด็ดขาดนะเว๊ย! ที่นี่น่ะ ถ้าหากต้องกลัวละก็.. น้ำป่าน่ะน่ากลัวมาก หากมันหลากมาทีมีหวังโดนพัดปลิวแหงๆ โดยเฉพาะเวลากลางคืนที่เราไม่ได้ตั้งตัว" พรานป๋องเอ่ยเตือนเอกด้วยท่าทีเป็นห่วง

"เดี๋ยวข้าจะนั่งเฝ้าให้ก่อนแล้วกัน ถ้าไงเอ็งค่อยตื่นมาเปลี่ยน" พรานเฒ่าอาสานั่งสังเกตการณ์ ปล่อยให้เอกที่เพลียสะสม หลับเอาแรงต่ออีกสักงีบ

เวลาล่วงเลยไป พระจันทร์สาดแสงลงมาท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำ เสียงฟ้าร้องครึกโครมทำให้เอกสะดุ้งตื่น แม้จะไม่มีนาฬิกาแต่ตอนนี้น่าจะเลยเที่ยงคืนมาแล้ว

"ฝนยังไม่หยุดอีกเหรอครับเนี่ย" เอกลุกขึ้นมาก็ลนลานใหญ่ ลมฝนที่พัดมากระแทกกระท่อมทีเสียงดังเอีี๊ยดอ๊าด ไม้เก่าๆอย่างนี้จะทนได้อีกสักกี่น้ำกัน

"เอ็งซวยละว่ะไอ้หนุ่ม..ดูท่าคืนนี้น้ำป่าจะมา!" พรานเฒ่าเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาทันที

"แล้วเราจะทำยังไงกันดีละครับ.." เอกเริ่มสั่นกลัว คงเป็นเพราะความหนาวด้วยกระมัง บวกกับลมแรงๆที่พัดมาไม่ขาดสาย นี่มันพายุดีขนาดย่อมดีๆนี่เอง

"เก็บของซะไอ้หนุ่ม เลยไปข้างหน้าไม่ไกลมีนั่งห้างของข้า เราจะขึ้นไปหลบหนีน้ำกัน" พรานป๋องเริ่มเก็บของจำเป็นใส่เป้ใบเก่า

______________

ทั้งคู่ออกเดินฝ่าลมฝนมาได้ประมาณครึ่งชั่วยาม เอกและพรานป๋องก็ได้มาถึงสักที แต่ที่เห็นตรงหน้านั้น อย่าว่าแต่นั่งห้างเลย นี่มันแค่ไม้ไผ่พาดเรียงไปไว้ ราวขั้นให้ปีนก็เก่าจวนจะหัก แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาลังเลแล้ว ทั้งคู่ปีนขึ้นไปหลบอยู่ข้างบน สูงราวๆเกือบสี่เมตร ภายใต้นั่งห้างยังดีที่มีกิ่งไม้ใหญ่ช่วยประคอง ไม่งั้นด้วยน้ำหนักขนาดนี้ แต่ลมแรงๆคงร่วงหล่นไปกระแทกพื้นอย่างไม่ต้องสงสัย

แล้วก็จริงอย่างที่พรานป๋องว่า น้ำป่าเลยไหลมาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ความแรงของกระแสน้ำนั้นอย่าว่าแต่คนเลย ควายทั้งตัวก็ยังปลิว โชคดีที่ทั้งสองตัดสินใจรีบออกจากกระท่อมมา ถ้าหากช้ากว่านี้อีกสักนิดละก็คงลอยไปไหนต่อไหนกันแล้วไม่รู้

ครืนนนน.. ซ่าาา แปะ! แปะ! แปะ!

ฝนยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำขึ้นสูงมาเรื่อยๆ เดาด้วยสายตาตอนนี้คงน่าจะประมาณสองเมตรเห็นจะได้ เอกตัวสั่นเทาด้วยความกลัวคิดถึงหน้าพ่อหน้าแม่ใหญ่ ชายหนุ่มถึงกับอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

"เฮ้ยยยย! จะร้องไปทำไมกันวะ หืม!"

"เดี๋ยวลมสงบ พอเช้าแล้วไม่ถึงครึ่งวัน เดี๋ยวน้ำมันก็ลดจนพอลงไปได้เองล่ะน่า" ชายแก่พูดเสียงข่มพยายามปลอบใจ

"แล้วถ้ามันตกไม่หยุดล่ะครับ ฮึก.." เอกสะอื้นพยายามกลั้นน้ำตา

"เอ็งไม่ต้องกลัวไปหรอก ตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่!!"

"ขอแค่อย่างเดียว อย่าเผลอหลับเด็ดขาดนะ" พรานป๋องยื่นคำขาดให้แก่เอก เอกพยักหน้ารับคำ ทั้งคู่ต่างช่วยกันนั่งเฝ้าสังเกตการณ์คนละทิศ จนพอใกล้เช้าตรู่ ลมก็เริ่มสงบ ฝนที่เคยตกหนักก็ค่อยๆเบาลง จนพอพระอาทิตย์ขึ้น ฝนก็หยุดตกเป็นปลิดทิ้ง เหล่านกน้อยต่างพากันส่งเสียงถึงสัญญาณของเช้าวันใหม่

"คร่อกกกๆ ฟี้~"

แกร่บบบ!!

"เหวอออ!!" เสียงไม้นั่งห้างลั่น แสงแดดยามสายเริ่มแยงตา เอกสะดุ้งตื่นหลังจากที่เผลอหลับไปในช่วงเช้ามืดที่ฝนหยุดตก

"เกือบไปแล้วเรา.. ฝนหยุดจนได้นะครับลุง" เอกยิ้มแย้มด้วยท่าทีดีใจ ระดับหน้าก็ลดลงไปมาก ตอนนี้น่าจะประมาณแค่ครึ่งแข้ง พอที่จะลงไปเดินได้

"อ้าว.. ลุง ลุงป๋อง.." เอกกวาดสายตาไปรอบนั่งห้าง ไม่เห็นของชายแก่ เอกจึงตะโกนเรียกอยู่สักพัก แต่ไม่ว่าจะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีมีเสียงขานตอบรับใดๆ

เอกค่อยๆปีนนั่งห้างลงมา แล้วพยายามเดินวนรอบๆต้นไม้ใหญ่ ตะโกนเรียกหาพรานป๋อง เอกเริ่มใจไม่ดี จึงตัดสินใจเดินย้อนไปตามทางกระท่อม เอกเดินฝ่าโคลนอย่างยากลำบาก แต่เมื่อมาถึงกับต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อภาพที่เห็นตรงหน้านั้นไม่มีวี่แววของกระท่อมใดๆ มีเพียงซากไม้เก่าๆที่เคยเป็นกระท่อมถล่มทับกันลงมาเท่านั้น จะว่าโดนลมฝนเมื่อคืนมันก็ไม่น่าจะเสียหายหรือผุพังขนาดนี้

เอกเดินไปดูใกล้ๆ สภาพเนื้อไม้นั้นเก่าบางจนมีปลวกขึ้นเต็มไปหมด เอกพยายามมองหาของเครื่องใช้ของพรานป๋องก็ไม่พบเจอเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เหตุการณ์นี้สร้างความฉงนใจให้แก่เอกอย่างมาก..

สักพักไม่นาน ทีมช่วยเหลือสัตว์ป่าของอุทยานก็เดินลุยป่าเข้ามา คงจะเข้ามาซ่อมฝายกั้นน้ำและคอยช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าเมื่อทีมช่วยเหลือทั้งหมดเห็นเอกก็ตกใจ ไม่มีคิดว่าจะมีคนมาทำอะไรคนเดียวอยู่ในป่าลึกเช่นนี้

ทีมงานทุกคนต่างเข้าช่วยเหลือเอก ทั้งเสื้อผ้าที่เปียกชื้นจากฝนตกทั้งคืน ขืนไม่รีบเปลี่ยนมีหวังปอดบวมเป็นแน่

"นอกจากผมยังมีลุงอีกคนนะครับ ไม่รู้เค้าหายไปไหน เมื่อคืนเราหนีน้ำป่าไปหลบอยู่บนนั่งห้างด้วยกันทางนู้นน่ะครับ" เอกพยายามอธิบายด้วยความลนลาน คงเพราะเป็นห่วงพรานป๋องด้วย ไม่รู้โดนสัตว์ร้ายหรือน้ำพัดไปหรือเปล่า

"เราว่ายังไงนะ ยังมีลุงแก่อีกคนงั้นหรือ" ทีมช่วยเหลือถามเสียงสั่นเครือ

"ใช่ครับพี่ ลุงหัวล้าน ตาบอดข้างนึง แกพักอยู่กระท่อมนี่ไง!!"

ทีมงานกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ทุกคนต่างพากันเงียบกริบ ไม่พูดอะไร เอกได้แต่สงสัยด้วยความงง ก่อนที่ทุกคนจะพาตัวเอกเดินออกไปจากป่า เพื่อไปยังทางเข้าอุทยาน เอกโวยวายบอกว่ายังเหลือพรานป๋องอยู่อีกคน จะให้ทิ้งแกได้ไง ทีมงานได้แต่ยิ้มแห้งแล้วบอกเอกว่าเดี๋ยวจะส่งทีมสำรวจมาค้นหาอีกที..

เมื่อมาถึงหน้าอุทยาน เอกนั่งพักกินข้าวอย่างตะกละมูมมามด้วยความหิว เอกน้ำตาซึมดีใจที่ตนยังรอดชีวิตมาได้ ครั้งนี้คงจะเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตของเขาเลยทีเดียว.. แต่ทว่ายังมีอีกเรื่อง ที่เอกเองยังไม่รู้!

"ไปทำอะไรในป่าคนเดียวล่ะนั่น" เจ้าหน้าที่อุทยานคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยทักทายกับเอก แกชื่อพี่เล็ก เป็นเจ้าหน้าที่เก่าแก่อยู่อุทยานแห่งนี้มานานแล้ว

"ผมมาเที่ยวครับ แต่ไม่คิดว่าจะหลงทาง ผมติดอยู่ในนั้นตั้งนาน คิดว่าต้องตายไปแล้วเสียอีก" เอกพูดไปเคี้ยวข้าวไป

"แล้วรอดมาได้ยังไงล่ะเรา น้ำป่าแรงขนาดนั้น" พี่เล็กเอ่ยถาม

"ลุงป๋องน่ะครับ! นายพรานแถวนั้น แกช่วยผมไว้ ถ้าไม่ได้แกผมคงตายไปแล้ว พวกพี่ต้องเข้าไปช่วยกันค้นหาแกนะครับ" เอกเล่าอย่างหน้าตาตื่น

บรรยากาศสนทนาเงียบกริบ พี่เล็กไม่ได้เอ่ยคำใด จนกระทั่งเอกถาม

"ลุงป๋องที่ว่า แกหัวล้านตาบอดใช่ไหม" พี่เล็กถามเอกเสียงสั่น

"ใช่ครับ พี่รุู้จักแกเหรอครับ" เอกเริ่มยิ้มขึ้นมา

"ใจเย็นนะ เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง.." พี่เล็กค่อยๆตั้งสติก่อนจะเล่าความจริงทุกอย่างให้เอก..

พรานป๋องน่ะเป็นพรานเก่าแก่ประจำป่านี้ แกหัวดื้อไม่ยอมย้ายไปไหน จนเพื่อนๆพรานด้วยกันหรือคนในชุมชนละแวกนั้นต่างพากันย้ายออกไปหมด โดยเฉพาะช่วงปีหลังๆ ที่ฝนเริ่มตกหนักเข้า ฝายกันน้ำก็เอาไม่ค่อยจะอยู่ เจ้าหน้าที่เราก็เข้าไปเตือนแกหลายครั้งว่าอันตราย แต่แกก็ไม่ยอมฟัง จนกระทั่งเมื่อสักสี่ห้าปีที่แล้ว หน้าฝนปีนั้นน้ำขึ้นสูงมาก พรานป๋องแกก็ปีนขึ้นไปหลบนั่งห้างตามเคยแหละ แต่แกคงคาดไม่ถึงว่าน้ำจะขึ้นเร็วขนาดนั้น แกคงจะเผลอหลับจนตกนั่งห้าง เลยโดนน้ำซัดไป กว่าน้ำจะลดจนทีมงานเข้าไปสำรวจได้ เราก็พบร่างพรานป๋องลอยไปติดต้นไม้จนแทบจะสุดชายป่านู่นแล้ว..

!?!

"พะ.. พี่ว่าไงนะ..ครับ" เมื่อได้ยินอย่างนั้น เอกขนลุกซู่ขึ้นมาทันที

"เฮ้อ.." พี่เล็กถอนหายใจ

"แกตายวันที่ฝนตกหนักวันนั้นแหละ กว่าพวกเราจะพบร่างแกก็อืดหมดแล้ว ส่วนกระท่อมนั้นน่ะพังยับเยิน พวกเราก็เลยปล่อยไว้อย่างนั้น ไว้มาทำบุญให้แกทุกปีน่ะ เฮ้อ.. เสียดายนะ แกเป็นคนดี.. ไม่คิดว่าเธอจะเจอ"

เอกขนลุกตั้ง เพราะเหตุการณ์เมื่อวานที่ได้เจอนั้น เขามั่นใจว่าไม่ใช่ฝันแน่ๆ..

"พรานป๋องคงมาช่วยเธอไว้แหละ กลับบ้านไปก็ทำบุญให้แกบ้างนะ.. "

หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ทั้งคู่ก็ได้แยกย้ายกัน เหลือเพียงเอกที่ยังคงช็อก ก่อนที่จะขึ้นรถไปลงที่ตัวเมือง แล้วหลังจากนั้นจึงเดินทางกลับบ้าน

ระหว่างที่นั่งรถตู้กลับนั้น เอกนิ่งเงียบ ได้แต่นั่งมองหน้าต่างไปเรื่อยๆ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เขาได้ตระหนัก ว่าป่ามันน่ากลัวเพียงไหน เอกสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มาเดินป่าลึกๆตัวคนเดียวในช่วงน้ำหลากอีกแล้ว..

"ขอบคุณนะครับ..ลุง"

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: นิราศควันไฟ
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: mighe may
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
Angular Roughshark ฉลามหน้าหมูแถมยังร้องเหมือนหมูเมื่อถูกจับ!!กรมอุตุประกาศเลื่อนฤดูหนาว"ไข่ผำ" พืชจิ๋ว ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากทนายธรรมราช เรียกค่าเสียหายหลักเเสน ‘เต้ย มือตบ’ ยืนยันไม่ยอมความแน่นอน"กองปริศนา" ปริศนาของเวทมนตร์ที่อาจอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิดใครบอกว่า สัตว์น้ำไม่นอน วาฬนอน พิสูจน์ว่าปลาก็นอนเหมือนเรา
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ไข่ผำ" พืชจิ๋ว ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากคลังฟันธง! "ดิไอคอน" เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ต้องครบ 3 เงื่อนไข ร่วมวง DSI สรุปสำนวนคดี"กองปริศนา" ปริศนาของเวทมนตร์ที่อาจอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิดใครบอกว่า สัตว์น้ำไม่นอน วาฬนอน พิสูจน์ว่าปลาก็นอนเหมือนเรา8 อาชีพยอดนิยมสำหรับปี 2025
ตั้งกระทู้ใหม่