loongmeeyai เล่าเรื่องตำนานโหราศาสคร์ มาประกอบการพิจารณาเหตุการณ์ของบ้านเมือง
จะเป็นด้วยเหตุบังเอิญหรือเพราะชะตาฟ้าลิขิต ที่เหตุการณ์การเมืองของประเทศไทยเราตอนนี้ไปละม้ายคล้ายเหตุการณ์ในตำนานโหราศาสตร์ที่ไปโยงกับตำนานของอินเดียเรื่องของพระนารายณ์กับราหูจอมมารอสูรร้าย คือ ตำนานกล่าวถึงพระนารายณ์มีนโยบายคิดจะปรุงน้ำอมฤตที่หากผู้ใดได้ดื่มกินแล้วจะมีชิวิตเป็นอมตะชั่วนิรันดร์ ไม่มีผู้ใดสามารถฆ่าฟันให้ตายได้ พระนารายณ์จึงเกณฑ์เหล่าทวยเทพเทวาทั้งหลายประกอบด้วยเทพพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี
พระศุกระ พระเสาร์ ฯลฯ ให้มาร่วมกันประกอบพิธีปรุงน้ำอมฤต การเตรียมการณ์ต่างๆ ข่าวได้รั่วไหลไปถึงหูจอมมารอสูรร้ายราหูซึ่งในทางโหราศาสตร์เขียนด้วยตัวเลข ๘ เป็นสัญลักษณ์แทนตัว
เมื่อจอมมารราหูร่วงรู้เรื่องราวนี้เข้า ก็เกิดคิดอยากได้ดื่มกินน้ำอมฤตเพื่อจะได้เป็นอมตะผู้ใดฆ่าฟันก็ไม่ตาย จึงคิดได้วิธีการว่าต้องปลอมตัวเป็นเทพแซกซึมเข้าร่วมในพิธีกวนน้ำอมฤตแล้วแอบขโมยดื่มน้ำอมฤต ด้วยจอมมารราหูก็มีฤทธิ์เดชสามารถแปลงกายได้
ดังนั้นจึงได้แปลงตนเป็นเทพองค์หนึ่ง แซกซึมเข้าไปร่วมปรุงน้ำอมฤตกับเหล่าเทพทั้งหลาย จนเสร็จสิ้นพิธีกรรมและจอมมารราหูสามารถแอบขโมยดื่มน้ำอมฤตได้ เหล่าเทพถึงได้รู้ว่าจอมมารราหูแปลงร่างลักลอบเข้ามาร่วมพิธีด้วย จึงได้ทูลแจ้งแก่พระนารายณ์ให้ทรงทราบ เมื่อได้ทราบความพระนารายณ์ ก็จะจับจอมมารราหูมาลงโทษ ส่วนเจ้าจอมมารเมื่อเห็นพระนารายณ์จะมาจับตน ก็พยายามหลบหนี พระนารายณ์จึงใช้จักรนารายณ์ขว้างใส่หมายฆ่าจอมมารราหูให้ตาย จักรนารายณ์ขว้างไปถูกร่างจอมมารราหูในบริเวณเอวตัดร่างขาดเป็นสองท่อน เนื่องจากจอมมารราหูได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้วจึงไม่ตายและหนีรอดไปได้ด้วยร่างที่ขาดเป็นสองท่อน แต่จอมมารราหูก็ยังไม่หลาบจำ ยังคงใช้นิสัยสันดานเดิมคือเที่ยวเกเรเป็นอันธพาลระราน สร้างความเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้าไม่ว่ากับเทพหรือมนุษย์
เมื่อเปรียบกับการเมืองไทยเราในตอนนี้ ซึ่งอยู่ในระหว่างประกอบพิธีการณ์จัดตั้งรัฐบาล
มีพรรคการเมือง ๘ พรรคเข้าร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาล ในพิธีการณ์ชั้นแรกมอบหมายให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำคือเป็นหัวหน้า แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ
๘ พรรคเดิมจึงเปลี่ยนแผนเสียใหม่ โดยมอบให้พรรคเพื่อไทยขึ้นเป็นแกนนำหรือหัวหน้าแทน เปรียบได้กับการแปลงร่างเปลี่ยนส่วนหัวกับลำตัว สลับที่กันโดยกลับเอาส่วนหัวมาเป็นลำตัวเอาส่วนลำตัวขึ้นไปเป็นหัว แต่แขนขาและเท้ายังคงเดิม เพื่อเข้าร่วมพิธีกรรมจัดตั้งรัฐบาลใหม่อีกครั้ง(หรืออาจหลายครั้ง) โดยที่ยังคงยึดถือมั่นคงในเจตจำนงค์เดิมที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 ในลักษณะรูปแบบเท่ากับหรือเหมือนกับการยกเลิกมาตรา 112 เปรียบได้กับจอมมารราหูที่มุ่งมั่นจะต้องขโมยดื่มกินน้ำอมฤตให้จงได้ด้วยแผนการทุกวิถีทาง ไม่คำนึงคิดเกรงกลัวโทษทัณฑ์ใดๆที่ตนอาจได้รับทั้งสิ้น เพียงหวังให้ตนได้ในสิ่งที่ต้องการ
ทีนี้เรามาดูกันในทางโหราศาสตร์ ที่ยึดเอาการโคจรของดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาลที่หมุนเวียนโคจรอยู่ตลอดเวลาอันมี ดาวพระอาทิตย์(๑) ดาวพระจันทร์(๒) ดาวพระอังคาร(๓) ดาวพระพุธ(๔) ดาวพระพฤหัสบดี(๕) ดาวพระศุร(๖) ดาวพระเสาร์(๗) (ที่นำไปเปรียบเป็นเทพเจ็ดองค์ที่เข้าร่วมพิธีกรรมกวนน้ำอมฤตดังที่กล่าวข้างต้น)และยังมีราหู(๘) เกตุ(๙) และดาวมฤตยู(0) ซึ่งในส่วนของราหู(๘)และเกตุ(๙) นี้แท้จริงแล้วมิใช่ดางดาวในระบบสุริยะจักวาล กล่าวคือราหูเป็นเงาของโลกที่ทอดไปทาบบดบังดาวทั้งเจ็ดดวงในขณะที่การโคจรของโลกกับดวงอาทิตย์เข้าสู่ตำแหน่งองศาที่ทำให้เกิดเงาของโลกทอดทาบไปบดบังดาวดวงอื่น ที่เราสามารถเห็นเงาของโลกได้ด้วยตาก็ตอนที่เงาของโลกทอดทาบไปบดบังดาวพระจันทร์ที่เรียกว่าจันทรุปราคาหรือราหูอมจันทร์นั่นแหละ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์กับโลกและดวงจันทร์โคจรเข้าอยู่ในตำแหน่งองศาเดียวกัน โดยมีโลกกั้นกลางอยู่ระหว่างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะในวันที่พระจันทร์เต็มดวงคือคืนข้างขึ้น 15 ค่ำเท่านั้น
ที่เล่ามาเสียยืดยาวนี้ก็เพื่อให้เข้าใจกันว่า ราหูและเกตุที่โหราศาสตร์นำมาเข้ากลุ่มกับดาวพระเคราะอื่นๆในการทำนายนั้น
มิใช่ดวงดาวจริง หากแต่สมมติขึ้นมาให้เป็นดวงดาว โหรเขามีคำว่า ราหูเป็นหัว เกตุเป็นหาง ซึ่งปรากฏผลการทำนายว่าการนำราหูและเกตุมาใช้ทำนายด้วยแล้ว ผลที่ได้น่าเชื่อถือได้ระดับหนึ่ง จึงใช้สืบทอดมาจนบัดนี้
เมื่อราหู(๘)และเกตุ(๙) ไม่ใช่ดวงดาว
โหรจึงใช้แทนความหมายของความหลอกลวง คดโกง โลภโมโทสัน ทำลาย ทำให้มืดมน มัวเมางมงาย เปรียบได้กับกิเลสของมนุษย์ ซึ่งก็จะไม่จีรังยังยืนมาเร็วไปเร็วเช่นเดียวกับเงา หากไม่มีแสงสาดส่องใส่เงาสิ่งนั้นก็หายไป ดุจเดียวกันกับเมื่อเกิดปัญญากิเลสที่ครอบงำให้มืดมน ก็สิ้นไปเช่นกัน
ย้อนกลับเข้ามาเรื่องดวงดาวที่โคจรไปตามจักรราศีต่างๆในขณะนี้ ราหูโคจรเข้าไปสถิตอยู่ที่ราศีเมษตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2565 และจะยังสิงสถิตอยู่ที่ราศีเมษจนถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2566 จึงจะโคจรย้ายเข้าสู่ราศีมีนต่อไป ราหูในราศีเมษนี้จะมีอิทธิพลมากต่อชะตาผู้คน คือมีฤทธิ์มาก มีความทะเยอทะยานอยากได้เป็นใหญ่ ยิ่งใหญ่ ร่ำรวย มีอำนาจอิทธิพล ฯ เปรียบราหูจอมมารที่ถึงขั้นแปลงร่างเพื่อขโมยดื่มน้ำอมฤตให้ได้ ทำนายผู้คนเหตุการณ์ก็ทำนองเดียวกัน
แต่ด้วยชะตาฟ้าลิขิต ด้วยบุญบารมี และสิ่งศักดิ์สิทธิเทพยดาอันมีพระสยามเทวาธิราชเป็นต้นตลอดจนบุญบารมีของบุรพมหากษัตราธิราชทุกพระองค์ ช่วยคุ้มครองปกป้องชาติบ้านเมืองให้ปลอดภัยจากภัยร้ายทั้งปวง ที่จะบังเกิดจากการมุ่งร้ายหมายทำลายของจอมมารราหู(๘) ซึ่งกำลังทับลัคนาดวงเมืองราศีเมษอยู่ขณะนี้
คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ที่ขณะราหูทับลักคนาดวงเมืองอยู่นั้น ดาวพฤหัสบดี(๕)มหาเทพจอมเทพหรือคุรุเทพได้โคจรจากราศีมีนที่เป็นตำแหน่งวินาศลัคนาดวงเมืองซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่อาจคุ้มครองดวงเมืองได้จนมีผลร้ายกับบ้านเมืองรุมร้าว ทั้งโรคระบาดโควิด19
เศรษฐกิจหยุดชะงักงัน ธุรกิจหลายอย่างต้องหยุดและปิดกิจการลงจำนวนมาก
แต่นับตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน2566 มหาเทพหรือคุรุเทพดาวพฤหัสบดีโคจรจากราศีมีนเข้าสถิตอยู่ในราศีเมษร่วมกับราหู ดาวพฤหัสบดีนี้
จะอยู่ไปจนถึงวันที่ 29เมษยน2567 อย่างที่ได้เรียกว่า คุรุเทพ เพราะเป็นเทพผู้สร้างความตื่นรู้ สร้างปัญญาให้เกิดขึ้นกับบัณฑิตทั้งหลายจน หูตาสว่างแจ่มใส ไม่มืดบอดจากเงาจอมมารราหูที่บดบัง จนมืดมน มัวเมาโง่งม อีกต่อไป
บัณฑิตทั้งหลายเมื่อเกิดปัญญาก็จะไม่โง่งมมัวเมา และได้ตื่นรู้และเท่าทันจอมมาร ไม่หลงเล่กล สามารถมองทะลุเห็นร่างที่แท้จริงของจอมมารที่แปลงกายมาหลอกลวงหวังทำลายชาติบ้านเมือง บัณฑิตทั้งหลายก็จะผนึกกำลังร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวต่อต้านขับไล่จอมมารและเหล่าสมุนบริวาร จนไม่อาจ ทนอยู่บ่อนทำลายชาติบ้านเมืองอีกต่อไป เฉกเช่นราหูก็จะโคจรหนีไปจากราศีเมษเข้าสู่ราศีมีน การทำนายราหูที่ราศีมีนมักมุ่งไปในทางพลัดพราก จากที่เกิดที่อยู่ไปอยู่ ณ แดนไกลต่างถิ่นต่างเมือง
เทียบกับได้เหมือนกับเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ซึ่งราหูก็ย้ายจากราศีเมษ เข้าสถิตอยู่ที่ราศีมีน เกิดมีการปฏิวัติโดยทหารเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลนายกรัฐมนตรีสมัยนั้นต้องลี้ภัยเร่ร่อนในต่างแดนจนถึงบัดนี้
โดยก่อนหน้านั้นราหูที่สถิตอยู่ราศีเมษเช่นปัจจุบัน ได้ส่งผลให้เกิดการหยิ่งผยอง หลงระเริงมัวเมาในอำนาจ จนทหารต้องออกมาปฏิวัติขับไล่
เพียงแต่ครั้งนี้ต่างออกไป ตรงที่มีคุรุเทพผู้สร้างสติสร้างปัญญา รู้จักใช้เหตุและผล แก้ปัญหาด้วยสันติและควมมดี คุรุเทพจะบันดาลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางดีงามเจริญรุ่งเรือง สงบสุข เกิดกับประเทศของเรา และคอยปกป้องคุ้มครอง ให้บ้านเมืองร่มเย็นไปยาวนานอีกถึง 5 ปี จนถึงพ.ศ.2570
กราบคารวะ บูชาพระคุณครูพระอาจารณ์แดง ทิพยวัลย์ ที่ประสิทธิประสาท วิชาโหราศาสตร์ให้ได้นำมาใช้เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผ้อื่น
จงช่วยบันดาลให้ความคิดความเห็นทางโหราศาสตร์ครั้งนี้จงสัมฤทธิ์ผลเป็นจริงด้วยเถิด เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองผู้คนอยู่กันอย่างมีความสุขถ้วาหน้า
ขอจงสัมฤทธิ์ผล
ขอจงสัมฤทธิ์ผล
ขอจงสัมฤทธิ์ผล
เรียบเรียงจากสติปัญญา ความคิดอ่าน
ของ loongmeeyai
และโพสทโดย
loongmeeyai