หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เปิดตำนาน “หอกแห่งลองกินุส”

โพสท์โดย อับดุล รอเเย๊ะส์

เมื่อหลายวันก่อนแอบหนีไปดูหนัง “อินเดียนาโจนส์” ภาค 5 ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นคงจะไม่เอามาเล่าในที่นี้ เพราะไม่งั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นการสปอยล์ไปเสียเปล่า ๆ แต่พอดีในหนังได้พูดถึงเรื่องของ “หอกของลองกินุส” เล็กน้อย ก็เลยถือโอกาสเอาตำนานของหอกอันนี้มาเขียนเสียเลยดีกว่า

หอกของลองกินุส (The Lance of Longinus) หรือบางครั้งก็เรียกว่า หอกศักดิ์สิทธิ์ (The Holy Lance หรือ The Holy Spear) หอกแห่งโชคชะตา (The Spear of Destiny) เป็นชื่อเรียกของหอกที่เชื่อว่า ทหารโรมันได้ใช้แทงสีข้างของพระเยซูคริสต์เพื่อพิสูจน์ว่าพระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว ก่อนที่บรรดาสาวกจะนำพระศพของพระองค์ไปฝังต่อไป

ตามตำนานยังกล่าวด้วยว่า ทหารโรมันที่ว่า ซึ่งภายหลังมีการระบุว่าชื่อ ไกอุส คัสซุอุส ลองกินุส (Gius Cassius Longinus) ซึ่งต่อมาเลยกลายเป็นชื่อเรียกของหอกนี้ แต่เดิมนั้นเป็นคนตาบอด แต่เมื่อแทงหอกใส่พระศพของพระเยซูแล้ว เลือดที่กระเซ็นจากพระศพได้มาถูกดวงตาของลองกินัส ทำให้เขากลับมามองเห็นได้อีกครั้ง และทำให้เกิดศรัทธาจนขอเข้ารีตเป็นคริสต์ในภายหลัง จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหอกดังกล่าว

หอกแห่งลองกินุสก็เหมือนกับสิ่งของอื่น ๆ หลายชิ้น คือเมื่อได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และด้วยกาลเวลาที่พันไปนานกว่าสองพันปี ร่องรอยและบันทึกต่าง ๆ เกี่ยวกับความเป็นไปหลังจากนั้นจึงไม่มีความชัดเจนแน่นอน ตำนานหนึ่งกล่าวว่า หลังจากพระเยซูสิ้นพระชนม์ไม่นาน ได้ไม่นาน โจเซฟแห่งอริมาเธีย (Joseph of Arimathea) ได้นำสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับพระเยซูส่วนหนึ่งรวมถึงหอกด้ามนี้ด้วยเดินทางไปยังเกาะอังกฤษ บางตำนานก็ว่า หอกนี้ถูกนำไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิล ภายหลังจากที่เปอร์เชียรุกรานเยรูซาเลม ในช่วงทศวรรษที่ 7 และอื่น ๆ อีกมากมาย

จากตำนานหลากหลายเรื่องที่ว่ามา ทำให้มีผู้คนจำนวนอวดอ้างว่า ได้พบหอกของลองกินุส “ของจริง” ซึ่งส่วนใหญ่ก็ถูกจับโป๊ะได้ว่าเป็นของเก๊ จนกระทั่งถึงในปัจจุบัน มีหอกที่ยังคงได้รับการยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นหอกแห่งลองกินุสของจริงอยู่ 4 ชิ้น ได้แก่

1. หอกแห่งลองกินุส ที่เก็บรักษาไว้ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ กรุงวาติกัน เป็นหอกที่เชื่อว่าถูกนำออกมาจากเยรูซาเลมไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิล เมื่อปี 615 ก่อนที่จะเปลี่ยนมือผู้ครอบครองไปอีกหลายรอบ จนกระทั่งทางกรุงคอนสแตนติโนเปิลได้มอบให้สมเด็จพระสันตะปาปา อินโนเซนต์ที่ 8 เมื่อปี 1489 และอยู่ที่กรุงวาติกันต่อมาจนถึงปัจจุบัน

2. หอกแห่งลองกินุส ที่เก็บรักษาไว้ที่ที่ Hofburg Palace ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย หอกด้ามนี้มีบันทึกถึงครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 11 ก่อนที่จะถูกใช้ในงานบรมราชาภิเษกของจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อปี 1273 หอกด้ามนี้เป็นหอกแห่งลองกินุสที่รู้จักกันดีที่สุด และเป็นหอกที่ถูกพูดถึงในหนังอินเดียนาโจนส์นั่นเอง โดยเรื่องราวของหอกนี้มีอยู่ว่า แต่เดิมหอกด้ามนี้ถูกเก็บรวมกับสมบัติของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองเนิร์นแบร์ก จนเมื่อนโปเลียนมีอำนาจเหนือแผ่นดินยุโรป เจ้าตัวก็ได้พยายามที่ครอบครองหอกด้ามนี้ จึงมีการย้ายสมบัติดังกล่าวรวมถึงหอกด้ามนี้ไปยังกรุงเวียนนา จนต่อมาเมื่อฮิตเลอร์ครองอำนาจและผนวกประเทศออสเตรียเข้ากับเยอรมัน จึงได้นำมันกลับไปยังเนิร์นแบร์กอีกครั้ง จนเมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงโดยนาซีแพ้ ทำให้สมบัติดังกล่าวรวมถึงหอกด้ามนี้กลับสู่กรุงเวียนนา

3. หอกแห่งลองกินุส ที่อันติโอก (Antioch) ประเทศตุรกี เป็นหอกที่รู้จักกันดีในเรื่องของตำนานการค้นพบซึ่งมีอยู่ว่า ใน ปี 1098 ขณะที่เมืองอันติโอกถูกกองทัพของพวกเติร์กล้อมเมืองอยู่ นักบวชชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่งนาม ปีเตอร์ บาร์โธโลมิว (Peter Bartholomew) ได้กล่าวว่า เขาได้รับนิมิตในความฝันว่า หอกแห่งลองกินุสถูกฝังอยู่ใต้โบสถ์เซนต์ปีเตอร์ในอันติโอก ซึ่งหากขุดนำขึ้นมาแล้ว จะช่วยให้นักรบครูเสดเอาชนะพวกเติร์กได้ ซึ่งเมื่อเรย์มงต์แห่งตูลุส ผู้นำกองทัพครูเสดทราบเรื่อง จึงตัดสินใจขุดค้นจนกระทั่งพบหอกดังกล่าวและนำมันมาเป็นเครื่องมือในการสร้างขวัญกำลังใจนักรบครูเสดจนเป็นฝ่ายชนะได้

4. หอกแห่งลองกินุส ที่ Vagharshapat ในประเทศอาร์เมเนีย เป็นหอกที่ไม่ค่อยมีการพูดถึงกันมากนัก ตำนานมีอยู่เพียงว่า นักบุญแธดเดียส (Thadeus) ได้นำมันจากตะวันออกกลางไปที่อาร์เมเนีย จากนั้นก็ไม่มีเรื่องราวเกี่ยวกับมันอีกจนกระทั่งเมื่อกองทัพรัสเซียบุกเข้ายึดดินแดนคอเคซัส หอกดังกล่าวได้ถูกยึดและนำไปเก็บไว้ที่กรุงทบิลิซีของจอร์เจีย ก่อนจะถูกส่งกลับคืนมายังอาร์เมเนียจนถึงปัจจุบัน

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"สัมพันธ์ขาดสะบั้น! หนุ่ม กรรชัย ไม่ขอนับ ฟิล์ม รัฐภูมิ เป็นน้องอีกต่อไป"รู้จักโรคไอกรน: อาการที่ไม่ควรมองข้ามและการป้องกันที่คุณควรรู้"นุ่น วรนุช อวดลุคชุดชาวดอย สุดสง่าท่ามกลางอาณาจักร 8,600 ไร่ ของ สามีต๊อด ปิติ"รู้หรือไม่ 3 สิ่งนี้ ไม่ควรใส่แก้วเก็บความเย็นเด็ดขาด10 อันดับเลข ยอดฮิต หวยแม่จำเนียร 16/11/67"อายุไม่ใช่อุปสรรค! คุณย่าวัย 80 ปีท้าทายตัวเองบนเวทีนางงามมิสยูนิเวิร์สเกาหลีใต้ 2024"Chand Baori: บ่อน้ำขั้นบันไดที่ลึกที่สุดในอินเดีย แห่งความงดงามและภูมิปัญญาโบราณ"5 อาชีพสายช่างมาแรง! Gen Z แห่เรียน สอดรับเทรนด์ New Collar Workforceประสบความสำเร็จกี่โมงเที่ยวพระธาตุยาคู เมืองฟ้าแดดสงยางลิซ่าถ่ายเดี่ยว10ลุค ลงปกนิตยสารชื่อดัง 10 ประเทศพร้อมกันก่อนอาย 30 บางคนไม่นึกอยากมีคู่ หลังอายุ 40 ยิ่งเป็นสุขกับการมีคู่ได้
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เเม่ บุ๋ม ปนัดดา ฟาดแรง หาผลประโยชน์จากความเดือดร้อนของคนอื่น อย่าเรียกว่าตนเองว่าช่วยเหลือ"นุ่น วรนุช อวดลุคชุดชาวดอย สุดสง่าท่ามกลางอาณาจักร 8,600 ไร่ ของ สามีต๊อด ปิติ"Chand Baori: บ่อน้ำขั้นบันไดที่ลึกที่สุดในอินเดีย แห่งความงดงามและภูมิปัญญาโบราณ"ล่าสุดบรรดาคนที่ด่า ใหม่ ดาวิกา ออกมาโพสต์ขอโทษแล้วหลังทนายรับเรื่องเตรียมฟ้อง ประสบความสำเร็จกี่โมงลิซ่าถ่ายเดี่ยว10ลุค ลงปกนิตยสารชื่อดัง 10 ประเทศพร้อมกัน
ประโยชน์ของชาเขียวโครงการช่วยเหลือให้เกิดสภาพคล่องของเศรษฐกิจรู้หรือไม่? แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักใช้ข้อมูลอะไรหลอกลวงคุณแผนที่ที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรปอายุ 4,000 ปี
ตั้งกระทู้ใหม่