ทหารรัสเซียยอมจำนนต่อโดรนยูเครน
สื่อนอกรายงานว่า "ชายชาวรัสเซียที่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ได้ยกมือยอมจำนนต่อโดรนของยูเครน เขาถูกควบคุมตัวในศูนย์กักกันของยูเครน ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เกี่ยวกับประสบการณ์อันเลวร้ายของเขา ในแนวหน้าในเมืองบักมุต ของยูเครนว่า..."
ผมชื่อ "รุสลัน อนิติน" ผมเป็นทั้งสามีและพ่อวัย 30 ปี ผทถูกเกณฑ์เข้ากองทัพรัสเซีย โดยไม่เต็มใจ เพื่อต่อสู้กับกองทัพยูเครน ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว หลังจากนั้นผมก็ถูกส่งไปยังเมืองอื่น ผมได้รับเครื่องแบบทหาร และ เข้ารับการฝึกเพียงไม่กี่สัปดาห์ ตลอดช่วงเวลาที่ฝึกยิงปืนนั้น ผมได้ยิงปืนแค่ 2 นัดเอง ด้วยปืนจากยุคโซเวียต และ ผมได้รับคำสั่งในตอนแรกว่า ผมจะได้ป้องกันชายแดนจากยูเครน แต่ผมกลับถูกส่งไปยังแนวหน้าซะอย่างนั้น ผมถูกสั่งให้สร้างป้อมปราการเป็นหลัก ทั้งขุดสนามเพาะเอยอะไรเอย แต่แล้วในเดือนพฤษภาคม ผมก็ถูกส่งไปยังบักมุต เมืองบักมุตพวกเราเรียกกันว่า "เมืองบดเนื้อ" เพราะทุกคนที่ตายเละเหมือนเนื้อบดเลย..."
"รุสลัน อนิติน" กล่าวว่า "หัวหน้าของพวกเรา สั่งให้ทหาร 2 นาย ไปหมกตัวในสนามเพาะข้างหน้า ซึ่งห่างไปไม่กี่ร้อยหลา แต่แล้วเช้าวันที่ 9 พฤษภาคม 2023 การระเบิดทำให้สนามเพาะของพวกเขาเสี่ยงที่จะโดนระเบิด ผมเลยว.ไปหาพวกเขา แต่ไม่มีใครตอบกลับมา" และ "เมื่อโดรนขนาดเล็กของยูเครน ทิ้งระเบิดใส่พวกเรา พร้อมกับปืนครกที่ระดมยิงมาจากฝั่งยูเครน ทำให้พวกเราได้รับบาดเจ็บและล้มตาย ซึ่งผมเป็นก็ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดเช่นกัน..."
"รุสลัน อนิติน" กล่าวอีกว่า "เด็กหนุ่มที่ชื่อว่า "อิวาโน" วัย 21 ปี ได้ดึงสลักระเบิดออก แล้วถือไว้เหนือหัว เขาตัวแตกกระจาย ในขณะที่ชายอีกคนหนึ่งยิงตัวตาย พวกเขาทิ้งให้ผมอยู่ตามเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง" และ "ผมเองก็เหนื่อยเกินกว่าจะหลบหนีแล้ว" และ "ตอนนั้นผมจึงลองวิธีเดียว เท่าที่ผมคิดได้คือ ผมวางอาวุธและเดินออกมาจากสนามเพลาะ พยายามยอมจำนนต่อโดรนของยูเครน ที่บินอยู่เหนือหัวของผม..." และ "นั่นก็ทำให้ผมยังคงมีชีวิตจนถึงตอนนี้..."
พนักงานบังคับโดรนชาวยูเครน วัย 26 ปี กล่าวว่า "ตอนที่ "รุสลัน อนิติน" อยู่ในสนามเพาะ ผมคิดว่าผมกำลังจะยิงเขา แต่ "รุสลัน อนิติน" ก็วางอาวุธลงและเดินออกมาจากสนามเพาะ เขาส่งสัญญาบางอย่างเหมือนกับว่ากำลังยอมจำนวนต่อเรา" และ "ผมรู้สึกเสียใจแทนเขามาก ที่เพื่อนๆของเขา ชิงฆ่าตัวตายก่อนยอมจำนน"
"รุสลัน อนิติน" กล่าวเสริมว่า "ผมไม่เคยอยากเป็นทหารเลย" และ "ตอนนี้ผมแค่ต้องการกลับบ้าน ไปหาครอบครัวของผม" และ "ผมไม่อยากบอกใครอีก ในเรื่องที่ผมเคยผ่านมาในสงคราม และ ทุกสิ่งที่ผมเห็นในยูเครน..."