บทพิสูจน์ก้าวไกล กับประชาธิปไตยในเรื่องโลกกลม โลกแบน
จากที่ฟังคลิปนี้ ฟังดูเหมือนเรื่องตลกนะครับ (อยากฟังเนื้อหาบางส่วนที่ อ.วีระพูดถึง อยู่ในคลิปเลยครับ ) ที่มีคนถามท่าน อ.วีระ เกี่ยวกับประชาธิปไตร โดยเอาเรื่องโลกกลมหรือแบนมาเปรียบเทียบ โดยที่ทาง อ.วีระ ก็พยายามบอกว่า เรื่องประชาธิปไตยมันก็ส่วนหนึ่ง เรื่องจริงก็ส่วนหนึ่ง โลกมันกลม ต่อให้โหวตกันว่าโลกแบน โลกก็ไม่ได้แบนตาม มันไม่ได้เกี่ยวกัน... แต่หากลองทำความเข้าใจโจทย์นี้กันจริงๆ แล้ว... ผมว่า เกี่ยวครับ.. เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปัจจุบันมากที่สุดด้วยซ้ำ คนถามเขาฉลาดที่จะหยิบประเด็นนี้มาพูด เพียงแต่ อ.วีระ อาจจะมีเวลาในการคิดหาประเด็นมาตอบน้อยไปหน่อย ผมก็เลยจะมาขยายความให้ฟังครับ
ผมขอยกตัวอย่างกรณีนี้ว่า.. หากโลกของเรา มีประชากรจำนวนหนึ่ง บนพื้นที่แห่งหนึ่ง ซึ่งประชากรกลุ่มนี้ ถูกสร้างชุดความคิดเชื่อต่างๆ นาๆ จากรัฐบาลมาหลายปี จนวันหนึ่งครับ มีการจัดการเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ และชนะได้โดยคนกลุ่มใหม่ ที่มีความคิด มีความรู้ และมุ่งมั่นจะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดียิ่งขึ้น หนึ่งในวาระสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในนโยบาย นั้นก็คือ "เราจะออกเดินทางหาพื้นที่ใหม่ในโลกกว้างใบนี้" แต่นอนครับว่า ฝ่ายค้าน ก็จะออกมาตามสเต็ปว่าไม่เห็นด้วย.. เพราะอะไรกัน
โดยการสำรวจหาพื้นที่ใหม่นั้น จะทำการลอยทะเลออกไป หาดินแดนใหม่ๆ ที่ไกลออกไป จำเป็นต้องสร้างเรือขนาดใหญ่ หาเสบียงในการเดินทางจำนวนหนึ่ง เตรียมพลเรือนที่จะต้องออกเดินทางไปด้วยอีกจำนวนหนึ่ง เตรียมความปลอดภัยด้านการทหารอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่า งบประมาณในการดำเนินการนี้ จะต้องนำมาใช้อย่างมหาศาล แต่ถ้าการเดินทางนี้ ไปพบดินแดนใหม่ได้ ก็นับว่าเป็นความสำเร็จที่เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เสียไปแน่นอน
ฝ่ายค้าน จะออกมาโต้กลับทันทีด้วยมุขที่ว่า "โลกเรามันแบน" แล้วให้เหตุผลต่างๆ นาๆ ว่า งบที่เสียไปเป็นจำนวนมหาศาล จะเป็นสิ่งที่ไร้ค่า เราจำเป็นต้องใช้งบจำนวนมากในการสร้างเรือ เสียเสบียงอาหารแบบไม่มีเหตุจำเป็น แถมนำพลเรือน และกองกำลังป้องกันประเทศชาติจำนวนหนึ่ง ออกเดินทางไปด้วย ทั้งๆ ที่โลกใบนี้มันแบน แล้วถ้าคุณไปสุดขอบทะเล พวกคุณก็จะไหลตกไปตายอย่างไร้ความหมาย
เมื่อฝ่ายค้านออกมาแบบนี้ การโหวต ก็ต้องเริ่มต้นขึ้น โดยฝ่ายค้าน เริ่มทำสื่อต่างๆ โฆษณาชวนเชื่อ ว่าโลกนี้มันแบนจริงๆ มีผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนมามาย ที่เดินทางออกไปแล้วไม่ได้กลับมา นำความน่ากลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในการเดินทาง มานำเสนอ สร้างความกลัวในใจให้ประชาชน
ทีนี้ ถ้าทำสำเร็จ คนกลุ่มใหญ่จะโหวตไม่เห็นด้วย กับการเดินทาง เพราะเชื่อฝังหัวไปแล้วว่าโลกมันแบน แม้จะมีหลักฐานว่าโลกมันกลมจริงๆ แต่เชื่อเถอะครับ พวกเขาไม่ฟังอะไรอีกแล้ว ...เพราะเฟคนิว ทำงานได้ผล คนปิดกั้นความรู้ ปิดกั้นทัศนะคติของคนรุ่นใหม่ แล้วหยิบยกความไม่เคารพในความเชื่อของผู้ใหญ่มาเป็นประเด็นให้เกลียดชังกันในสังคม ซึ่งคนหัวใหม่ มีความรู้จากการศึกษาว่าโลกกลม ก็จะเริ่มหยิบยกประเด็นนี้มาถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง
การที่ อ.วีระบอกว่า "ต่อให้คนโหวตว่าโลกแบนมีจำนวนมาก โลกมันก็ไม่ได้แบนตาม" อันนี้จริงครับ แต่หากมีการโหวตว่าโลกแบนจำนวนมาก สิ่งที่แบนมันไม่ใช่โลกครับ แต่มันกับคือความเจริญ ที่ประชาชนจะไม่ได้รับอะไรกับสิ่งนั้น พวกฝ่ายค้าน มองเห็นผลประโยชน์มากขึ้น ที่สามารถสร้างชุดความเชื่อนี้ได้
มามองในเหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นตอนนี้ ต้องยอมรับว่า พรรคก้าวไกล นโยบายต่างๆ ของเขา เป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศชาติพัฒนาขึ้น อย่างน้อยๆ ก็มากกว่าเดิม แต่ที่มีปัญหาอยู่ตอนนี้ ก็คือคนกลุ่มเก่าๆ คนยุคเก่าๆ ที่พยายามคัดค้านการเข้ามาของพรรคก้าวไกล เพราะส่วนหนึ่งอาจจะมองว่า มันยังเร็วเกินไป กับการที่ประเทศจะพัฒนาและเจริญกว่านี้ โดยแท้ที่จริง ก็คือพวกเขา กำลังจะเสียผลประโยชน์ หากความจริงมันถูกเปิดเผยออกมาว่าโลกมันกลม
เพราะถ้าเขาสามารถพิสูจน์ให้ประชาชน ที่ร่วมกันโหวตเป็นจำนวนมากกว่าโลกแบน ให้รู้ว่าโลกมันกลมจริงๆ นะ... นั้นแหละความ ความน่าเชื่อถือของคนกลุ่มใหม่จะดีดตัวขึ้นสูง แล้วกลุ่มเก่า จะถูกลดทอนความนิยม และคุณค่าลงทันที ผลประโยชน์ต่างๆ ที่เคยมี ก็จะไม่มีอีกต่อไป
ดังนั้น โลกกลม หรือ แบน การโหวตประชามติ เป็นเรื่องที่สำคัญ และมีความเกี่ยวข้องกัน ซึ่ง ณ ตอนนี้ พรรคก้าวไกลพยายามทำให้เห็นว่า .. โลกเรามันกลม แล้วโลกเรา ไม่ใช่ศูนย์กลางของจักวาลอย่างที่เข้าใจ
ประชาชนโหวตว่าโลกแบน.. ใช่ว่าโลกจะแบนตามผลการโหวต แต่ถ้าเรารู้ว่าโลกมันกลม แต่ประชาชนกลับโหวตว่าโลกแบน... และเรา อาจจะไม่ยอมรับกับผลการโหวตที่เป็นประชาธิปไตยนั้นได้... มันก็คือหน้าที่ของเรา ผู้ที่มีความเชื่อ และความรู้ ว่าโลกมันกลมจริงๆ พิสูจน์ให้พวกเขาเห็น เราไปโต้เถียง ก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะเขาเชื่อกันแบบนั้นไปแล้ว ยิ่งเราไปเถียง เขาก็หาว่าเราไม่ยอมรับผลการโหวต เราจึงควรจะลงมือพิสูจน์ หรือทำอะไรสักอย่าง.. อย่างที่พรรคก้าวไกล พยายามพิสูจน์ให้ประชาชนคนไทยได้เห็น ว่าประเทศไทย มันเปลี่ยนแปลงได้ วาระ กฏระเบียบ จะมาบอกว่า เราเคารพและทำตามกันมาเป็นร้อยๆ ปีแล้ว จะมาเปลี่ยนแล้วได้อะไร...
พรรคก้าวไกล เลยพยายามต่อสู้ พิสูจน์มาตลอดหลายปี การต่อสู้ของพรรคก้าวไกล บางคนเคยโดนจับ บางคนเคยโดนยิงด้วยกระสุนยาง บางคนเลยโดนอุ้ม... แต่พวกเขาพยายามทำให้เห็น.. ว่าประเทศไทยมันเปลี่ยนได้ เขาพยายามทำให้ทุกคนได้เห็น..ว่าโลก มันกลมจริงๆ .... นี่และครับ ความเหมือนที่แตกต่าง ของประชาธิปไตย กับคำถามที่ล้ำลึกว่า "ประชาธิปไตย จะเป็นอย่างไร ถ้าเชื่อว่าโลกมันแบน"... แล้วพวกคุณล่ะครับ เห็นการต่อสู้ของพวกเขาไหม แล้ว...พวกคุณล่ะครับ คิดว่าโลกมันกลม...หรือมันแบน.. สวัสดีครับ