"ชัชชาติ" ตั้งศูนย์ฯ เข้มตั้งกล้อง CCTV ส่องกล่องเลือกตั้ง ป้องกันยัดบัตร ยัดกล่อง มาเปลี่ยน
กทม. ใช้เทคโนโลยีช่วยดูแลการเลือกตั้ง ส.ส. พร้อมให้ประชาชนชมถ่ายทอดสดจุดเก็บหีบบัตร หาก กกต. อนุมัติ
ที่ศูนย์กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย วิศณุ ทรัพย์สมพล และ ศานนท์ หวังสร้างบุญ สองรองผู้ว่าฯ กทม. นำคณะสื่อมวลชนตรวจเยี่ยมการเชื่อมระบบ CCTV ห้องเก็บรักษาหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า
ชัชชาติกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการติดตั้งกล้อง CCTV ที่ห้องเก็บรักษาหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ขณะนี้ได้ติดตั้งครบทั้ง 33 เขตเลือกตั้งแล้ว โดยติดตั้งเขตฯ ละ 2 กล้อง อยู่ระหว่างการเชื่อมระบบมาที่ศูนย์ CCTV และขึ้นเว็บไซต์ พร้อมขออนุญาตสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) ในการเปิดเผยให้ประชาชนสามารถติดตามได้ หาก กกต. อนุญาต กทม. จึงจะสามารถเผยแพร่ลิงก์เว็บไซต์ดังกล่าวให้ประชาชนทราบในลำดับต่อไป
โดยนอกจากการติดตั้งกล้อง CCTV แล้ว ยังมีการตั้งระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว (Motion Detect) ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากมีการเคลื่อนไหวระบบจะแจ้งเตือนอัตโนมัติมายังเจ้าหน้าที่ทันทีผ่านไลน์ และจะบันทึกประวัติการเคลื่อนไหวไว้ ทั้งภาพ วัน และเวลาที่ตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถไล่ดูรายงานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องย้อนดูกล้องตั้งแต่ต้น
อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นใจว่า ตั้งแต่เริ่มเก็บรักษาหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าจนกระทั่งถึงวันที่นำหีบบัตรดังกล่าวออกไปนับคะแนนจะไม่มีใครมายุ่งอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ จากการทดสอบระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว ปัจจุบันยังพบบั๊ก (Bug) หรือจุดบกพร่องของระบบอยู่เล็กน้อย (ตรวจจับความเคลื่อนไหวนอกห้องเก็บรักษาหีบฯ) ซึ่งจะให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขบั๊กให้เรียบร้อยโดยเร็ว
ชัชชาติยังได้กล่าวขอบคุณ กกต. ที่มีมาตรการหลายๆ อย่างเพื่อความโปร่งใส ซึ่งทาง กกต. ต้องดูแลหลายหน่วยเลือกตั้ง กทม. จึงช่วยในสิ่งที่สามารถทำได้ และเทคโนโลยีคือหัวใจของการทำงาน การที่ กทม. นำกล้อง CCTV มาช่วยนั้นไม่ได้ใช้เงินเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นการนำกล้องสแตนด์บายจากสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. มาใช้ ส่วนโปรแกรมก็ได้ประสานขอให้คนช่วยเขียนให้ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุน
สำหรับวันเลือกตั้ง ทาง กกต. อนุญาตให้ถ่ายภาพใบรายงานผลการนับคะแนน (5/18) ได้ เพื่อเป็นการป้องกันกรณีผลเลือกตั้งช้า กทม. จึงได้ประสานกับอาสาสมัครสตาร์ทอัพ นำเทคโนโลยี OCR หรือ Optical Character Recognition เปลี่ยนข้อความที่อยู่ในรูปภาพให้อยู่ในรูปแบบของข้อความ เพื่อช่วยให้การนับคะแนนเร็วขึ้น โดยหลังจากอัปโหลดภาพ ระบบจะขึ้นคะแนนทันที โดยจะมีการแสดงระดับความเชื่อมั่น (Confidence Level) ไว้ด้วย หากลายมือในภาพอ่านยาก ระดับความเชื่อมั่นจะน้อยลง ทำให้เจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบเฉพาะจุดซ้ำอีกครั้งเพื่อความถูกต้องแม่นยำ ทั้งนี้ การนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นการช่วยเพิ่มความรวดเร็วและโปร่งใส ซึ่งจะเป็นผลดีกับทุกคน รวมถึงเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตยอีกด้วย
ด้านความพร้อม ชัชชาติยืนยันว่า กทม. มีความพร้อมเพราะได้มีการอบรมซักซ้อมการปฏิบัติงานแล้ว นอกจากนี้ เนื่องจากช่วงเลือกตั้งอาจจะมีพายุเข้า จึงได้สั่งการให้สำนักงานเขตและสำนักการระบายน้ำเตรียมความพร้อมในกรณีฝนตกน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ประชาชนควรไปให้เร็วก่อนที่ฝนจะตก เพื่อความสะดวกในการเดินทาง
“การเลือกตั้ง ส.ส. ในครั้งนี้ คาดว่าจะมีคนออกมาใช้เสียงมากถึง 80% ขอเชิญชวนทุกคนออกมาแสดงพลังใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะในระบอบประชาธิปไตย วันเลือกตั้งนั้นสำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นวันที่เรามีตัวตน และทุกเสียงของเรามีความหมายในการกำหนดว่าบ้านเมืองเราจะไปในทิศทางไหน” ชัชชาติกล่าวในที่สุด