สาวเผยสาเหตุลาออกจากราชการครู ทั้งที่เคยเป็นอาชีพที่ใฝ่ฝันอละภาคภูมิใจ
ข้าราชการครูสาวท่านหนึ่ง ได้ออกมาเล่าประสบการณ์ความภาคภูมิใจที่ได้รับราชการครูกว่า 10 ปี
ก่อนตัดสินใจลาออกจากราชการครูผ่านทางเฟซบุ๊คส่วนตัว
หลังจากที่คุณครูท่านนี้ได้รับราชการมารวม 10 ปี 8 เดือน 24 วัน
เรื่องราวที่น่าภาคภูมิใจตลอดเส้นทางการเป็นครู มีเนื้อหาดังนี้
การสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู ได้ลำดับที่ 4 ของเขค ได้มีโอกาสเรียนต่อปริญญาโทจนจบและได้สอนนักเรียนอย่าเข้มข้นจนหยุดสุดท้าย
ทุ่มเทกับการสอนมาอย่างดีตลอดอายุราชการ ทุ่มเทกับงานราชการมาอย่างหนัก การได้เป็นครูบรรจุใหม่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งนั้น
ทำให้มีโอกาสได้ทำงานเป็นพิธีกร จากที่เคยเป็นคนพูดน้อยเป็นเป็นคนพูดมากและกลายเป็นความสามารถพิเศษในที่สุด
และไม่ว่าจะรับราชการอยู่ที่โรงเรียนไหน ก็ได้โอกาสทำงานสำคัญ ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะตำแหน่งล่าสุดคือ หัวหน้างานสภานักเรียน
รองหัวหน้าระดับ ม. 4 และมีส่วนร่วมกับงานสำคัญของโรงเรียนอีกมากมาย
เล่ามาถึงตอนนี้ ทุกคนคงเริ่มตั้งคำถามแล้วใช่ไหมว่า แล้วทำไมถึงตัดสินใจลาออกล่ะ ???
งั้นมาเล่ากันต่อนะคะ
ในช่วงแรกตัดสินใจบอกคนอื่นน้อยมาก ๆ เพราะงานเยอะยังไม่พร้อมจะตอบคำถามใครนัก
พอเวลาผ่านไปก็เริ่มบอกคนที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน เพื่อให้เขาได้เตรียมวางแผนว่าก่อนที่เราจะลาออก
เหตุผลที่ลาออก คือ
ชีวิตการเป็นครูในปัจจุบันนั้นเหนื่อยและหนักหนามาก สมกับคำว่า คุรุ ที่แปลว่า หนัก ตั้งแต่รับราชการมา ไม่เคยมีคำว่าสบาย
ใครบอกอาชีพครูสบายแนะนำว่าให้มาลองเลย แล้วจะรู้
การเป็นครูในโรงเรียนนั้น ไม่ได้ทำหน้าที่ครูเพียงอย่างเดียว ยังต้องเป้นชาวสวน และเป็นสิ่งที่ทิ้งไม่ได้
เดิมวันจันทร์-ศุกร์ กลางวัน-กลางคืนทำงานที่โรงเรียน เสาร์-อาทิตย์และวันหยุดอื่นๆ ทำงานสวน
แต่ปัจจุบันพบว่า งานโรงเรียนได้กลืนชีวิตของเราไปทั้งหมด แทบไม่มีเวลาให้กับงานสวนและการพักผ่อนเลย
เสาร์อาทิตย์ก็ต้องนั่งพิมพ์งานอยู่หน้าคอม งานโรงเรียนหลอกหลอนทั้งกลางวันกลางคืน
ช่วงเวลาสำคัญของงานส่วน เช่น การแต่งลูก และการขายมันเป็นดีลสำคัญมาก แต่ก็มาไม่ได้ต้องไปโรงเรีน
เริ่มกินข้าวไม่ตรงเวลาจนไม่ได้กินข้าวเที่ยงหลายครั้ง ซึ่งมันไม่ควรเป็นอย่างนั้นเลย
และเมื่อต้องทำส่วนด้วย จึงแน่นอนว่า คำว่าพักผ่อนคงไม่มีในโลกนี้อีกแล้ว
ร่างกายและจิตใจก็เริ่มพังไปเรื่อย ๆ คนทำอาชีพคณูอย่างเดียว หรือ ทำสวนอย่างเดียวคงไม่เข้าใจ
ความคิดที่ว่าจะลาออกไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น เกิดมาไม่ต่ำกว่าปีแล้ว แค่ไม่ได้พูดกับใครเยอะ อยู่ ๆ เป้าหมายของชีวิตก็คือการลาออก
เริ่มเบื่อระบบหลาย ๆ ตรงที่มันทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เป็นระบบที่บ้าเอกสาร
ต้องปั่นเอกสารหนา ๆ เยอะ ๆ ต่อให้ทำเสร็จ ทำดีแค่ไหน ทำไปก็ไม่ได้มีใครอ่านหรอก
ดูแค่ว่าปกคืออะไร หนาไหม ส่งยัง จบ!! แล้วก็เบื่อวิถีของครูที่บ้าการแข่งขัน
ไม่อยากแข่งก็ต้องแข่ง เพื่อชื่อเสียงของโรงเรียน เพื่อให้มีผลงาน
เด็กบางกลุ่ม บางคนเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ โดยเฉพาะการแข่งขันศิลปหัตถกรรม เอาจริง ๆ นะ
ส่งครูแข่งเถอะ หมดงบกันไปเท่าไหร่แล้ว ความรู้สึกส่วนตัวมองว่า เรากำลังหลงทางกันรึเปล่า สิ่งที่เราควรโฟกัสคือการสอนในห้องเรียน
งานสอนต้องมาอันดับหนึ่ง ไม่ใช่งานพิเศษ ไม่ใช่งานอื่น ๆ และก็มีอีกหลายประเด็นที่คนเป็นครูก็รู้กันดี
การรอให้อายุราชการครบ 25 ปี แล้วค่อยลาออก สำหรับเราแล้วมันยากมาก ๆ
สุดท้ายก็ตกตะกอนว่า การรับราชการครูดีนะ ภูมิใจที่ได้รับราชการครู เงินเดือนดีกว่าราชการอื่น ๆ มีสวัสดีการให้
แต่ต้องและกับสุขภาพกาย ใจ เวลา ชีวิต ที่ต้องทุ่มเท ณ ตอนนี้เริ่มมองว่ามันไม่คุ้ม
ครูที่สบาย คือ ครูที่ตายไปแล้ว กับครูที่ไม่ทำงาน เราเป็นคนทำอะไรจริงจัง และทุ่มเท
การที่ให้เราหลอย ๆ และเป็นครูที่ไม่ค่อยทำงานนั้น มันไม่ใช่วิถีชีวิตของฉัน
อาชีพครูไม่ได้ผิดอะไร แต่แค่มันไม่เข้ากับสิ่งที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันแล้ว
ในอดีตชีวิตคือการเติบโตในชีวิตข้าราชการ แต่ปัจจุบันความคิดเปลี่ยนไป เป้าหมายของชีวิตเราคือการได้ใช้ชีวิต
มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี และมีเวลาให้กับครอบครัว
จากเหตุผลนี้ มันก็มาประจวบเหมาะกับจังหวะของครอบครัวสวนที่ต้องการการดูแล
แม่ก็เริ่มสุขภาพไม่ดี คิดว่าการทุ่มเทชีวิตให้กับครอบครัวมันเป็นเรื่องที่ดีกว่า
เสียดายอยู่สองอย่างคือไม่ได้สอน นักเรียนแล้วเพราะเราชอบสวน และจะต้องห่างออกมาจากมิตรภาพของเพื่อนร่วมงานที่น่ารักมาก

















