ประวัติศาสตร์การค้นพบปิโตรเลียม (น้ำมันดิบ)
การค้นพบ น้ำมันดิบ
แรกเริ่มเดิมที…
เดิมมนุษย์เราใช้น้ำมันจากสัตว์เป็นเชื้อเพลิง ยังไม่รู้จักน้ำมัน มาร์โคโปโล เคยเขียนบันทึกการเดินทางไว้ว่า ที่เมืองบากู ใกล้ทะเลสาปแคสเปียน มีน้ำพุสีดำพุ่งขึ้นมาจากดิน กินไม่ได้ คันด้วย แต่ติดไฟได้
....
ส่วนอุตสาหกรรมน้ำมันน่าจะเริ่มจากอเมริกา เมื่อสักร้อยแปดสิบปีที่แล้ว ใช้ภาษาโบราณเล่าว่า กระทาชายนายแซมมวล แกเป็นคนทำเหมืองเกลือ โดยสูบน้ำเกลือจากใต้ดินขึ้นมาตากแดดแล้วแยกเกลือไปขาย วันหนึ่งมีของเหลวดำ ๆ เหม็น ๆ ติดน้ำเกลือขึ้นมาด้วย แกไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่หงุดหงิดมาก สั่งลูกน้องเอาไปเททิ้งลงลำธารข้างเหมือง ลูกคนงานแถวนั้นกำลังซน ขโมยไม้ขีดไฟพ่อมาเล่นแล้วโยนก้านไม้ขีดลงลำธาร เสียงดังพรึ่บ ไฟลุกติดไปเกือบกิโลฯ
....
พอข่าวแพร่ออกไป พวกหัวการค้าก็มาเก็บตัวอย่างส่งไปวิเคราะห์ที่มหาวิทยาลัยเยล ได้องค์ความรู้มากมายว่าในน้ำมันดิบมีอะไรบ้าง
....
คนเจอน้ำมันก็ยังขายเกลือต่อไป แต่กระทาชายนาย เอ็ดวิน เดรก เป็นคนเริ่มทำธุรกิจบ่อน้ำมันคนแรก โดยขุดลงไปแค่ 69.5 ฟุต แถวเท็กซัส น้ำมันดิบพุ่งปรี๊ดขึ้นมาเป็นห่าฝน แกยังไม่ได้เตรียมตัวก็เลยคว้าเอาถังหมักไวน์ หมักเบียร์ มารองแล้วกลั่นน้ำมันดิบขาย ตั้งราคา 18.27 เหรียญต่อบาร์เรล (ประมาณ 100-200 ลิตร) ก็เลยกลายเป็นมาตรฐานแต่นั้นมา
…ประวัติศาสตร์การค้นพบปิโตรเลียม
นักโบราณคดีเชื่อว่าประมาณ 2,500 ปีก่อนคริสตกาล อารยธรรมบาบิโลเนีย เป็นกลุ่มแรกที่มีการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงแทนไม้ และเมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนเป็นชาติแรกที่มีการทำเหมืองถ่านหินและขุดเจาะบ่อแก๊สธรรมชาติลึกเป็นระยะร้อยเมตรได้
ซามูเอล เอ็ม เกียร์ (Samuel M. Kier) เป็นบุคคลแรกที่ถือได้ว่าขุดพบน้ำมัน โดยในปี พ.ศ. 2391 เขาได้ขุดพบน้ำมันโดยบังเอิญจากบ่อที่เขาขุดขึ้นบนฝั่งแม่น้ำอัลเลเกนี (Allegheny) ในมลรัฐเพ็นน์ซิลวาเนีย (Pennsylvania) และตั้งชื่อน้ำมันดังกล่าวว่า น้ำมันซีนีกา (Seneca oil) ซึ่งเป็นชื่อพื้นเมืองอเมริกัน ต่อมาเมื่อเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันปลาวาฬ ซึ่งขณะนั้นนิยมใช้เป็นเชื้อเพลิงให้แสงสว่าง และใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นสำหรับ เครื่องยนต์ต่างๆ กันอย่างแพร่หลาย จึงเป็นแรงผลักดันให้มีการแสวงหาปิโตรเลียมมาใช้ทดแทน และนำไปสู่การจัดตั้งบริษัทเจาะหาน้ำมันชื่อ บริษัทซีนีกาออยส์ จำกัด (Seneca Oil Company) ขึ้นมา
🌑 เอ็ดวิน แอล เดรก (Edwin L. Drake)
ในช่วงปี พ.ศ. 2402 เป็นช่วงของ ยุคตื่นน้ำมัน ซึ่งเริ่มจากการที่ เอ็ดวิน แอล เดรก (Edwin L. Drake) ถูกส่งไปเจาะสำรวจหาน้ำมันที่เมืองทิทัสวิลล์ (Titusville) ในมลรัฐเพ็นน์ซิลวาเนีย (Pennsylvania) และเขาได้ขุดพบน้ำมันที่ระดับความลึก 69.5 ฟุต โดยมีน้ำมันไหลออกมาด้วยอัตรา 10 บาเรลต่อวัน จึงถือเป็นการเริ่มต้นธุรกิจน้ำมันในเชิงพาณิชย์ของโลกนับตั้งแต่นั้นเป็น ต้นมา
สำหรับประเทศไทยนั้นมีหลักฐานปรากฏนับเป็นเวลามากกว่าร้อยปีมาแล้วว่า เจ้าหลวงเชียงใหม่ได้รับรายงานว่ามีการไหลซึมออกมาของปิโตรเลียมที่ฝาง และชาวบ้านในบริเวณนั้นได้ใช้น้ำมันดิบนี้เป็นยาทาแก้โรคผิวหนัง เจ้าหลวงเชียงใหม่จึงได้รับสั่งให้มีการขุดบ่อตื้นขึ้น เพื่อกักเก็บน้ำมันดิบที่ไหลซึมออกมานี้ไว้ และเป็นที่เรียกขานกันในเวลาต่อมาว่า “บ่อหลวง” ต่อมาในปี พ.ศ. 2464 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟ ได้ทรงริเริ่มนำเข้าเครื่องเจาะมาเพื่อทำการเจาะสำรวจหาน้ำมันดิบ ในบริเวณที่มีผู้พบน้ำมันดิบไหลขึ้นมาบนผิวดินที่บ่อหลวง และยังทรงว่าจ้างนักธรณีวิทยาชาวอเมริกันเข้ามาสำรวจหาน้ำมันดิบ และถ่านหินในประเทศไทยอีกด้วย
กาลผ่านไป อุตสาหกรรมน้ำมันก็เจริญเติบโต เทคโนโลยีสลับซับซ้อน น้ำมันดิบที่ขุดได้ เอาไปแปรรูปทำโน่นทำนี่ได้เป็นร้อยอย่าง น้ำมันกลายเป็น "ของต้องมี" สำหรับชาวโลก คิดเป็น 30 % ของการใช้พลังงานทั้งหมดของโลก และ กว่า 50 % ใช้ไปในเรื่องการเดินทางและขนส่ง น้ำมันจึงเป็นต้นทุนแฝงอยู่ในสินค้าทุกชนิดที่มนุษย์ใช้
🤔🤔