"ราชาหนู" หรือปรากฏการณ์ "พญามุสิก" ของกลุ่มของหนูที่หางของพวกมันพันกันจนเป็นปม🐀🐁🐀🐁
Rat king ที่ใหญ่ที่สุดโดยมีหนูผูกติดกันถึง 32 ตัว
ราชาหนูหรือ "roi de rats" ในภาษาฝรั่งเศสคือกลุ่มของหนูที่มีหางพันและมัดเข้าด้วยกัน
มักเกิดขึ้นเมื่อหนูเล็กซึ่งนอนด้วยกันในระยะใกล้ๆกันหางของพวกมันจึงพันกันจนเป็นปม
หางที่ผูกไว้นั้นมีแนวโน้มที่จะถูกสิ่งสกปรกเกาะติด เช่น น้ำนม ไขมัน เลือด อาหาร อุจจาระ หรือปัสสาวะ
เมื่อหนูตื่นขึ้นและพยายามวิ่งหนีออกจากกัน เงื่อนจะรัดแน่นและผูกพวกมันไว้ด้วยกัน
พวกมันจึงไม่สามารถหาอาหารได้และตายในที่สุด
ตัวอย่างจำนวนมากได้รับการบันทึกไว้ที่ส่วนใหญ่มาจากยุโรป โดยมีรายงานแรกสุดมาจากศตวรรษที่ 16
ราชาหนูที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ถูกพบในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1828 (พ.ศ. 2371) มันถูกพบในปล่องไฟในเมือง Buchheim ของเยอรมันโดยมีหนูมากถึง 32 ตัว
การค้นพบเกิดขึ้นเมื่อช่างสีชื่อ Steinbrück ทุบผนังปล่องไฟของเขาทิ้ง จากนั้นเขาก็พบราชาหนูที่แห้งตายอยู่ใต้ซากของปล่องไฟ ที่ตัวของมันไม่มีขนและดำคล้ำด้วยเขม่า แต่กรงเล็บของพวกมันจะยังแหลมคมอยู่
Steinbrück ได้มอบราชาหนูที่ทำลายสถิติให้กับ Altenburg Natural Research Society ซึ่งใส่ไว้ในตู้กระจกเพื่อจัดแสดงต่อสาธารณชน และในปี 1908 มันถูกย้ายไปที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติมอริเชียสที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งยังคงจัดแสดงอยู่ในปัจจุบัน
ราชาหนูอัลเทนเบิร์กประกอบด้วยหนูดำ ( Rattus rattus ) หรือที่รู้จักกันในชื่อหนูบ้านหรือหนูหลังคา ในความเป็นจริงแล้ว ตัวอย่างราชาหนูที่ยังมีชีวิตอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นหนูดำ
บางทฤษฎีบอกเหตุผลของเรื่องนี้ก็คือ หนูดำซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นนักปีนป่ายที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ มีหางที่เกาะเกี่ยวได้เหมือนลิง ซึ่งสร้างปฏิกิริยาตอบสนองโดยสัญชาตญาณเมื่อพวกมันสัมผัสบางสิ่ง และเมื่อถูกขังในพื้นที่เล็กๆ เช่น ระหว่างพื้นชั้นบนของบ้าน หางของหนูจะหนีบเข้าหากันและเกี่ยวพันกัน
ขณะที่หนูคลานทับกันไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะผล็อยหลับไปในที่สุด ปมที่หางจะแข็งขึ้นอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการผสมของสารเหนียวและวัสดุอื่นๆ เช่น ดินเหนียว หญ้าแห้ง และสิ่งสกปรกดังที่กล่าวไว้ข้างต้นโดยนักวิชาการได้ให้ความสำคัญกับทฤษฎีนี้เนื่องจากว่าราชาหนูส่วนใหญ่ถูกพบในช่วงฤดูหนาวในพื้นที่จำกัด
ตัวอย่างล่าสุดของราชาหนู ได้แก่ หนูที่พบในนิวซีแลนด์ในปี ค.ศ.1930 (พ.ศ.2473) ซึ่งปัจจุบันจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์โอทาโก เมืองดันนีดิน ประกอบด้วยหนูสีดำที่ยังไม่โตเต็มวัยจำนวน 8 ตัวที่มีขนม้าพันกันยุ่งเหยิง หางของพวกมันมีร่องรอยการหักของกระดูก บ่งบอกว่าพวกมันพยายามอย่างยิ่งที่จะปลดปล่อยตัวเองจากสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้
ราชาหนูที่ถูกค้นพบในปี 1963 โดยชาวนาในเนเธอร์แลนด์ประกอบด้วยหนู 7 ตัว ตามรายงานที่เผยแพร่โดยนักวิชาการเป็นภาพเอ็กซเรย์ที่ถ่ายหลังจากหนูถูกฆ่า แสดงให้เห็นการก่อตัวของแคลลัสที่หางหัก บ่งบอกว่าพวกมันรอดชีวิตมาได้เป็นระยะเวลานานในระหว่างที่หางติดกัน
ในปี 2005 เกษตรกรชาวเอสโตเนียพบราชาหนู 16 ตัว โดยมีหนูบางตัวได้ตายไปแล้ว แม้ว่าอีกหลายตัวจะยังมีชีวิตอยู่ ในที่สุดพวกมันทั้งหมดก็ถูกการุณยฆาตเนื่องจากไม่สามารถแยกมันจากกันได้ มันถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งมหาวิทยาลัยทาร์ทู
ยังมีราชาหนูที่ถูกค้นพบล่าสุดในโลก ซึ่งพบในเอสโตเนียในเดือนตุลาคม 2021 ตามที่เห็นในวิดีโอด้านล่าง ประกอบด้วยหนูที่มีชีวิต 13 ตัว และเป็นอีกครั้งที่พวกมันต้องถูกฆ่าเพราะไม่สามารถปลดปล่อยพวกมันได้
แม้ว่านักสัตววิทยาบางคนยังคงสงสัยเกี่ยวกับราชาหนูที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ก็ไม่เชื่อว่ากรณีที่ผ่านมาเป็นเรื่องหลอกลวงที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่ปัจจุบันได้มีการพบราชากระรอกซึ่งมีหางผูกกันเป็นปมเหมือนกับของราชาหนู เป็นการพิสูจน์ปรากฏการณ์นี้ที่เกิดขึ้นกับสัตว์ฟันแทะอื่นๆ ด้วย
ชมคลิป
https://youtube.com/shorts/YSBEoAXRHnU?feature=share
อ้างอิงจาก: https://youtu.be/Tm5HEoB_PfE,https://youtube.com/shorts/YSBEoAXRHnU?feature=share