ตำราเรียนของกัมพูชา ที่เรียนกันมาตั้งแต่ชั้นประถม สอนเกลียดคนไทย!?
ตำราเรียนของกัมพูชา ที่เรียนกันมาตั้งแต่ชั้นประถม ตัดมาแค่บางช่วงบางตอน
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนเขมรถึงเกลียดคนไทยนักหนา
อ่านแล้วทำใจกลางๆสบายๆไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะรัฐบาลปลูกฝังให้พวกเขาเป็นแบบนั้น
“…เสียม (สยาม) หรือไทย
เดิมอยู่ที่ยูนนาน (ในประเทศจีน) คริสต์ศตวรรษที่ 8 คนพวกนี้ได้ก่อตั้งพระราชอาณาจักรแห่งหนึ่งชื่อว่าน่านเจ้า ต่อมาสยามได้มาอยู่บนดินแดนเขมรภาคเหนือแล้วตั้งราชธานีอยู่ที่สุโขทัย…”
“…ชนชาตินี้ (ไทย) ได้ประมวลรวมกันเป็นกลุ่ม ๆ ในอํานาจเสด็จตราญ่ (เจ้าผู้ครองแคว้นของกัมพูชาสมัยเมืองพระนคร) แต่ละพระองค์ แล้วตั้งลําเนาในตําบลทิศอุดร ไกลจากประเทศเขมร ในบริเวณใกล้ยูน นานกับพม่า และในยูนนานนี้เองด้วย
ในศตวรรษที่ 12 จึงรวมกันเข้าเป็นครั้งแรกด้วยรูปภาพของชนชาติไทยบนรูปจําหลักหินในปราสาทนครวัด พร้อมทั้งมีข้อความบางตอนให้ชื่อว่า “สยาม” และชี้ชัดว่าเป็นพวกคนป่า ส่วนความจริงนั้น คือตั้งแต่ ต้นศตวรรษที่ 12 เป็นต้นมา พวกไทยนี้ได้เคลื่อนย้ายจากยูนนานเขยิบเข้ามาทางทิศใต้ แต่ว่าในชั้นนั้นพวกนี้ลอบลักเข้ามาทีละน้อย ๆ ในกําหนดเวลานานโดยลงมาตามลําน้ำและแม่น้ำ การที่ลอบลักเข้ามาแบบนี้แล้วซึ่งเป็นต้นกําเนิดของการรุกรานบุกย่ำอย่างหนักซึ่งจะมีต่อมาอีก
การรุกรานแบบนี้เกิดขึ้นอย่างหนักในต้นศตวรรษที่ 13 โดยมีการรุกรานของพวกมองโกลถึงประเทศจีน และนโยบายรวบรวมประมวลแผ่นดินของพระเจ้ากุบไลข่าน ในระหว่างคริสต์ศักราช 1220 จึงมีการรวมเอาแผ่นดินจริง ๆ…
…ในเวลาเดียวกันนั้นพวกไทยซึ่งปลีกออกจากประเทศเดิม และมาตั้งลําเนาที่สุโขทัยนั้นก็เกิดขึ้น มีกษัตริย์ไทยสองพระองค์ได้ตีหลอกแย่งเอาเขตสวรรคโลก โดยได้ขับไล่เจ้าเมืองเขตเขมรออก แล้วตั้งเป็นราชาณาจักรขึ้น…”
“…ประวัติศาสตร์ในช่วง 257 ปีนี้ ประเทศกัมพูชาได้รับเคราะห์ร้ายอย่างมากจากไทยซึ่งยกทัพมารุกรานหลายครั้งหลายคราวมาก ตัวอย่างเช่น
1. ในรัชกาลพระบาทศรีลําพงราชา สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 กษัตริย์ไทยได้ยกทัพมาตีเมืองพระนคร ปรารถนาจะเอาเมืองเขมรให้ได้ สงครามครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก
2. ในรัชกาลพระอุปราชศรีสุริโยทัย ไทยยกทัพมาตีเมืองพระนครได้ในปี ค.ศ. 1353 ไทยทําลายประตูเมืองพระนครจากทิศตะวันออกแล้วบุกเข้าปล้นราชสมบัติ จับเขมรเป็นเชลยจํานวนกว่าหนึ่งหมื่นคน นําไปประเทศไทย…
…12. ในเวลาที่พระบาทสัตถาที่ 1 ครองราชย์ได้ประมาณ 4-5 เดือน พม่าในหงสาวดียกทัพมาตีประเทศไทย ไทยขอกําลังเขมรไปช่วย โดยทรงเห็นถึงพระราชไมตรีใหม่ ๆ นั้น พระบาทสัตถาทรงเห็นพร้อมด้วย แล้วก็โปรดให้พระอนุชาพระศรีสุริโยพรรณเป็นแม่ทัพไปช่วยไทย เมื่อช่วยชนะแล้วกษัตริย์ไทยไม่มีความกตัญญเลย เปลี่ยนท่าที่เป็นดูถูกพระมหาอุปราชเขมรเหมือนเป็นกษัตริย์ที่อ่อนน้อม…”
“…ผลวิบากของการเสียกรุงลงแวก
การตีกรุงลงแวกแตกโดยชนชาติเสียม (สยาม) มีผลวิบากเลวร้ายอย่างรุนแรงสําหรับประชาชาติเขมร ต่อจากนี้ไปประเทศเขมรต้องพบกับความวิบัติอันมีมากขึ้นในสมัยลงแวก โดยเฉพาะในรัชกาลของพระบาทจันทราชา และ บรมราชาที่ 4 เขมรสร้างความเข้มแข็งของตนคืนได้ แล้วได้ยกทัพไปตีรุกราชธานีศรีอยุธยาและตีปลดปล่อยเอาอาณาเขตข้างตะวันตกคืนมาได้เป็นจํานวนมาก เพียงแต่หลังจากบันทาย ลงแวกต้องแตกหักไป แผ่นดินส่วนใหญ่ของพนมดงรักและที่อยู่ทางด้านทิศตะวันตกต้องสูญเสียไปอย่างถาวร
การแตกหักบันทายลงแวกเป็นเหตุยังประเทศเขมรให้สิ้นฤทธานุภาพ ตกเป็นรัฐเล็กอยู่ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วซึ่งเขมรต้องสูญเสียตํารับตําราไปหมด นักปราชญ์บัณฑิตกวีซึ่งถูกศัตรูกวาดต้อนเอาไปประเทศมัน…”
ตำนานพระโคพระแก้ว
(เป็นยันผู้ร้ายในตำนาน)
“…พวกสยามเห็นว่าเมื่อใดได้พระโคอยู่ ณ ที่ใด ที่นั้นจะได้สุขเกษมศานต์ ดังนี้แล้วพวกสยามจึงได้พยายามดูแลรักษาพระโค-พระแก้วไว้อย่างแข็งแรง แล้วนับแต่เวลานั้นมา พระโค-พระแก้วจึงมิได้กลับคืนมายังเมืองเขมรจนถึงทุกวันนี้…”
“…ในปี ค.ศ. 1553 สยามจับได้พระอุปโยราชศรีสุริโยพรรณกับพระราชบุตรทั้งสองคือ พระชัยเจษฎา (พระชนม์ได้ 15 พรรษา) และพระอุทัย (พระชนม์ได้ 5 พรรษา) พร้อมทั้งกระบวนขนาดนักปราชญ์ราชบัณฑิตกวี รูปประติมากรรมพระโค-พระแก้ว และเชลยเขมรเป็นจํานวนมากไปประเทศสยาม
หลังจากสมเด็จพระนเรศวรประทับอยู่ในประเทศเขมรได้ 3 เดือน ก็เสด็จกลับคืนไปกรุงศรีอยุธยา โดยตั้งให้ขุนนางผู้ใหญ่สยามตั้งกํากับอยู่ที่กรุงอุดงค์ ควรอธิบายให้ทราบว่าที่ด้านหน้าพระวิหารพระแก้วใน กรุงเทพมหานครประเทศไทย ปัจจุบันนี้มีรูปประติมากรรมพระโคซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากับวัวใหญ่ในท้องเป็นช่องว่าง ถ้าเช่นนั้นนี่คือรูปพระโคพระแก้วซึ่งสยามนําเอาไปได้ในคราวที่ตีเมืองละแวกแตกหรือไรกัน?…”
สมัยรัตนโกสินทร์
“…สยามเอาดินแดนพระตะบองและเสียมราบ (เสียมเรียบ) สยามขังพระองค์เองจนถึงปี ค.ศ. 1794 จึง พระราชทานให้พระองค์เสด็จมาปกครองกัมพูชา ส่วนยมราชแบนสยามตั้งเป็นผู้ว่าการเขตของเขตพระตะบองและเสียมราบ (เสียมเรียบ) ซึ่งสยามเอาเป็นของมัน…”
“ในรัชกาลของพระองค์เอง (1794-1796) แบน (ออกญายมราช แบน-ผู้แปล) ได้กํากับเขตพระตะบอง และมหานคร (คือเขตเสียมราบ) มนตรีแบนกบฏได้กราบทูลเสด็จสยามนามจุฬาโลก (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช-ผู้แปล) ว่า ข้าพระกรุณาปรารถนาอยากให้เขตพระตะบอง และเสียมราบติดไปกับแผ่นดินสยาม ถ้าพระองค์ไม่ขัดพระราชหฤทัยขอทรงส่งพระราชสาสน์พร้อมทั้งลายพระหัตถ์ด้วยถวายเสด็จองค์เอง เพราะโดยอานุภาพของพระองค์ เสด็จกรุงกัมพูชาจะเกรงกลัว และพร้อมทั้งถวายเขตทั้งสองนี้มาแก่สยามอย่างแน่นอน เขตทั้งสองนี้ตกอยู่ในกํามือสยามในปี 1795
ในปีเดียวกันนั้นเองพระองค์เองได้เสด็จไปเมืองสยาม พระองค์เองก็มีบันทูลว่า ขอให้พระเจ้าสยามเอาเขตทั้งสองนี้ แต่ในเวลาที่พระองค์ เสด็จสยามยังมีพระชนม์อยู่ เมื่อสวรรคตไปต้องคืนให้เขมร เพียงแต่ล่วงมาหนึ่งปีเสด็จสยามไม่ทันสวรรคต พระองค์เองก็สุคตไปก่อนในปี 1796 ดังนั้นแล้ว พระตะบอง และมหานครก็ถูกไทยหลอกลวงเอาตลอดไป…”
ยุครัฐอารักขาฝรั่งเศสยิ่งสุดๆไปเลย ใครอยากรู้ไปหาอ่านเอาเอง
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/groups/862040068215459/permalink/888852805534185/