เน้นปริมาณ แต่ไม่เน้นผลกำไรข้าวมุมมืดของนโยบายช่วยชาวนา
วิกฤตพันธุ์ข้าวไทย กับนโยบายภาครัฐที่เน้นแจกเงินมากกว่าสร้างผลกำไร
.
หลายสิบปีที่ผ่านมา ไทยเราเสียอันดับในการส่งออกข้าวเปลือกอย่างเห็นได้ชัดจากการประเมินทั้งในส่วนของภาครัฐ และเอกชน สืบเนื่องจาก ต้นทุนในการผลิตข้าวที่สูง เมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่ในทางกลับกันรายได้ของเกษตรกรกลับลดลงชัดเจนเมื่อเทียบกับรายรับ และอัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี
สาระสำคัญ คือการดำเนินนโยบายของภาครัฐที่เน้นการให้ความหวังเรื่องราคาของผลิตผลทางการเกษตร มากกว่า การปรับการวางแผนทางการตลาดให้สอดคล้อง กับ สถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดข้าวมีคู่แข่งมากมาย ที่ขยันส่งออก รวมๆกันหลายสิบประเทศจากทั่วโลก
ไม่ว่าการประกันก็ดี การรับจำนำข้าวก็ดี หรือแม้แต่นโยบายที่เน้นจ่ายส่วนต่างของราคาข้าวที่รัฐบาลตั้งเป้า เพื่ออุดหนุนเกษตรกร จนกลายเป็นหนี้เสีย แต่ชาวนากลับยากจนลงจนเแดการออกมาเรียกร้องต่อราคาข้าวที่ตกต่ำลงอยู่ตลอดเวลา
.
หรือแม้แต่ปัจจุบันเอง การบริโภคข้าวก็ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ที่มีการทานข้าวทางเลือกมากขึ้นหรือการลดปริมาณการทานข้าวแบบเดิมลงเนื่องจากปัจจัยเรื่องเทรนสุขภาพ
.
จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ชาวนาต้องเผชิญในการแบกรับต้นทุนและผลผลิต เนื่องจากความเสี่ยงและปัจจัยหลายอย่าง และอีกหนึ่งสาเหตุที่ต้องรู้ในเรื่องนี้คือเรื่องพันธุ์ข้าวไทย
1. ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา
ลักษณะ : ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา จะมีลักษณะเรียวยาว มีกลิ่นหอมและนุ่ม มาจาก เป็นข้าวที่มาจาก“ทุ่งกุลาร้องไห้” ภาคอีสาน ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดในโลก
2. ข้าวหอมมะลิ 105
ลักษณะ : มีกลิ่มหอมคล้ายใบเตย มีต้นกำเนิดจาก จ. ฉะเชิงเทรา
3. ข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6
ลักษณะ : เมล็ดยาวเรียว ขนสั้น เปลือกสีน้ำตาล หุงแล้วข้าวนุ่ม กลิ่นหอม นิยมปลูกในภาคเหนือเเละอีสาน
4. ข้าวเหนียวเขาวง
ลักษณะ : ข้าวเหนียวเขาวง จะมีจุดเด่นตรงที่ เมื่อนึ่งสุกแล้ว จะหอม นุ่ม ไม่แฉะติดมือ ปลูกอยู่ในพื้นที่อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์
5. ข้าวเหนียวเขี้ยวงู้
ลักษณะ : ข้าวเหนียวเขี้ยวงู จะเรียงตัวสวยไม่เละ มีกลิ่นหอม นิยมนำมาข้าวเหนียวมูน เมล็ดขาวเหนียวจะมีความนุ่มมาก
6. ข้าวเหนียวดำ (ข้าวก่ำ)
ลักษณะ : เมล็ดข้าวมีสีม่วงดำ ค่อนข้างแข็ง นิยมนำข้าวเหนียวดำมาเป็นขนมหวาน มากกว่าข้าวอื่นๆ
7. ข้าวเหลืองปะทิว
ลักษณะ : เมล็ดของข้าวเหลืองปะทิว จะมีความเลื่อมมัน เมล็ดยาว เเละ เมื่อนำไปหุงข้าวจะขึ้นหม้อ
8. ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้
ลักษณะ : ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้ เป็นข้าวที่หุงขึ้นหม้อ ไม่แข็ง ไม่บูดง่าย แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เส้น เเละขนมได้ดี
9. ข้าวกล้อง
ลักษณะ : ข้าวที่มีส่วนของจมูกข้าวเเละรำข้าวติดอยู่ บางคนเรียกว่าข้าวซื้อมือ หรือ ข้าวแดง
10. ข้าวไรซ์เบอร์รี่
ลักษณะ : ข้าวไรซ์เบอร์รี่จะเมล็ดเรียวยาว ผิวมันยาว สีม่วงเข้ม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อสัมผัสมีความนุ่มเเละเหนียว
11. ข้าวมันปู
ลักษณะ : ข้าวมันปูจะมีเยื่อหุ้มเปลือกข้าวเป็นสีแดงแบบสีมันปู เมื่อหุงสุกจะเป็นสีชมพูอ่อน หอม เมล็ดนุ่มสวย ไม่แฉะ
12. สังข์หยดพัทลุง
ลักษณะ : เมล็ดเล็ก เรียว ท้ายงอน เยื่อหุ้มเมล็ดจะมีสีแดง หุงสุกแล้ว ข้าวจะนุ่ม จับตัวคล้ายข้าวเหนียว
เมื่อเทียบดูแล้วพันธุ์ข้าวไทยนับว่าเป็นพันธุ์ข้าวระดับพรีเมียมในตลาดโลกเพราะมีราคาที่สูง มากในหน้าชั้นวางสินค้าเสมอ
แต่อย่างที่เกริ่นมาข้างต้นว่า จุดเด่นของพันธุ์ข้าวไทยคือ การจัดพันธุ์ข้าวอยู่ในระดับเกรดที่สูง เพราะเป็นข้าวที่ใช้ต้นทุนที่แพง จึงไม่สามารถ ตีตลาดข้าวในระดับทั่วไปได้เมื่อเทียบกับ ข้าวจากเวียดนาม จีน อินเดีย และกัมพูชา เพราะต้นทุนเฉลี่ยสูงมากจากตารางที่เทียบ ที่จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา กับ ทางจังหวัดเกิ่นเหอ ของเวียดนาม
ในฐานะที่ข้าวไทยจัดอันดับว่ามีคุณภาพสูงแต่ปัญหาที่ตามมาซ้อนไปมากกว่านั้น คือ การไม่ปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์ข้าวให้ทนทานต่อภูมิประเทศแล้งและน้ำหลาก ทำให้ต้นข้างเปราะบางและเสี่ยงนาล่มอย่างที่ผ่านมา อันนี้เป็นโจทย์ที่ท้าทายของชาวนาไทย
เรามาดูข้อชี้แนะที่น่าสนใจของพรรคชาติไทยพัฒนา พยายามผลักดันเรื่องการทำนาที่ยั่งยืนโดยการรณรงค์การปลูกข้าวควบคู่กับการทำการเกษตรแบบเปียกสลับแห้ง ที่มีการพูดถึงในหลายเดือนก่อนในจังหวัดสุพรรณบุรีที่เป็นฐานเสียงหลักของพรรค ที่เป็นการปรับปรุงวิถีการปลูกข้าวให้ข้าวทนทานต่อสภาพแวดล้อมมากขึ้น และเป็นการปลูกแบบลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศอีกทางหนึ่ง และเป็นทางเลือกในการหารายได้เสริมจากการที่มีองค์กรต่างชาติมารับซื้อและให้ราคาตันละหลายพันบาท จากกรณีชาวนาจังหวัดสุพรรณบุรีที่ขายได้ 8,000 บาท นอกเหนือจากการขายข้าวที่เป็นการทำนาหลัก นับว่าเป็นทางเลือกที่ชาวนาสามารถเอามาปรับใช้กับวิถีเพื่อลดต้นทุน และ ต่อยอดจากการทำนาแบบเดิมได้
เราสามารถสรุปได้ว่า รัฐบาลที่ผ่านมาแก้ปัญหาโดยการยื่นปลามากกว่ายื่นเบ็ด แต่ที่หนักมากกว่า คือการยื่นปลาพร้อมทานให้แก่ชาวนามาตลอด แต่ไม่มีใครคอยสอนให้ชาวนาจับปลาพร้อมกับชี้แหล่งหาปลาให้ชาวนาสุดท้ายชาวนาไทย ก็ต้องรู้จักปรับตัวตามตลาดและยุคสมัยเพื่อพัฒนาศักยภาพ
ของตนเอง เพื่อลดปัญหาเชิงภาครัฐที่ต้องอุ้มไม่รู้จบอีกเช่นเคย