หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ชนเผ่ากินคนที่มีตัวตนอยู่จริงในโลก

ชนเผ่ากินคนที่มีตัวตนอยู่จริงในโลก



ความแตกต่างของวัฒนธรรมบนโลกถือเป็นเรื่องปกติ

ต่างที่ต่างวัฒนธรรมล้วนมีกิจกรรมเฉพาะเป็นของตัวเอง
เช่นวัฒนธรรมดนตรี การเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์
การประกอบพิธีกรรม กระทั่งเรื่องของอาหารการกิน

ชนเผ่ากินคนที่มีตัวตนอยู่จริงในโลก

ชนเผ่ากินคนที่มีตัวตนอยู่จริงในโลก



ปกติแล้วมนุษย์จะกินเนื้อสัตว์ทั้งที่เป็นสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ป่า
แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในปัจจุบันยังคงมีมนุษย์บางกลุ่ม
ที่ยังคงมีพฤติกรรม 'บริโภคเนื้อมนุษย์' ที่แม้จะฟังดูน่ากลัวแค่ไหน
แต่เรื่องนี้ก็มีอยู่จริง รวมถึงมีหลักฐานและงานวิจัยรับรองไว้ด้วย

ชนเผ่ากินคนที่มีตัวตนอยู่จริงในโลก

ชนเผ่ากินคนที่มีตัวตนอยู่จริงในโลก



ชนเผ่ากินคนเพียงหนึ่งในไม่กี่เผ่าบนโลก (เท่าที่ทราบ)
คือเผ่าที่ชื่อว่า 'โฟร์ (FORE)' เป็นชนเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเขต Okapa
จังหวัด Eastern Highlands ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ของประเทศปาปัวนิวกีนี ชนเผ่านี้มีประชากรประมาณ 20,000 คน
โดยมีอาชีพหลักเป็นการเกษตรกรรมในลักษณะไร่เลื่อนลอย

ชนเผ่ากินคนที่มีตัวตนอยู่จริงในโลก

ชนเผ่ากินคนที่มีตัวตนอยู่จริงในโลก



ชาวเผ่าโฟร์ เพิ่งถูกเปิดเผยต่อโลกภายนอกในช่วงทศวรรษที่ 1950
ที่ผ่านมานี้เอง โดยคณะสอนศาสนาที่ผ่านไปเจอ และจุดที่ทำให้คนในเผ่านี้
ถูกพูดถึงในบางสื่อ รวมถึงเอาไปเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนต์
ก็คือ 'พฤติกรรมการกินเนื้อคน' ด้วยกัน โดยถือเป็นพิธีกรรมสำคัญอย่างหนึ่ง
ที่ทำสืบทอดกันมานานแล้ว การบริโภคเนื้อมนุษย์ของเผ่านี้มักจะเป็นร่างของเครือญาติ
ที่เสียชีวิตลง โดยมีการเก็บข้อมูลในภายหลังว่า พฤติกรรมนี้ส่งผลให้เกิดโรคระบาด
ที่ไม่มีทางรักษา คือ 'โรคคูรู (Kuru)' เป็นโรคที่ทำให้ไม่สามารถควบคุม
ทั้งร่างกายและอารมณ์ได้ และจะเสียชีวิตไปในที่สุด
และหลังจากที่มีคนป่วยจนเสียชีวิตในเผ่า ร่างนั้นก็จะกลายมาเป็นอาหารอีก
โรคระบาดนี้ก็จะถูกส่งต่อไปเรื่อยๆในบรรดาคนที่บริโภคเนื้อมนุษย์ด้วยกัน

ชนเผ่ากินคนที่มีตัวตนอยู่จริงในโลก


จากที่มีการเก็บข้อมูลในช่วงปี 1957 ถึง 1960 เพียง 3 ปี
มีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวประมาณ 1000 คนด้วยกัน

เนื้อหาโดย: นำทาง
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
origin's profile


โพสท์โดย: origin
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สารก่อมะเร็ง 4 อย่าง ที่ลูกคุณอาจจะได้รับทุกวันครูหนุ่มชาวจีนโพสต์รูปตัวเอง เปรียบเทียบสมัยก่อนเเละหลังทำงานได้ 6 ปี เปลี่ยนไปจริง ๆ 😌เปิดบ้านซุปตาร์ "ลิซ่า BLACKPINK" ที่เกาหลีใต้ มูลค่ากว่า 200 ล้าน..ฉลองวันเกิดครบ 27 ปีOK ล็อตเตอรี่ รวมเลขดังไว้ที่นี่ 1 เมษายน 2567สร้างอุโบสถ ทำไมต้องฝังลูกนิมิต ?CIB ร่วม อย. ทลายแก๊ง ขายอาหารเสริม อาหารหลอกรักษาโรคร้าย มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ซีอิ๊วแบบเม็ด" ฉีกทุกกฎของซอส..นวัตกรรมใหม่จาก "เด็กสมบูรณ์""บิ๊กเต่า" รับหลักฐาน "ทนายตั้ม" ลั่น ใหญ่แค่ไหนก็จับ ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง9 โรงเรียนหญิงล้วนที่น่าสนใจในประเทศไทยหลวงพี่เขมรแนะชาวเขมร ว่า..“ไทยเอาคำว่า‘สงกรานต์‘ไปแล้ว งั้นเขมรเราใช้คำว่า ’มหาอังกอร์สงกรานต์‘ ดีไหม? เพราะคำนี้มันใหญ่กว่าสงกรานต์ธรรมดา”
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
แม่น้ำที่อันตรายที่สุดในโลก“กางเกงท้องถิ่นไทย” คุณประโยชน์ด้าน Sustainable Fashionปัญหาใหญ่ที่สุดในลาวตอนนี้ ที่อาจจะไม่สามารถเเก้ไขได้disgusting: น่าขยะแขยง น่ารังเกียจ
ตั้งกระทู้ใหม่