ข้อเข่าเสื่อม ภัยร้ายที่อาจอันตรายได้ หากคุณไม่ระวัง
เรามีโอกาสเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมไหม หากเป็นแล้วจะรักษาอย่างไร แค่ปรับพฤติกรรม กินยา จะรักษาหายไหม หรือต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมเท่านั้น ข้อเข่าเป็นข้อที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีหน้าที่รับน้ำหนักและช่วยให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ดี ถ้าข้อเข่ามีปัญหาหรือมีอาการปวดเข่าจะทำให้เคลื่อนไหวลำบาก โดยเฉพาะอาการปวดจากโรคข้อเข่าเสื่อมหากปล่อยไว้ไม่รักษาอาจเดินไม่ได้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต เรามาดูแลตนเองเพื่อที่จะไม่ให้เข่าเสื่อมกันเถอะ
ข้อเข่าเสื่อม
โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) หมายถึง โรคที่เกิดจากความเสื่อมของกระดูกอ่อนผิวข้อ ทั้งทางด้านรูปร่าง โครงสร้าง การทำงานของกระดูกข้อต่อและกระดูกบริเวณใกล้ข้อ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมและอาจมีความเสื่อมรุนแรงขึ้นตามลำดับ ซึ่งสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความ ข้อเข่าเสื่อม
สาเหตุข้อเข่าเสื่อม
สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อมอาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งเราแบ่งออกเป็น 2 สาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- สาเหตุจากความเสื่อมแบบปฐมภูมิ (primary knee osteoarthritis) หรือแบบไม่ทราบสาเหตุ เป็นภาวะที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวกระดูกอ่อนตามวัย ไม่ว่าจะเป็นอายุที่เพิ่มมากขึ้น เพศ กรรมพันธุ์ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน การออกกำลังกาย เป็นต้น
- สาเหตุจากความเสื่อมแบบทุติยภูมิ (secondary knee osteoarthritis) เป็นความเสื่อมแบบที่ทราบสาเหตุ เช่น อุบัติเหตุ ความอ้วน โรคข้ออักเสบ การใช้เข่าไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน เป็นต้น
ปัจจัยเสี่ยงโรคข้อเข่าเสื่อม
นอกจากสาเหตุที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ยังมีปัจจัยสำคัญที่เสี่ยงต่อโรคข้อเข่าเสื่อมอีกหลายอย่าง โดยมีปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- อายุ พบว่า อายุ 40 ปี เริ่มมีข้อเสื่อม อายุ 60 ปี เป็นข้อเข่าเสื่อมได้ถึงร้อยละ 40 เนื่องจากอายุการใช้งานมาก
- เพศหญิงจะเป็นโรคเข่าเสื่อมมากกว่าผู้ชาย 2-3 เท่า ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อของร่างกาย
- น้ำหนัก ยิ่งน้ำหนักตัวมากข้อเข่าจะเสื่อมเร็ว
- การใช้งานข้อเข่า ท่าทาง ผู้ที่นั่งยอง ๆ นั่งขัดขัดสมาธิ หรือนั่งพับเพียบนาน ๆ จะพบข้อเข่าเสื่อมเร็ว
- การได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเข่า ผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุที่ข้อเข่าไม่ว่าจะกระดูกข้อเข่าแตกหรือเอ็นฉีก จะเกิดข้อเข่าเสื่อได้ความ แข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก
- ความบกพร่องของส่วนประกอบของข้อ เช่น ข้อเข่าหลวม กล้ามเนื้อต้นขาอ่อนแรง
- กรรมพันธุ์ โรคข้อเข่าเสื่อมมีหลักฐานการถ่ายทอดทางพันธุกรรมน้อยกว่าที่ข้อนิ้วมือเสื่อม
- ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและได้รับแคลเซียมในปริมาณที่พอเพียงจะชะลอการเสื่อมของเข่า
ระดับความรุนแรงโรคข้อเข่าเสื่อม
ทางการแพทย์จัดแบ่งระดับความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมออกเป็น 3 ระดับ ซึ่งในแต่ละระดับมีความรุนแรงและอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ข้อเข่าเสื่อมระยะแรก
ข้อเข่าเสื่อมในระยะนี้ ข้อเข่าจะเริ่มสูญเสียกระดูกอ่อน 10% โดยระยะห่างระหว่างข้อต่อแคบลง กระดูกอ่อนเริ่มมีการแตกร้าว เริ่มมีการงอกของกระดูกผิดรูปเกิดขึ้น โดยมีอาการเริ่มปวดเข่าเวลามีการเคลื่อนไหว เช่น เดิน ขึ้นลงบันได หรือนั่งพับเข่า อาการจะดีขึ้นเมื่อหยุดพักการใช้ข้อ ร่วมกับมีอาการข้อฝืดขัด โดยเฉพาะเมื่อหยุดการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน เมื่อขยับข้อจะรู้สึกถึงการเสียดสีของกระดูกหรือมีเสียงดังในข้อ
2. ข้อเข่าเสื่อมระยะปานกลาง
ระยะห่างระหว่างข้อต่อแคบมากขึ้น กระดูกอ่อนแตกร้าวมากขึ้นเรื่อย ๆ มีกระดูกงอกผิดรูปเพิ่มมากขึ้น โดยมีอาการปวดจะรุนแรงมากขึ้น บางครั้งปวดเวลากลางคืน อาจคลำส่วนกระดูกงอกได้บริเวณด้านข้างข้อ เมื่อเกร็งกล้ามเนื้อต้นขาเต็มที่จะมีอาการปวดหรือเสียวบริเวณกระดูกสะบ้า หากมีการอักเสบจะมีข้อบวม ร้อน และตรวจพบน้ำในช่องข้อ ในระยะนี้ของข้อเข่าเสื่อม
3. ข้อเข่าเสื่อมระยะรุนแรง
ข้อเข่าเสื่อมในระยะรุนแรง พบว่า ระยะห่างระหว่างข้อต่อแคบลงอย่างมาก สูญเสียกระดูกอ่อนถึง 60% มีกระดูกงอกผิดรูปเป็นจำนวนมาก เหยียดหรืองอข้อเข่าได้ไม่ค่อยสุด กล้ามเนื้อต้นขาลีบ ข้อเข่าโก่ง หลวม หรือบิดเบี้ยวผิดรูป ทำให้เดินและใช้ชีวิตประจำวันลำบาก หรือมีอาการขาโก่งได้ และมีอาการปวดเวลาเดินหรือขยับ
กลุ่มเสี่ยงโรคข้อเข่าเสื่อม
จะเห็นได้ว่า ข้อเข่าเสื่อมสามารถเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะเกิดโรคนี้ได้ง่ายกว่าบุคคลทั่วไป เราลองมาดูกันว่า ใครบ้างที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงนี้บ้าง
- อายุที่มากขึ้น มักพบในคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปเนื่องจากอายุการใช้งานมาก เรียกได้ว่า เป็นข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ
- พบในเพศหญิงจะเป็นโรคเข่าเสื่อมมากกว่าเพศชาย 2 เท่า เนื่องจากปัจจัยด้านฮอร์โมน กระดูก กล้ามเนื้อ
- น้ำหนักตัวมาก ดัชนีมวลกาย BMI มากกว่า 23 มีโอกาสข้อเข่าเสื่อมได้มาก
- ใช้ข้อเข่ามาก โดยเฉพาะการนั่งยอง ๆ พับเพียบ คุกเข่านาน ๆ จะพบข้อเข่าเสื่อมเร็ว
- กล้ามเนื้อต้นขาไม่แข็งแรง
- กลุ่มคนที่เคยได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อต่อมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายหรืออุบัติเหตุที่ข้อเข่า
- มีโรคประจำตัวเป็นโรคไขข้ออักเสบ เช่น รูมาตอยด์ หรือ เกาท์ เป็นต้น
การตรวจอาการข้อเข่าเสื่อม
ในการวินิจฉัยโรคข้อเข่าเสื่อม แพทย์มีแนวทางในการวินิจฉัย ดังต่อไปนี้
- แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น โดยมีการทำแบบประเมินภาวะข้อเข่าเสื่อมเบื้องต้นสำหรับผู้รับบริการทั่วไป เช่น มีอาการเข่าติดในตอนเช้า เข่ามีเสียงกรอบแกรบ เข่าผิดรูป หรือไม่ รวมถึงการตรวจอาการ เช่น องศาการขยับของข้อเข่า ภาวะข้อหลวม เอ็นหุ้มข้อหลวม ลูกสะบ้าอักเสบ เป็นต้น
- การตรวจวินิจฉัยข้อเข่าของผู้ป่วย โดยการเอกซเรย์ เพื่อดูแนวกระดูกทรุดตัว ดูภาวะข้อกระดูกลูกสะบ้ากางออก ดูช่องว่างระหว่างกระดูกในข้อเข่า รวมถึงพื้นผิวกระดูก หรืออาจจะส่งทำ MRI เพิ่มเติม ในกรณีที่ต้องการภาพของกระดูก เนื้อเยื่อ และกระดูกอ่อนรอบข้อเข่าที่ชัดขึ้น เพื่อวินิจฉัยแยกโรคอื่น ๆ ออกไป รวมถึงการเจาะเลือด เพื่อาหสาเหตุอื่น ๆ เพิ่มเติม
- แพทย์จะประเมินระดับความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมของผู้ป่วย โดยใช้ระบบการให้คะแนน (Scoring) ที่เหมาะสม เป็นเครื่องมือในการประเมิน
- แพทย์จะจัดการรักษาข้อเข่าเสื่อมที่เหมาะสมตามระดับความรุนแรง เช่น การออกกำลังกาย การรักษาทางชีวภาพ การใช้ยา การทำกายภาพบำบัด ตลอดจนการรักษาด้วยการผ่าตัด
วิธีรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเบื้องต้น
การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเบื้องต้น เมื่อแพทย์ทำการประเมินระดับความรุนแรงของโรคข้อเข่าเสื่อมแล้ว จะแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย โดยจะพิจารณาเริ่มการรักษาแตกต่างกันเป็นรายบุคคลเนื่องจากผู้ป่วยแต่ละรายมีข้อบ่งชี้และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน
1. กายภาพบำบัดควบคู่กับการทานยา
นอกจากจะทานยารักษาโรคข้อเข่าเสื่อมแล้ว ควรทำกายภาพบำบัดเสริม เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อบริเวณรอบเข่า โดยตัวผู้ป่วยทำได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน 4 วิธี คือ
- นอนหงายและกดเข่า นอนหงายกับพื้นโดยวางหมอนไว้บริเวณเข่า พร้อมกับกดเข่ายืดให้สุดทีละข้าง
- นอนคว่ำและงอเข่า นอนคว่ำหน้าลงกับพื้นขาเหยียดตรง งอเข่าเข้ามาหาตัวทีละข้างให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
- นั่งห้อยขาและเหยียดเข่า นั่งบนเก้าอี้ ใช้หลังพิงผนัก ยื่นขาออกมาข้างหน้าช้าๆ พร้อมกระดกข้อเท้า
- พิงฝาผนังและย่อตัว หลังพิงฝาผนังไว้ ให้เท้าห่างจากผนังประมาณ 1 ฟุต ค่อย ๆ เลื่อนตัวลงให้เข่างอเล็กน้อย
แต่ละท่าให้ทำค้างไว้ 10-15 วินาที ทำซ้ำ 10 ครั้งต่อเซ็ท วันละ 3 รอบ และให้ทำหลังจากอาการปวดเข่าบรรเทาลง หรือทำท่าไหนแล้วมีอาการปวดมากขึ้น ให้ลดจำนวนครั้งลง หรือหยุดพักให้อาการดีขึ้นแล้วจึงเริ่มทำใหม่อีกครั้ง
2. การรักษาทางชีวภาพ หรือ Biological Therapy ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าลดการเสียดสี
ซึ่งเป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาอาการผิดปกติของกระดูกอ่อนและน้ำเลี้ยงข้อเข่า เมื่อรักษาเบื้องต้นแล้วยังไม่ได้ผล แพทย์จะแนะนำให้ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าสังเคราะห์ หรือ Hyaluronic Acid ส่วนมากผู้ที่ป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม น้ำในข้อจะมีความหนืดทำให้เกิดการติดขัด จึงต้องฉีดน้ำเลี้ยงเข้าไปช่วยเสริมการหล่อลื่น ลดแรงเสียดทาน พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างน้ำเลี้ยงข้อเข่าใหม่ และยังช่วยลดอาการปวดลงได้ แพทย์จะฉีดน้ำเลี้ยงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3-5 สัปดาห์ โดยการรักษาจะอยู่ได้ 6 เดือน – 1 ปี
3. ทำความสะอาดข้อด้วยการผ่าตัดส่องกล้อง
วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมในระยะปานกลาง ที่มีอาการอักเสบมาเป็นเวลานาน และรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล เป็นส่องกล้องเข้าไปล้างทำความสะอาด เอาเศษกระดูกที่สึกหรอ หรือหลุดลอยอยู่ออก เพื่อลดการอักเสบ บวม และลดอาการปวด ทำให้การเคลื่อนไหวของข้อเข่าสะดวกมากขึ้น โดยจะมีแผลเล็ก ๆ เพียงแค่ 0.5 - 2 เซนติเมตรเท่านั้น นอกจากจะช่วยให้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้รวดเร็วแล้ว ยังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
วิธีรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยการผ่าตัด
นอกจากการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเบื้องต้นแล้ว ก็ยังมีวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดอีกด้วย แต่ในการรักษาด้วยการผ่าตัดนั้นก็มีหลายแบบ เพื่อให้แพทย์และคนไข้สามารถประเมินอาการและเลือกแบบที่เหมาะสมกับคนไข้ได้ ดังต่อไปนี้
1. การผ่าตัดโดยวิธีส่องกล้อง (Arthroscopic Surgery)
การผ่าตัดโดยวิธีส่องกล้อง (Arthroscopic Surgery) เหมาะสำหรับคนไข้โรคข้อเข่าเสื่อมที่เสื่อมไม่มาก หรือมีอาการของหมอนรองข้อเข่าฉีกขาด เอ็นข้อเข่าขาด หรือข้อเข่าล็อค เป็นต้น แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดใช้กล้องขนาดเล็กเจาะผ่านผิวหนังและสอดกล้องเข้าไป เพื่อมองสำรวจสภาพความผิดปกติภายในข้อเข่า เพื่อประเมินและทำการรักษา
โดยการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ เทคนิคที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อทำการผ่าตัดรักษาโดยผ่านแผลเจาะเล็ก ๆ ขนาดน้อยกว่า 1 ซม. ผู้ป่วยจะมีแผลผ่าตัดเล็ก ๆ เพียง 2 - 3 แผล ทำให้อาการปวดแผลภายหลังผ่าตัดลดลงมากเมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบดั้งเดิมที่ใช้การเปิดแผลกว้าง ๆ ผู้ป่วยฟื้นตัวไว เข่ากลับไปใช้งานได้เร็วขึ้น ได้คุณภาพชีวิตคืนมาอย่างรวดเร็ว
2. การผ่าตัดใส่ข้อเข่าเทียม (Arthroplasty)
คือ การใส่ข้อเข่าเทียมเข้าแทนข้อที่เสื่อม ซึ่งผลการผ่าตัดทำให้หายปวด ผู้ป่วยใช้ ชีวิตได้ดีขึ้น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมวิธีนี้ เป็นวิธีผ่าตัดล่าสุดในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งต่างจากการผ่าตัดวิธีดั้งเดิม คือแผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็กลง จากเดิมแพทย์ต้องเปิดปากแผลยาวประมาณ 8 - 10 นิ้ว แต่วิธีใหม่จะทำให้แผลผ่าตัดยาวเพียง 4-6 นิ้ว
ซึ่งกล้ามเนื้อบริเวณรอบข้อเช่าจะบอบช้ำน้อย เพราะเลี่ยงการผ่าผ่านกล้ามเนื้อและผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บแผลจากการผ่าตัดน้อยลง ซึ่งจะเสียเลือดจากการผ่าตัดน้อยด้วย รวมทั้งแผลเป็นก็จะมีขนาดเล็ก ส่งผล ให้ผู้ป่วยใช้เวลาพักฟื้นที่โรงพยาบาลสั้นลง และกลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เร็วขึ้น ปัจจุบันการผ่าตัดใส่ข้อเข่าเทียมทำได้ 2 วิธี ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อบ่งชี้และข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป คือ
- การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมด (Total Knee Arthroplasty: TKA)
เป็นการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยการผ่าตัดเอาผิวข้อเข่าส่วนที่เสียหรือเสื่อมสภาพออกทั้งหมด ทั้งส่วนปลายของกระดูกต้นขา และส่วนบนของกระดูกหน้าแข้ง ทั้งด้านในและด้านนอก แทนที่ด้วยผิวข้อเข่าเทียมที่ทำจากโลหะอัลลอยด์ครอบหรือคลุมกระดูกส่วนที่เฉือนออกไป และมีแผ่นโพลีเอทิลีนชนิดพิเศษกั้น
- การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (Unicompartment Knee Arthroplasty: UKA)
เป็นการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยการผ่าตัดเอาผิวข้อเข่าเฉพาะส่วนที่เสียหายหรือเสื่อมสภาพออกคือเฉพาะด้านในหรือด้านนอกเพียงด้านเดียว ผิวข้อเข่าที่เสื่อมจะถูกแทนที่ด้วยผิวโลหะอัลลอยด์ โดยมีแผ่นโพลีเอทิลีนซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรองรับ แทนที่หมอนรองกระดูกเดิม กั้นระหว่างโลหะ ช่วยเก็บผิวข้อเข่ารวมถึงเอ็นและเนื้อเยื่อเดิมที่ยังมีสภาพดีไว้ ทำให้เกิดความรู้สึก เสมือนธรรมชาติ หลังการผ่าตัด
การป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม
แม้ว่า โรคนี้จะสามารถรักษาได้ แต่เราก็ควรจะดูแลและป้องกันไม่ให้เกิดจะดีกว่า ซึ่งวิธีป้องกันการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมเร็วก่อนวัย มีวิธีป้องกันหลายวิธีดังต่อไปนี้
- ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมกับอายุและอาชีพ เพื่อให้ข้อเข่ารับแรงกดน้อยลง
- หลีกเลี่ยงการนั่งราบบนพื้น นั่งขัดสมาธิ นั่งคุกเข่า นั่งยอง ๆ ควรนั่งบนเก้าอี้สูงระดับเข่าให้ฝ่าเท้าวางราบกับพื้นพอดี
- หลีกเลี่ยงการยืนหรือการนั่งพับเพียบนาน ๆ ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ เพื่อเลี่ยงอาการข้อเข่าเสื่อม
- หลีกเลี่ยงการนอนพื้น เพราะต้องงอเข่ามาก เมื่อต้องการนอนแนะนำให้นอนเตียงแทนการนอนพื้นเพื่อไม่ต้องงอเข่ามาก
- การยืน ควรยืนตรงกางขาออกเล็กน้อยให้น้ำหนักลงที่เข่าทั้งสองข้างเท่า ๆ กัน ไม่ควรยืนพักเข่าข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อลดโอกาสของข้อเข่าเสื่อม
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่อข้อเข่าสูง เช่น การยกของหนัก ๆ การกระโดด ควรออกกำลังกายที่ไม่ต้องลงน้ำหนักที่ข้อเข่ามาก เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน
- การเดิน ขึ้น-ลงบันได ให้ก้าวขาดีขึ้นแล้วตามด้วยขาที่เจ็บและตอนลงให้ก้าว ขาเจ็บลงแล้วตามด้วยขาดี (บนบันไดขั้นเดียวกัน) และขึ้นลงบันไดเท่าที่จำเป็น ผู้สูงอายุไม่ควรขึ้น-ลงบันได
- บริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าให้แข็งแรง เพื่อช่วยพยุงและรองรับแรงกระแทกต่อข้อเข่า
- เลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับกิจกรรมแต่ละประเภท หลีกเลี่ยงการใส่รองเท้าส้นสูง ซึ่งจะทำให้เป็นข้อเข่าเสื่อมได้
- ระวังไม่ให้เกิดบาดเจ็บของข้อเข่า ถ้ามีการบาดเจ็บของข้อเข่าควรรีบรับการรักษาทันที ไม่ปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ถ้ามีความผิดปกติของโครงสร้างเข่าและขา เช่น ขาโก่ง เข่าชิด ควรแก้ไขตั้งแต่อายุน้อย ๆ
ข้อสรุป
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการปวดเข่า โดยที่ไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้น ก็อย่าชะล่าใจ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย เพราะโรคข้อเข่าเสื่อมนี้ เกิดขึ้นได้จากทั้งอายุที่เพิ่มมากขึ้น อุบัติเหตุ รวมถึงพฤติกรรมในการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ดังนั้น ถ้าหากเราตรวจพบเร็ว ก็จะยิ่งสามารถรักษาให้หายได้ไวขึ้นนั่นเอง
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
นิทานเพื่อนรัก 3 คนสู่โศกนาฏกรรมปริศนา! สั่งระงับเผาศพ-พบ "ไซยาไนด์" ในร่างผู้เสียชีวิต
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?
อยากสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำ เริ่มต้นอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
เมทัลชีท PU คืออะไร? วัสดุที่เหมาะสำหรับบ้านและอาคาร
[ด่วน!] ใกล้สิ้นปีแล้ว จองสถานที่จัดเลี้ยงบริษัท ขอนแก่น ที่ "ร้านคัม" ริมบึงหนองโคตร บรรยากาศดี โปรฯเพียบ!
ทริคประหยัดค่าไฟสูงสุดถึง 50% ต่อเดือน แค่ใช้แอร์ให้ถูกวิธี!



