ฉีดโบท็อกรักแร้ ช่วยลดกลิ่นตัว ลดเหงื่อใต้วงแขน เรียกความมั่นใจให้กลับคืนมา

ฉีดโบท็อกรักแร้ ลดเหงื่อ

โบท็อกซ์รักแร้ คือตัวช่วยสำคัญที่จะบรรเทาปัญหากลิ่นตัวแรง เหงื่อออกใต้รักแร้ ด้วยขั้นตอนที่สะดวก รวดเร็ว ราคาไม่สูง และการฉีดโบท็อกรักแร้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แพทย์แนะนำ ใครที่กำลังมองหาวิธีลดกลิ่นเต่า ลดเหงื่อ แบบเห็นผล ห้ามพลาดบทความวันนี้ค่ะ

เหตุใดจึงมีกลิ่นตัวแรง เหงื่อออกเยอะบริเวณรักแร้ ?

บางคนที่มีปัญหาเหงื่อออกมาก ทำให้กลิ่นใต้วงแขนแรง จนขาดความมั่นใจ เสียบุคลิกภาพ เรามาดูกันก่อนว่าทำไมคนเราจึงมีเหงื่อ จะได้วิเคราห์และหาทางแก้ไขปัญหากลิ่นกายให้ได้อย่างตรงจุดค่ะ

กลิ่นตัวแรง กลิ่นรักแร้ เหงื่อออกมาก ล้วนเป็นปัญหาน่าหนักใจของใครหลายคน คนเหงื่อเยอะมักมีต้นเหตุมาจากกระบวนการทำงานของร่างกาย และกลไกลเกี่ยวกับการระบายความร้อนของร่างกาย เมื่อคนเรารับประทานอาหารเข้าไป จะมีกระบวนการเปลี่ยนสารอาหารให้อยู่ในรูปของพลังงาน ร่างกายจะเกิดความร้อนขึ้นจนต้องมีการระบายความร้อนออกมาในรูปของเหงื่อ

ทำความรู้จักกับ การฉีดโบท็อกรักแร้ คืออะไร ?

หัตถการหนึ่งที่จะช่วยลดกลิ่นตัว กลิ่นเหงื่อให้น้อยลงได้คือ การฉีดโบท็อกรักแร้ ซึ่งแพทย์จะฉีดโบท็อกซ์ หรือ Botulinum toxin type A (สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน) เข้าไปยังบริเวณรักแร้ประมาณ 20-30 จุด ในปริมาณ 50-100 Unit ต่อข้าง

นอกจากโบท็อกรักแร้จะช่วยลดกลิ่นตัวที่น่ากวนใจ ลดการสะสมของแบคทีเรีย ลดการทำงานของต่อมเหงื่อแล้ว ยังช่วยลดเหงื่อที่ออกใต้รักแร้ลงได้ 80% ขึ้นไปอีกด้วย

หลังจากฉีดโบท็อกรักแร้แล้ว 1-3 วันแรกจะเริ่มเห็นผลได้ว่าเหงื่อเริ่มลดน้อยลง จากนั้นภายใน 1-2 อาทิตย์ เหงื่อใต้รักแร้ก็จะค่อย ๆ แห้งสนิท ในการรักษาด้วย botox รักแร้แต่ละครั้ง ผลการรักษาจะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3 – 5 เดือนค่ะ

นอกจากฉีดโบท็อกรักแร้ ลดกลิ่นเต่าแล้ว ยังมีตัวช่วยอย่างอื่นอีกหรือไม่ ?

รักษาความสะอาด อาบน้ำชำระร่างกายเป็นประจำ

เพื่อน ๆ คนไหนที่มีปัญหาเหงื่อเยอะ กลิ่นตัว กลิ่นรักแร้ค่อนข้างแรง แนะนำให้อาบน้ำบ่อยขึ้น หรืออาบให้ได้อย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเมืองในคือเมืองร้อนแทบตลอดทั้งปี หน้าร้อนเรามักจะมีเหงื่อออกง่าย หรือหลังจากออกกำลังกาย เล่นกีฬาเสร็จ ควรอาบน้ำชำระเหงื่อไคลให้สะอาดทุกครั้ง

เลือกเครื่องแต่งกายที่เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี

• เสื้อผ้าที่เหมาะสำหรับคนเหงื่อออกง่าย ควรมีเนื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน และผ้าเยื่อไผ่ ที่มีลักษณะเนื้อนุ่ม น้ำหนักเบา ระบายความร้อนได้ง่าย
• หลีกเลี่ยงเนื้อผ้าไนลอน ผ้าโพลีเอสเตอร์ รวมถึงผ้าจำพวกใยสังเคราะห์อื่น ๆ เพราะจะทำให้เกิดกลิ่นกายและเกิดเหงื่อได้ง่าย
• ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเสื้อพอดีตัว ไม่คับหรือหลวมเกินไป นอกจากนี้ ให้มองหาเสื้อที่มีคุณสมบัติเช่นเทคโนโลยีดูดความชื้นหรือการป้องกันกลิ่นเพื่อช่วยให้คุณรู้สึกสบายตัวค่ะ

แผ่นแปะรักแร้ดูดซับเหงื่อ

ปัจจุบันนี้มีคนนิยมใช้แผ่นแปะใต้วงแขนเพื่อดูดซับเหงื่อกันมากขึ้น หน้าตาของเจ้าแผ่นนี้จะเป็นแผ่นบาง ไว้แปะด้านในตัวเสื้อบริเวณใต้วงแขน เพื่อป้องกันไม่ให้เหงื่อจากร่างกายเราซึมเข้าไปในเนื้อผ้า ป้องกันกลิ่นอันไม่พึงประสงค์

แผ่นแปะดูดซับเหงื่อ มีให้เลือกใช้หลายประเภทค่ะ เช่น แผ่นซับเหงื่อแบบใช้แล้วทิ้ง แผ่นซับเหงื่อแบบใช้ซ้ำได้ และแผ่นแปะซับเหงื่อที่มีแผ่นกาวด้านหลัง

• แผ่นซับเหงื่อแบบใช้แล้วทิ้งได้รับการออกแบบมาให้สวมใส่ครั้งเดียวแล้วโยนทิ้ง
• แผ่นซับเหงื่อแบบใช้ซ้ำได้ทำจากวัสดุที่สามารถล้างและนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง
• แผ่นแปะซับเหงื่อพร้อมแผ่นกาวด้านหลังถูกออกแบบมาให้สวมใส่ได้หลายวัน และสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย

เลือกใช้โรลออนระงับกลิ่นกาย

สำหรับคนที่มีกลิ่นตัวค่อนข้างแรง แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อและกลิ่นกาย ที่มีส่วนผสมของอะลูมิเนียมคลอไรด์ ซึ่งเป็นสารที่ออกฤทธิ์ช่วยลดเหงื่อ นอกจากนี้ส่วนผสมอื่น ๆ ที่สกัดมาจากธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ หรือทีทรีออยล์ ก็มีส่วนช่วยลดกลิ่นกายได้เช่นกันค่ะ

การยิงเลเซอร์ลดต่อมเหงื่อ

ตัวเลือกอย่างการยิงเลเซอร์รักแร้ ถือเป็นอีกหนึ่งการรักษา โดยแพทย์จะใช้คลื่นความร้อนที่มีความเฉพาะเจาะจงยิงเข้าไปสู่ผิวบริเวณรักแร้ของคนไข้ เป็นการปล่อยพลังงานไปยังชั้นไขมัน ชั้นหนังแท้ จุดประสงค์เพื่อทำลายต่อมเหงื่อให้มีจำนวนลดน้อยลง คนที่แพ้ง่าย แพ้โรลออน สามารถเลือกเลเซอร์ต่อเหงื่อได้ค่ะ เพื่อให้ปริมาณเหงื่อน้อยลง

ลดกลิ่นตัวด้วยการผ่าตัดต่อมเหงื่อ

วิธีการรักษากลิ่นตัวแบบถาวร คือ การผ่าตัดเพื่อเลาะต่อเหงื่อออกไปจากร่างกาย หรือผ่าตัดเพื่อเอาเส้นประสาทที่มาเลี้ยงต่อมเหงื่อ ให้สั่งงานลดน้อยลง คุณหมอจะเปิดแผลตรงรักแร้ กรีดตามแนวรอยพับของรักแร้ จากนั้นจะตัดเอาต่อมเหงื่อออก เย็บปิดแผล ซึ่งสามารถช่วยลดต่อมเหงื่อได้ประมาณ 95% ค่ะ

มาดูกันว่า ข้อดี ข้อเสีย ของการฉีดโบท็อกรักแร้ คืออะไรบ้าง ?

การฉีดโบท็อกรักแร้ มีข้อดี คือ

• Botox รักแร้สามารถช่วยลดเหงื่อ และลดกลิ่นกายได้กว่า 80% จึงเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมทำกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกวันนี้ เพราะเมื่อปริมาณเหงื่อใต้วงแขนลดลงก็จะช่วยให้กลิ่นตัวลดน้อยลงตามไปด้วย
• เหมาะกับคนที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากเสี่ยงกับการเกิดแผลเป็นหลังผ่าตัด
• ฉีดโบท็อกซ์รักแร้ราคาไม่แพง และเห็นผลดี
• ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา
• เป็นหัตถการที่สะดวกรวดเร็ว หลังฉีดไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำงาน หรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปรกติ

ฉีดโบท็อกรักแร้ ลดเหงื่อและกลิ่นตัว

การฉีดโบท็อกรักแร้ มีข้อเสีย คือ

หลังจากฉีดโบท็อกรักแร้ ซึ่งเป็นการฉีดสารสารโบทูลินัม ท็อกซิน เพื่อให้ต่อมเหงื่อ ต่อมกลิ่นทำงานลดน้อยลง ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดจะคงอยู่ได้นานเป็นระยะเวลา 3-5 เดือน เนื่องจากเป็นหัตถการที่ช่วยลดกลิ่นตัวได้ในระยะหนึ่ง ไม่ใช่การแก้ปัญหาได้อย่างถาวร เพราะโบท็อกแท้จะสลายไปจากร่างกายเราได้เองอย่างเป็นธรรมชาติ หากต้องการคงผลลัพธ์ไว้ต่อไปคนไข้สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์และฉีดต่อเนื่องได้ในระยะเวลาที่เหมาะสมค่ะ

ข้อดี ข้อเสีย ของการยิงเลเซอร์ ลดต่อมเหงื่อ คืออะไรบ้าง ?

การทำเลเซอร์ ลดต่อมเหงื่อ มีข้อดี คือ

• ยิงเลเซอร์ลดต่อเหงื่อ ช่วยลดความกังวลว่าจะเกิดรอยแผลเป็นหลังทำ ไม่เสียเวลาพักฟื้น รวมถึงเหมาะกับผู้ที่กลัวเข็มอีกด้วย

การทำเลเซอร์ ลดต่อมเหงื่อ มีข้อเสีย คือ

• วิธีลดกลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัวด้วยการทำเลเซอร์รักแร้นั้น มิใช่วิธีรักษาอย่างถาวร หากต้องการคงผลการรักษาไว้จะต้องกลับมาทำซ้ำอีกสัก 2-3 ครั้งในทุก ๆ 1-2 อาทิตย์ค่ะ

ข้อดี ข้อเสีย ของการผ่าตัดต่อมเหงื่อ คืออะไรบ้าง ?

การผ่าตัดต่อมเหงื่อ มีข้อดี คือ

• การผ่าตัดต่อเหงื่อสามารถช่วยให้ปริมาณเหงื่อลดลง ลดกลิ่นตัวได้อย่างถาวร

การผ่าตัดต่อมเหงื่อ มีข้อเสีย คือ

• มีโอกาสที่จะเกิดรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด สำหรับคนที่เกิดแผลเป็นได้ง่ายอาจต้องปรึกษาแพทย์ให้ดีก่อน อีกทั้งราคาของการผ่าตัดค่อนข้างสูง

ผลที่ได้หลังฉีดโบท็อกรักแร้ จะคงอยู่ได้นานกี่เดือน ?

หลังจากฉีดโบท็อกรักแร้เรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 3-5 เดือนโดยประมาณ จากนั้น botox จึงหมดฤทธิ์ลงไป ซึ่งหลังจากครบ 3-4 เดือนเราสามารถกลับไปพบคุณหมอให้ฉีดซ้ำได้อีกเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หลังจากฉีดโบท็อกไปแล้ว 3-7 วันก็จะสังเกตได้ว่าเหงื่อลดน้อยลงกว่าเดิม ยกเว้นว่าในบางคนที่อยู่ท่ามกลางอากาศร้อนมาก อาจยังมีการผลิตเหงื่อออกมาไวกว่าปรกติได้ค่ะ

เลือกฉีดโบท็อกรักแร้ คลินิกที่ไหนดี ?

• ศึกษาข้อมูลวิธีสังเกตโบท็อกแท้ เพื่อตรวจสอบได้ในเบื้องต้นว่าทางคลินิกเลือกใช้โบท็อกแท้ที่ได้มาตรฐานอย่างแน่นอน
• ฉีดโบท็อกรักแร้กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง แม่นยำ แพทย์จะสามารถคำนวณปริมาณ botox ที่เหมาะสม อาทิ ใช้ปริมาณตัวยาที่มากขึ้นในเคสที่คนไข้มีเหงื่อออกเยอะมาก
• ฉีดโบท็อกกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ดูสะอาดโปร่งโล่ง เพื่อไม่ต้องกังวลเรื่องจะเกิดอาการแทรกซ้อนหรือการติดเชื้อหลังฉีดรักแร้
• หลังทำโบท็อกแล้วทางคลินิกควรมีขั้นตอนการติดตามผลทุกครั้ง

การฉีดโบท็อกรักแร้ ราคาเท่าไหร่? แพงไหม

หากเลือกฉีดโบท็อกรักแร้กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ไม่ต้องกังวลว่าจะจ่ายแพงเกินไปค่ะ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ด้วยว่าเราเลือกใช้โบท็อกรุ่นไหน ยี่ห้ออะไร

ฉีดโบท็อกรักแร้ ลดกลิ่นตัว ลดเหงื่อ ยี่ห้อ Nabota / หรือเลือกยี่ห้อ Aestox (ฉีดโบท็อกเกาหลี)

• โบท็อกรักแร้ 100 ยู ราคา 9,000 บาท (อยู่ได้นานประมาณ 3 เดือน)
• โบท็อกรักแร้ 150 ยู ราคา 12,000 บาท (อยู่ได้นานประมาณ 4-5 เดือน)
• โบท็อกรักแร้ 200 ยู ราคา 16,000 บาท (อยู่ได้นานประมาณ 5 เดือน)

ฉีดโบท็อกรักแร้ ลดกลิ่นตัว ลดเหงื่อ ยี่ห้อ Dysport (ฉีดโบท็อกอังกฤษ)

• โบท็อกรักแร้ 300 ยู ราคา 18,000 บาท (หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 3 เดือน)
• โบท็อกรักแร้ 600 ยู ราคา 28,000 บาท (หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 5 เดือน)

ฉีดโบท็อกรักแร้ ลดเหงื่อ ยี่ห้อ Xeomin (ฉีดโบท็อกเยอรมัน)

• โบท็อกรักแร้ 200 ยู ราคา 28,000 บาท (หลังฉีดอยู่ได้นานประมาณ 5 เดือน)

*ระยะเวลาที่จะเห็นผลลัพธ์นั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

โปรโมชั่น ราคาโบท็อกรักแร้ ยี่ห้อต่าง ๆ เพื่อลดกลิ่นตัว ลดเหงื่อ

หลังฉีดโบท็อกลดเหงื่อ ควรดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง ?

เมื่อเราเข้ารับการรักษาเพื่อลดกลิ่นตัวด้วยการทำโบท็อกรักแร้มาแล้ว แนะนำให้ดูแลสุขภาพร่างกายให้มากขึ้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการกินอาหารบางจำพวก ดังต่อไปนี้

• หลังฉีดโบท็อกรักแร้ 14 วัน ควรงดอาหารบางชนิด ได้แก่ มะม่วงดอง หน่อไม้ดอง ปลาร้า และของหมักดองต่าง ๆ เพราะอาจส่งผลต่อผลที่ได้หลังฉีดโบท็อกซ์
• หลังฉีดโบท็อกรักแร้ 14 วัน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้า ไวน์ เบียร์ รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
• เพื่อช่วยคงสภาพการออกฤทธิ์ของโบท็อกลดเหงื่อไว้ให้อยู่ได้นานที่สุด แนะนำให้ดื่มน้ำให้มากพอในแต่ละวัน ประมาณ 1.5-2 ลิตร
• ไม่นวด เกา หรือแกะตรงบริเวณที่ฉีดโบท็อกลดเหงื่อ
• หลังฉีดรักแร้ 1 วัน แนะนำให้หลีกเลี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อ หรือลดกลิ่นตัว
• หลังฉีดรักแร้ 2 อาทิตย์ ยังไม่ควรทำเลเซอร์ หรือทรีทเมนต์บริเวณรักแร้
• หลังฉีดรักแร้ 2 อาทิตย์ ควรหลีกเลี่ยงการอบตัว และการเข้าซาวน่า

สรุป

ราคาของการฉีดโบท็อกรักแร้ ไม่สูงมาก ไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น ไม่เสียเวลาพักฟื้น ปลอดภัย จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะกับคนที่มีปัญหากลิ่นตัวแรง มีเหงื่อเปียกใต้รักแร้จนลดทอนความมั่นใจ ให้สามารถกลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้เป็นปรกติมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาเหงื่อใต้วงแขนอีกค่ะ และยังเป็นหัตถการที่เห็นผลโดยไม่ต้องรอนาน ภายใน 1 อาทิตย์ก็เริ่มเห็นผลลัพธ์ว่าเหงื่อลดลง ปัญหากลิ่นกายดีขึ้น