หวังว่า "ประมูลวงโคจรดาวเทียม" NT จะไม่เป็น "มวยล้มต้มคนดู" อีกนะ
กลุ่มทุนที่ไม่สามารถพูดถึง หรือแตะต้องได้ หากใครแตะจะโดนฟ้อง
ล่าสุด สส.เบญจา แสงจันทร์ พรรคก้าวไกล แจ้งทางทวิตเตอร์ ว่า
"รับฟ้อง!!ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีที่ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง“เบญจา”ข้อหาหมิ่นประมาท ปมซักฟอก‘ประยุทธ์’เอื้อกลุ่มทุนพลังงาน ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน 6 กพ.66 โดยคดีนี้ยังถูก Gulf ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 100 ล้านอีกด้วย"
สำหรับคดีของ สส.เบญจาครั้งนี้ ถือเป็นคดีล่าสุดที่บริษัทกัลฟ์ฟ้องหมิ่นประมาทพ่วงแพ่ง ที่ถูกอภิปรายพาดพิงถึงในสภา โดยก่อนหน้านี้ โจทก์รายเดิม (กัลฟ์) ก็เคยฟ้อง สส.รังสิมันต์ จากการอภิปรายในสภา เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 64 จากกรณี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมทั้งในเรื่องการใช้ตำแหน่งเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทกัลฟ์หรือไม่ ??? <<< เป็นการตั้งคำถามด้วยความสุจริต
เพราะนายชัยวุฒิเคยทำงานในตำแหน่งวิศวกรบริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด และเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ด้วย ทำให้เห็นได้ว่า นายชัยวุฒิ มีความใกล้ชิดกับกลุ่มทุนกลุ่มนี้อย่างมาก อ้างอิงจาก วิกิพีเดีย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
ซึ่งในขณะที่นายชัยวุฒิ คำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้มีการมอบหมายให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT รับสิทธิบริหารจัดการทรัพย์สินของโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศหลังไทยคมสิ้นสุดสัมปทาน แต่เมื่อถึงเวลาบริหารจัดการจริง NT กลับโยนสิทธิ์ให้บริษัทไทยคมดูแลดาวเทียมต่อไปได้ ส่วน NT รอเศษเงินจากที่ไทยคมได้กอบโกยรายได้ และกำไรไปแล้ว โยนเศษเนื้อกลับมาให้เท่านั้น
หากมองย้อนกลับไปที่ตัวบริษัทไทยคมไม่นานมานี้ ก็จะพบว่าบริษัทกัลฟ์ก็เพิ่งเข้าซื้อหุ้นในบริษัทอินทัช จนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของบริษัทอินทัช ที่ถือหุ้นอยู่ในไทยคมเช่นกัน ก่อนที่จะประกาศซื้อหุ้นไทยคมทั้งหมดจากอินทัช เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 65 จนทำให้กัลฟ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เพียงรายเดียวของบริษัทไทยคม
จนทำให้เป็นที่มาของหมอวรงค์ ถูกไทยคมฟ้องหมิ่นประมาท และแพ่งเรียกค่าเสียหายอีก 100 ล้านบาท จากกรณีที่หมอวงรงค์โพสต์ข้อความบนหน้าเพจเฟซบุ๊ก “วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom” ในช่วงสิงหาคมถึงตุลาคม 2564 ปมทวงคืนดาวเทียมไทยคม ซึ่งกล่าวหาว่า การออกใบอนุญาตดาวเทียมไทยคม 7 เอื้อประโยชน์กับไทยคม และไทยคมนำสมบัติชาติไปหาผลประโยชน์
ทั้งหมอวรงค์ และพรรคก้าวไกล (สส.รังสิมันต์ และสส.เบญจา) พยายามที่จะเชื่อมโยงให้เห็นว่า กลุ่มทุนที่ครอบงำไทยคมอยู่นั้น มี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นคนประสาน มีบริษัทไทยคม มีบริษัทอินทัช และมีบริษัทกัลฟ์ อยู่เบื้องหลัง ซึ่งกลุ่มทุนพลังงานใหญ่นี้ มี นายสารัชถ์ รัตนาวะดี เป็นหัวเรือใหญ่ ที่เป็นทั้งเศรษฐีหุ้นอันดับหนึ่งของประเทศไทยถึง 4 ปีซ้อน เป็นมหาเศรษฐีที่รวยอันดับหนึ่งในประเทศไทย จากการจัดอันดับของฟอร์บ
ก็ได้แต่หวังว่า การประมูลวงโคจรดาวเทียมครั้งนี้ จะไม่มี "มวยล้มต้มคนดู" อีกนะ เพราะเห็นรายชื่อผู้สนใจเข้าร่วมประมูลฯ มีเพียง 3 ราย คือ
• ไทยคม เจ้าตลาดรายเดิม
• NT โดยกระทรวงดีอีเอส อดีตเจ้าของสัมปทานดาวเทียม <<< ช่วยกันมาร์คหัว รัฐวิสาหกิจไทย ภายใต้การกำกับดูแลของ DES กันด้วยว่า ถ้าประมูลได้มาแล้ว จะบริหารจัดการเองนะ ไม่ใช่ประมูลมาได้ แล้วเอาไปให้เอกชนเช่าใช้ และทำตัวเป็นเสือนอนกินเหมือนทุกครั้ง ถามว่าเคยมีเหตุการณ์นี้ไหม มีมาแล้ว ไม่ใช่ไม่มี (NT ชนะการประมูลคลื่น 700 MHz แต่นำมาแบ่งให้ AIS เช่าใช้ แล้ว AIS ก็เป็นบริษัทลูกของอินทัช ที่มีกัลฟ์ถือหุ้นใหญ่ด้วย)
• พร้อม เทคนิคคอล เซอร์วิสเซส ผู้เล่นรายใหม่ <<< ไม่เคยมีประสบการณ์การทำธุรกิจดาวเทียมมาก่อน แล้วจะผ่านเกณฑ์ไหม ???
ทำให้เห็นว่า การประมูลที่จะเกิดขึ้น ตามเงื่อนไขของกสทช. <<< ชื่อนี้อีกแล้ว >>> หากมีผู้เข้าร่วมประมูลมากกว่า 1 ราย จะทำให้ราคาประมูลตั้งต้นต่ำกว่าที่มีผู้เจ้าร่วมประมูลเพียง 1 ราย
ยิ่งทำให้เห็นได้ว่า พร้อม เทคนิคคอล เซอร์วิสเซส อาจจะไม่ผ่านเงื่อนไขของกสทช. อย่างแน่นอน เพราะไม่เคยมีประสบการณ์ทำดาวเทียมมาก่อน
ส่วน NT ก็อาจจะเข้ามาเป็นไม้ประดับหรือเปล่า ??? เพื่อให้มีผู้เข่าร่วมประมูลให้มากกว่า 1 ราย เพื่อให้ใบอนุญาตมีราคาถูกลง แถมถ้าประมูลได้มา NT มีศักยภาพที่จะบริหาร บริการ และจัดการดาวเทียมได้เองไหม เพราะจากหลายๆ เหตุการณ์กับรัฐวิสาหกิจไทยองค์กรนี้ ไม่พยายามที่จะเข้ามาแข่งขันกับเอกชน แต่มักจะทำตัวเองให้เป็นเสือนอนกิน ขายใบอนุญาต และแบ่งเช่าสาธารณูปโภคที่มีไปให้เอกชนแทน
และไทยคม ก็อาจจะมาเคาะกันเพียง 1 ที แล้วก็แบ่งใบอนุญาตกันไป
ต้องจับตาดูที่ แพ็กเกจ ชุดที่ 2 วงโคจร 78.5E ว่า จะมีการประมูลกันดุเดือดมาก-น้อยแค่ไหน ทั้ง NT และ ไทยคมจะแย่งกัน หรือยกให้กัน เพราะชุดที่ 2 เป็นวงโคจรที่ไทยคมรับมาบริหารจัดการแทน NT อยู่ในขณะนี้นั่นเอง
แม้แต่พนักงานของ NT เอง ยังมีความเชื่อมั่นว่าสามารถดำเนินกิจการดาวเทียมได้เอง เพราะโครงสร้างองค์กรของ NT ที่เกิดจากการควบรวม TOT กับ CAT มีสายงานโครงสร้าง และดาวเทียม ที่พร้อมจะดำเนินการบริหารจัดการดาวเทียม เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนได้อยู่แล้ว ดังนั้นอยากให้ กสทช.พิจารณาด้วยความรอบคอบ อย่าให้เกิดเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อีก
อ้างอิงจาก: Twitter : Bencha Saengchantra, Facebook : วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom และ วิกิพีเดีย : ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์

















