ไฮอีน่าถ้ำ กับฆาตกรรม.?.เก้าศพ!!

....ในปี ค.ศ.1939 ได้มีการขุดสำรวจถ้ำที่ถูกปิดตาย ชื่อว่าถ้ำ กอตตารี(Guattari) ทางทิศใต้ของกรุงโรม ประเทศอิตาลี และได้พบชิ้นส่วนกะโหลกของมนุษย์นีแอนเดอร์ทาล ซึ่งเป็นมนุษย์ดึกดำบรรพ์ที่เคยดำรงเผ่าพันธุ์อยู่บนโลกเมื่อราว 400,000-35,000 ปี ก่อนคริสตกาล จากนั้นในเวลาต่อมา ก็ได้ขุดพบ ชิ้นส่วนฟอสซิลของมนุษย์นีแอนเดอร์ทาล อีกหลายชิ้น รวมทั้งฟอสซิลของแรด กวางเอลค์ยักษ์ วัวออรอช ม้าป่า และไฮอีน่าถ้ำ

นักวิทยาศาสตร์ได้สันนิษฐานว่า ถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของมนุษย์นีแอนเดอร์ทาล โดยจากการศึกษาชิ้นส่วนของฟอสซิลพบว่า กระดูกของสัตว์หลายชิ้นรวมถึงของมนุษย์เหล่านี้ ถูกทุบจนแตกเป็นชิ้นๆ ขณะที่ หัวกะโหลกก็ถูกเปิดออก ซึ่งคล้ายกับการทุบเพื่อกินไขกระดูกและมันสมอง ทำให้พวกนักวิทยาศาสตร์มีความเห็นว่า ฟอสซิลเหล่านี้ เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า มนุษย์นีแอนเดอร์ทาลมีพฤติกรรมการกินเนื้อพวกเดียวกันเอง เหมือนพวกมนุษย์วานรหลายชนิดก่อนหน้านั้น

จากการขุดสำรวจเพิ่มเติมจนถึงปี ค.ศ.2019 ทำให้พบชิ้นส่วนฟอสซิลของมนุษย์นีแอนเดอร์ทาลภายใน ถ้ำ รวมทั้งหมดเก้าร่าง ซึ่งกระดูกส่วนใหญ่มีร่องรอยแตกหักเสียหายแบบเดียวกับกระดูกที่พบในช่วงแรก แต่จากการศึกษาด้วยวิทยาการสมัยใหม่ทำให้พบว่า รอยแตกหักบนชิ้นส่วนจากร่างทั้งเก้า รวมทั้งชิ้นส่วน กระดูกที่ถูกขุดพบก่อนหน้านั้น ไม่ได้เกิดจากการทุบเพื่อเอาไขกระดูก แต่เกิดจากการขบกัด ของสัตว์ที่มีกรามทรงพลัง อย่าง ไฮอีน่าถ้ำ

ไฮอีน่าถ้ำ((Cave hyena)ชื่อวิทยาศาสตร์ Crocuta crocuta spelaea)เป็นชนิดย่อยที่ได้สูญพันธุ์ไปแล้วของไฮอีน่าลายจุด ที่อาศัยอยู่ในแอฟริกา ในปัจจุบัน โดยไฮอีน่าถ้ำ จะมีขนาดใหญ่กว่าไฮอีน่าลายจุด ราว 50เปอร์เซนต์ มีน้ำหนักประมาณ 100-110 กิโลกรัม และมีช่วงขายาวกว่าอย่างเห็นได้ชัด เพื่อการปรับตัวให้เข้ากับทุ่งหญ้าที่มีหิมะปกคลุมในฤดูหนาว และยังเป็นได้ว่า อาจมีขนยาวหนากว่าด้วย พวกมันมีกรามที่ทรงพลังเหมือนกับไฮอีน่าลายจุดหรืออาจจะมากกว่าซึ่งทำให้สามารถขบกัดกระดูกท่อนขาของแรด หรือแม้แต่ช้างให้แตกได้ ส่วนกะโหลกมนุษย์นั้น ยิ่งเคี้ยวให้แตกได้อย่างง่ายดาย
ชื่อ ไฮอีน่าถ้ำ นั้น มาจากการขุดพบกระดูกของสัตว์ชนิดนี้ในถ้ำหลายแห่ง โดยร่องรอยที่พบ บอกให้รู้ว่าพวกมันใช้ถ้ำเป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจจะอยู่ตลอดทั้งปีหรือแค่ใช้เป็นที่หลบอากาศเย็นในฤดูหนาว
นักวิทยาศาสตร์คิดว่า ไฮอีน่าถ้ำน่าจะอยู่รวมเป็นฝูงเหมือนไฮอีน่าลายจุด และเป็นศัตรูสำคัญของมนุษย์นีแอนเดอร์ทาล เนื่องจากฝูงไฮอีน่าถ้ำจะแย่งชิงซากเหยื่อที่พวกนีแอนเดอร์ทาลล่าได้และยังจู่โจมพวกที่พลัดหลงจากกลุ่ม อีกทั้งเป็นไปได้ว่า ไฮอีน่าถ้ำอาจเข้าโจมตีนีแอนเดอร์ทาลที่เจ็บป่วย และนอนอยู่ตามลำพังในถ้ำ ขณะที่สมาชิกอื่นในครอบครัวออกไปหาอาหาร โดยไฮอีน่าอาจสังหาร และลากเหยื่อ กลับไปกินที่ถ้ำของมัน หรือไม่ก็ อาจจะกัดกินมนุษย์เคราะห์ร้าย ในถ้ำของเขาเลย

สำหรับชิ้นส่วนมนุษย์นีแอนเดอร์ทาลที่พบในถ้ำกอตตารีทั้งเก้าร่างนั้น ร่างที่เก่าที่สุด มีอายุประมาณ 90,000 ปี ส่วนร่างอื่นๆมีอายุราว 50,000 -68,000 ปีก่อน แต่จากการตรวจสอบทางธรณีวิทยาพบว่า ถ้ำนี้ ได้ถูกแผ่นดินไหวถล่ม จนปิดตาย เมื่อราว 60,000 ปีก่อน จึงสรุปได้ว่า ร่างที่ใหม่ที่สุด ก็มีอายุไม่น้อยกว่า 60,000 ปี
จากการตรวจสอบ นักวิทยาศาสตร์พบว่า ก่อนถ้ำจะถล่ม พวกไฮอีน่าถ้ำได้ใช้ถ้ำกอตตารี เป็นที่อยู่อาศัยมาหลายชั่วรุ่น ดังนั้น ศพของพวกมนุษย์นีแอนเดอร์ทาล ที่พบ น่าจะถูกไฮอีน่าถ้ำลากเข้ามาแทะกิน แต่ก็เป็นได้ว่า บางคนอาจจะพลัดหลงเข้ามาในถ้ำและถูกไฮอีน่าสังหาร
อย่างไรก็ตาม แม้จะสรุปได้ว่า ไฮอีน่าถ้ำกัดกินร่างมนุษย์นีแอนเดอร์ทาลที่พบในถ้ำ แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่า ไฮอีน่าถ้ำเป็นผู้สังหารพวกนีแอนเดอร์ทาลเหล่านั้น หรือที่จริง พวกมันอาจแค่ลากศพที่เสียชีวิตด้วยสาเหตุอื่น เข้ามากินในถ้ำ

นอกจากนี้ แม้จะมีหลักฐานว่า ไฮอีน่าใช้ถ้ำกอตตารีเป็นที่อยู่อาศัย แต่พวกนักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ทิ้งข้อสันนิษฐานที่ว่า พวกนีแอนเดอร์ทาลเคยพักอาศัยอยู่ในถ้ำนี้ด้วย ซึ่งนั่นทำให้ถ้ำกอตตารีมีความสำคัญในฐานะแหล่งขุดค้น เพื่อศึกษาเรื่องราวของพวกมนุษย์นีแอนเดอร์ทาล

..ลองคิดเล่นๆ ถ้าหากก่อนหน้าที่พวกไฮอีน่าจะมาอยู่ที่ถ้ำกอตตารีนั้น พวกนีแอนเดอร์ทาลเคยอยู่ที่ถ้ำนี้มาก่อน จะเป็นได้หรือไม่ว่า ฝูงไฮอีน่าถ้ำอาจเข้ามาสังหารและกัดกินพวกนีแอนเดอร์ทาลกลุ่มสุดท้ายที่เคยอาศัยอยู่ในถ้ำนี้ และทิ้งเศษซากที่เหลือของพวกเขา กลายเป็นฟอสซิลอยู่ในถ้ำ