บึงฉวากสุพรรณบุรี ไม่ได้เป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยว หรือ สวนสัตว์ธรรมดาเท่านั้น แต่เป็นศูนย์บริบาลรักษาสัตว์ป่าแบบครบวงจร
สำหรับสวนสัตว์ในประเทศไทยนั้นอาจจะมีหลายแหล่ง หลายจังหวัดด้วยกัน ที่เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ คือ สวนสัตว์ปิดเขาดิน แต่ตอนนี้ได้ทำการย้ายไปเตรียมเปิดที่ใหม่ ซึ่งยังคงไม่เสร็จสมบูรณ์เท่าไหร่ แต่ท่านรู้ไหมว่า ยังมีสวนสัตว์ ปิดอีกที่หนึ่งที่เราจะพาไปทำความรู้จักกัน สำหรับสวนสัตว์ปิดที่นี้ อยู่ใกล้ๆ กรุงเทพมหานคร นั้นคือบึงฉวากจังหวัดสุพรรณบุรี ที่นอกจากจะมีสัตว์บกแล้วยังมีสัตว์น้ำให้เราได้เที่ยวชมอีกด้วย และที่สำคัญจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมายให้เราได้เที่ยวต่อเนื่องไปแบบสามารถไปเช้าเย็นกลับ ไม่เหนื่อยกับการเดินทางอีกด้วย
ทางด้านประวัติบึงฉวากเฉลิมพระเกียรตินั้น บึงฉวากเป็นบึงน้ำธรรมชาติ เนื้อที่ 2,700 ไร่ ตั้งอยู่ใน อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี บึงฉวากได้รับการประกาศให้เป็นเขตคุ้มครองสัตว์ป่า และเนื่องจากความหลากหลายทางสายพันธุ์ของสัตว์และพืชน้ำจึงได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติตามอนุสัญญาแรมซาร์ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งพักผ่อนริมน้ำ ขี่จักรยานน้ำ เดินเล่น และขออนุญาตกางเต็นท์ได้ พร้อมมีบ้านพักไว้รับรองนักท่องเที่ยว อีกด้วย
สิ่งที่น่าสนใจรอบบึงฉวากมี 3 ที่เด่นๆ ดังนี้
1.สวนสัตว์บึงฉวาก สร้างขึ้นในวโรกาสที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ครองราชย์ครบ 50 ปี มีสัตว์ป่าหลากหลายสายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นยีราฟ กวางดาว วัวแคระ อูฐ เนื้อทราย หมี และสิ่งที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้ในสวนสัตว์ คือ
- กรงเสือและสิงโต
- ศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าและกรงนกใหญ่
- ศูนย์รวมพันธ์ไก่
- เกาะกระต่าย
- จุดถ่ายภาพกับสัตว์
2.สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ แสดงพันธุ์สัตว์น้ำทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 และเปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 สิ่งที่น่าสนใจภายในสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ได้แก่ อาคารแสดงพันธุ์ปลาน้ำจืด (อาคาร 2) ภายในมีตู้ปลาน้ำจืดกว่า 30 ตู้ สิ่งที่โดดเด่นที่สุด คือ อุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของประเทศไทยที่มีความยาว 8.5 เมตร และ อาคารแสดงพันธุ์ปลาน้ำเค็ม (อาคาร 3) ตื่นตากับการลงบันไดเลื่อนใต้อุโมงค์น้ำความยาว 75 เมตร ที่มีปลาน้ำเค็มมากมาย เช่น ปลากระเบน และเต่าทะเล ไฮไลต์ของที่นี่คือตู้เลี้ยงปลาฉลาม ที่มีฉลามเสือดาว ฉลามครีบดำ และฉลามเสือทรายขนาดใหญ่ ที่สำคัญมีบ่อจระเข้น้ำจืด เป็นจุดเลี้ยงจระเข้ไทยกว่า 100 ตัว มีความยาวตั้งแต่ 1.5-4 เมตร พร้อมด้วยส่วนแสดงโชว์คนเล่นกับจระเข้อีกด้วย
3.อุทยานพืชผักพื้นบ้านเพื่อการยังชีพ อุทยานพืชผักพื้นบ้านอยู่ในความดูแลของกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นสถานที่ที่นำพืชผักพื้นบ้านกว่า 500 ชนิดมาปลูกรวมไว้บนเกาะกลางบึงฉวากโดยจัดเป็นสวนสวยงาม ภายในมีโรงปลูกพืชระบบระเหยน้ำและมีการสาธิตการปลูกพืชในลักษณะไม่ใช้ดินตลอดจนการสาธิตการจัดสวนด้วยพืชผักพื้นบ้าน นอกจากนี้ยังมีจุดจำหน่ายพันธุ์พืชพื้นบ้านให้นำกลับไปปลูกอีกด้วย
สำหรับปีนี้ จุดเด่นของบึงฉวากตอนนี้คงต้องยกให้ เจ้าเสือน้อยที่มีชื่อว่า “น้องขวัญ” เป็นลูกเสือโคร่งของกลาง ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้จากกลุ่มคนที่อ้างว่าได้มาจากประเทศเพื่อนบ้าน เตรียมนำไปขาย ซึ่งต่อมาได้ส่งตัวลูกเสือโคร่งไปยังศูนย์พัฒนาการจัด การสัตว์ป่าบึงฉวาก เพื่ออนุบาลดูแล อย่างใกล้ชิดเป็นอย่างดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการอัปเดตความเคลื่อนไหวการดูแลลูกเสือโคร่งให้ประชาชนได้รับทราบ และตั้งชื่อลูกเสือว่า “น้องขวัญ” ตามที่เราเรียกกันมา นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสถานะของเสือโคร่งในไทย โดยมีน้องขวัญเป็นเน็ตไอดอล ช่วยโปรโมทสร้างความสนใจให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งนี้น้องขวัญได้อยู่ในการดูแลของนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ที่ได้เข้าไปตรวจเยี่ยมบึงฉวากเป็นประจำอยู่แล้ว โดยนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ได้บริจาคเงินส่วนตัว เป็นจำนวนเงิน 880,000 บาท เพื่อสร้างกรงให้ใหญ่ขึ้น มอบแก่เสือน้องขวัญ ทั้งนี้นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ยังกล่าวว่า สำหรับกรณีน้องขวัญ ลูกเสือโคร่ง ถือเป็นการจุดประกายให้ประชาชนและสังคมได้ตระหนักรู้เกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายด้านการลักลอบค้าสัตว์ป่า ซึ่งเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเข้มข้นมากขึ้นของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งช่วง 2-3 ปีหลังนี้ มีการทำงานที่เห็นผลชัดเจนขึ้นมากอีกด้วย
และล่าสุดทางด้านสวนสัตว์บึงฉวากโดยนางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ได้อนุเคราะห์นำน้อง “ธันวา” ลูกช้างป่าตัวเมีย ได้รับบาดเจ็บในป่าลึกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งคาดว่าอาจถูกช้างในฝูงขับไล่ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นำตัว เพื่อนำลูกช้างออกจากป่าลึกมารักษาอาการบาดเจ็บต่อ ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงฉวาก จ.สุพรรณบุรี หลังจากรักษาอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 18 วัน แต่สุดท้าย ลูกช้างธันวาได้เสียชีวิตลงแล้วแม้เจ้าหน้าที่สวนสัตว์และสัตวแพทย์ได้ทำทุกวิถีทาง รวมถึงประชาชนที่ทราบข่าวได้ให้กำลังใจมากมายอยู่เสมอ แต่เนื่องจากน้อง “ธันวา” ช้างป่าพลัดหลงฝูงตัวดังกล่าวสุขภาพไม่แข็งแรงนัก และมีอาการบาดเจ็บอย่างมาก น้องจึงจากไปอย่างสงบ ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า บึงฉวากไม่ใช่แค่สวนสัตว์ที่เปิดให้แค่นักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมดูสัตว์ป่าต่างๆ เท่านั้น ส่วนหนึ่งยังเป็นสถานที่อภิบาลดูแลรักษาสัตว์ป่า และสัตว์สงวนต่างๆ ที่ได้รับบาดเจ็บมาจากที่อื่น แบบครบวงจรอีก ด้วย ทั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ สัตวแพทย์ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ไม่นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับท่านใดสนใจที่จะไปเยี่ยมบึงฉวาก ทั้งสัตว์ป่าและ สถานที่ แสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ ก็สามารถไปได้ตามข้อมูลนี้ได้เลย
วันจันทร์ - วันศุกร์ เปิด – ปิด 08.30 - 16.30 น.
วันเสาร์ - วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิด – ปิด 08.30 - 17.00 น.
ค่าเข้าชมอาคารหลังที่ 1 อาคารหลังที่ 2 ชมบ่อจระเข้ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท
ค่าเข้าชมอาคารหลังที่ 3(สวรรค์แห่งโลกใต้ทะเล) ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท
** อายุ 60 ปีขึ้นไป เข้าชมฟรี








