Kudsu ต้นไม้เอเลี่ยนจากญี่ปุ่น พืชที่ได้รุกราน และทำลายระบบนิเวศน์ฯ ในพื้นที่ต่างๆทั่วโลกจนบรรลัยไปทั่วทุกหย่อมหญ้า..!!
Kudsu ต้นไม้เอเลี่ยนจากญี่ปุ่น พืชที่ได้เข้าไปรุกราน และทำลายระบบนิเวศน์ฯ ในสหรัฐฯ และพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก จนบรรลัยไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ในกลางศตวรรษที่ 20
.
Kudsu (クズ, 葛) คือต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นไม้เถาวัลย์ที่ถูกนำเข้ามาปลูกในอเมริกาในปี 1876 โดยตอนแรกมันถูกนำเข้ามาปลูกเพื่อความสวยงาม และได้รับการขนานนามว่า เป็นต้นที่มีดอกกลิ่นหอมหวานและสวยงาม
.
หลังจากนั้นในปี 1930 Kudsu ได้ถูกนำมาปลูกในพื้นที่ทางใต้ของอเมริกาโดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการพังทลายของหน้าดิน เนื่องจากค้นพบว่า มันเป็นต้นไม้ที่แข็งแรง โตไว และต่อสู้กับการพังทลายของหน้าดินได้ดีเยี่ยม โดยมีการปลูกต้น Kudsu นี้ไปมากถึง 1 ล้านเอเคอร์ด้วยความช่วยเหลือจากเงินของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
.
เมื่อเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนถึงในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ช่วงที่เศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมของอเมริกาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เหล่าเกษตรกรหลายคน ทอดทิ้งการเกษตรในพื้นที่ และหันเข้าไปทำงานในเมืองกันมากขึ้น จนทำให้ต้น Kudsu ที่ได้รับการปลูกในหลายๆ พื้นที่ ไม่ได้รับการดูแลอย่างดีเท่าที่ควร และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ต้น Kudsu แปลงร่างกลายเป็น ปีศาจ ในทางตอนใต้ของสหรัฐฯ
.
ต้น Kudsu เป็นต้นเถาวัลย์ ที่มีอัตราการเจริญเติบโตในอัตราที่สูงเอามากๆ ถึงขนาดที่ว่ามันสามารถเติบโตได้ราวๆ 1 ฟุตต่อวัน และต้นมันก็สามารถใหญ่ได้มากถึง 100 ฟุตภายในเวลาไม่นาน มันโตไวจนถึงขั้นได้รับฉายาว่า "mile-a-minute" ซึ่งมันโตไวและกระจายตัวไปอย่างรวดเร็วจนถึงขั้นที่ว่า ต่อให้ตัดทิ้งเท่าไหร่มันก็ยังสามารถกลับมาเติบโตได้อย่างปรกติภายในไม่กี่วัน
.
เมื่อขาดการดูแลจากคนในท้องถิ่น ทำให้ต้น Kudsu ที่เติบโตอยู่บนพื้นที่ต่างๆ ทางใต้ของสหรัฐฯ แพร่ขยายกิ่งก้านสาขาในรูปแบบที่ควบคุมไม่ได้ อีกทั้งด้วยสรรพคุณที่เป็นไม้ที่ทนทานเอามากๆ ซึ่งมันสามารถทนกับอากาศที่ร้อนจัด และเย็นจัดได้เป็นอย่างดี
.
ต้น Kudsu จึงเริ่มเติบโตและเข้าปกคลุมส่วนต่างๆ ในบริเวณนั้นอย่างหนาแน่น ซึ่งรวมไปถึง กลบต้นไม้ บ้าน สายไฟ เสาไฟ และพืชท้องถิ่นหลายๆ ชนิดที่ได้ถูกพวกมันปกคลุมนั้น จะไม่สามารถเจริญเติบโตได้อีกเนื่องจากพวกมันจะทำการบดบังไม่ให้ต้นไม้เหล่านั้น ได้รับแดดใดๆ จนขาดอาหารตาย
.
นอกจากจะโตไว ทนทานแล้ว อีกหนึ่งคุณสมบัติของพวกมันคือ พวกมันมีความสามารถในการดึงไนโตรเจนในดินและอากาศได้ในอัตราที่สูงกว่าพืชทั่วๆไป จากงานวิจัยในปี 2010 ได้พบว่า ในบริเวณที่มีต้น Kudsu มากๆ จะพบว่ามีปริมาณไนโตรเจนในปริมาณที่สูงมากๆ ซึ่งนั่นกลายเป็นว่า การเข้าปกคลุมพื้นที่ของ Kudsu จะเท่ากับการปล่อย ไนตริค-ออกไซต์ (nitric oxide) ในปริมาณที่เข้มข้นเป็น 2 เท่าจากธรรมชาติทั่วไป ซึ่งอาจจะเทียบเท่ากับการเพิ่มมลพิษให้กับโอโซนในอัตราที่สูงมากๆ จนอาจจะส่งผลเสียต่อชั้นบรรยากาศเลยก็ว่าได้
.
เมื่อเวลาผ่านไป ผลกระทบจากต้น Kudsu เริ่มส่งผลต่อสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ต้นพวกมัน นอกเหนือจากต้นไม้ท้องถิ่นแล้ว เหล่าสัตว์ท้องถิ่นต่างๆ และรวมไปถึงพวกแมลง ต่างพากันเดือดร้อนเนื่องจากปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไม่ทัน ขนาดในหน้าแล้ง ในขณะที่ต้นไม้อื่นๆ ค่อยๆ แห้งตายลงไป กลับมีเพียงแต่พวก Kudsu เท่านั้น ที่ยังสามารถอยู่รอดได้ และเริ่มเข้ายึดพื้นที่ของต้นไม้อื่นๆ ที่ตายลงไปได้เรื่อยๆ จนสุดท้ายพื้นที่ทั้งหมดก็ถูกปกคลุมไปด้วย ต้น Kudsu ไปหลายล้านเอเคอร์ ด้วยอัตราการแพร่กระจาย 150,000 เอเคอร์ต่อปี (ในปี 2015 เหลืออัตรา 2,500 เอเคอร์ต่อปี) และส่งผลให้พืชและสัตว์บางชนิดหายไปจากท้องถิ่นเดิมของตัวเองโดยสิ้นเชิง จนเกือบจะสูญพันธุ์
.
ถึงแม้จะมีความพยายามของชาวบ้าน และทางภาครัฐ สำหรับการกำจัดต้น Kudsu แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำ เพราะการกำจัดพวกมันด้วยวิธีตัดทิ้ง แทบไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเมื่อรากของมันได้หยั่งลึกลงไปใต้พื้นดินแล้ว พวกมันก็พร้อมที่จะงอกลำต้นและใบขึ้นมาใหม่ได้เรื่อยๆ และวิธีเดียวที่จะกำจัดพวกมันได้ นั่นก็คือ ต้องขุดรากมันออกไป หรือจุดไฟเผาทิ้ง
.
ระยะหลังๆ มีการปล่อยแมลงต่างๆ รวมไปถึงการให้เหล่าปศุสัตว์เข้าไปกัดกินใบและต้นของพวกมัน แต่ก็ยังไม่ได้ช่วยชะลอการขยายตัวของ Kudsu ได้มากเท่าที่ควร จนในที่สุดในปี 1950 ต้น Kudsu จึงได้ถูกลบออกจากลิสต์พืชคลุมหน้าดินของสหรัฐฯ และในปี 1972 พวกมันก็ถูกลดระดับกลายเป็นวัชพืชแทน
.
ในขณะที่ในยุโรป ต้น Kudsu ถูกบันทึกอยู่ในลิสต์ของ สายพันธุ์ต่างด้าวที่รุกราน (Invasive Alien Species of Union) ตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งหมายความว่า สายพันธุ์นี้ไม่สามารถนำเข้า เพาะปลูก ขนส่ง ค้าขาย หรือปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมโดยเจตนา ณ ที่ไหนๆก็ตาม ในสหภาพยุโรป
.
ซึ่งรวมไปถึงที่ต่างๆ บนโลก ที่ต้น Kudsu เข้าไปเป็นพืชเอเลี่ยน ก็จะถูกระบุให้เป็นวัชพืชในเวลาต่อมา เช่น ในประเทศ วานูอาตู และ ฟิจิ ที่เคยนำเข้าไปใช้เป็นอุปกรณ์พรางตัวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือการแพร่ขยายในออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งในนิวซีแลนด์นั้น ต้น Kudsu ได้รับการประกาศให้เป็น "สิ่งมีชีวิตที่ไม่ต้องการ" (unwanted organism) ในลิสต์ของความปลอดภัยทางชีวภาพของนิวซีแลนด์ ในปี 2002
.
ในระยะหลัง มีการกำจัดต้น Kudsu ด้วยวิธีการใช้สารเคมีอย่าง ไกลโฟเสต (glyphosate) ไทรโครไพร์ (triclopyr) หรือพิคโลแรม (picloram) ร่วมกับการตัด หรือ เผา ซึ่งสามารถกำจัดพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถหยุดยั้งการขึ้นต้นใหม่จากรากในดินที่พวกมันฝังตัวเองลึกไว้ได้อย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม การควบคุมนี้ต้องใช้ระยะเวลาถึง 10 ปีหลังจากใช้สารเคมีพวกนี้ เพื่อทำให้แน่ใจว่า จะไม่เกิดกระบวนการงอกต้นใหม่ขึ้นมาอีก
.
แล้วสงสัยไหมครับ ทำไมต้น Kudsu ถึงไม่มีปัญหาในญี่ปุ่น และเอเชีย?
.
เพราะจริงๆแล้ว ต้น Kudsu เป็นต้นไม้ในตระกูล Arrowroot ซึ่ง Japanese Arrowroot นั้นจัดอยู่ประเภทเดียวกันกับ East Indian arrowroot ซึ่งในบ้านเราเรียกว่า “ต้นเท้ายายม่อม” และต้นไม้ตามพื้นที่ดั้งเดิมของพวกมัน จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีพืชชนิดต่างๆ ที่พร้อมจะอยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี และในเอเชียตะวันออก รวมไปถึงในอาเซียน มีการนำรากมันไปทำเป็นอาหารนั่นเอง ซึ่งจุดที่ต้น Kudsu จะแตกต่างออกไปจากแก๊งค์ยายม่อม นั่นก็คือ อัตราการเจริญเติบโตที่รวดเร็วและทนทานต่อสภาพอากาศนั่นเองครับ
.
ขนมที่ทำจากพืชชนิดนี้
เพื่อลดการแพร่กระจาย
อ้างอิงจาก: https://www.treehugger.com/invasion-of-the-kudzu-monsters-4868778
https://www.southernliving.com/garden/plants/kudzu-vine-facts
https://en.wikipedia.org/wiki/Kudzu
https://www.smithsonianmag.com/science-nature/true-story-kudzu-vine-ate-south-180956325/
https://www.nature.org/en-us/about-us/where-we-work/united-states/indiana/stories-in-indiana/kudzu-invasive-species/
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
หาดใหญ่จมน้ำ รถลูกค้า ‘วิริยะประกันภัย’ ขอเคลมพุ่ง 3,800 คัน







