โลมาอิรวดี 14 ตัวสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เมื่อรัฐมีโครงการสร้างสะพานข้ามทะเลสาป
โลมาอิรวดี สัตว์น้ำที่ได้รับการคุ้มครองตามข้อตกลงระหว่างประเทศจากการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (CITES) ครั้งที่ 13 เมื่อปี พ.ศ.2547 และเป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดยถูกพบครั้งแรกที่แม่น้ำอิรวดี จึงกลายเป็นชื่อเรียกตั้งแต่นั้นมา
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในห้าประเทศทั่วโลกที่ยังคงพบโลมาอิรวดีอยู่ จำนวน 14 ตัว สำหรับ 4 ประเทศที่เหลือประกอบด้วย อินเดีย 140 ตัว, อินโดนีเซีย 90 ตัวม เมียนมา 80 ตัว และกัมพูชา 90 ตัว หากย้อนกลับไปในอดีตเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ประเทศไทยเราพบโลมาอิรวดีมากกว่า 100 ตัว แต่จำนวนกลับลดลงเรื่อยๆ และพบการเกยตื้นตายจากสาเหตุติดเครื่องมือประมง ตายอย่างไม่ทราบสาเหตุ และป่วยตาย ล่าสุดราวๆ ปี พ.ศ.2558 มีการรายงานพบโลมาอิรวดีอยู่จำนวน 27 ตัว และปัจจุบันคงเหลือเพียง 14 ตัวตามที่กล่าวข้างต้นไป
เราจะต้องดำเนินการเช่นไรเพื่อให้โลมายังอยู่ได้ และความเป็นอยู่ของชาวบ้านยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งล่าสุดกรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม ได้มีโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ตำบลเกาะใหญ่ อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา เชื่อมต่อกับ ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง โดยวัตถุประสงค์ดังนี้
1.เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเดินทาง โดยย่นระยะเวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.
2.อำนวยความสะดวกด้านพาณิชยกรรม และอุตสาหกรรม
3.ส่งเสริมและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
4.ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน
โดยจะสร้างสะพาน ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งมีความยาวประมาณ 6.58 กม. ความกว้าง 14.5 เมตร และช่องลอด 120 เมตร แน่นอนว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้คน แต่อย่าลืมผลกระทบอีกประการที่จะต้องคิดวิเคราะห์กันอย่างรอบด้าน คือ โลมาอิรวดี 14 ตัวสุดท้ายของประเทศที่อยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ ทั้งเรื่องปลาที่เป็นอาหารของโลมา ถิ่นที่อยู่อาศัย รวมถึงหากมีการก่อสร้างจริง ผลกระทบจากเสียงขุดเจาะเพื่อก่อสร้าง เศษดินเศษหินที่ก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำและสัตว์น้ำ จะกระทบกับโลมามากน้อยเพียงไร…
ประเทศเราก็ต้องพัฒนา แต่สิ่งแวดล้อม สิ่งมีชีวิตก็มีค่าไม่แพ้กัน วอนผู้มีอำนาจร่วมกันคิดและหาแนวทางแก้ไข หรือแผนรองรับ อย่าให้กลับกลายเป็นได้อย่างเสียอย่างเลย




















