9 สไตล์ความรักของหนุ่มสาวเกาหลี

โซแกติ้ง

        소개팅 หรือทับศัพท์ว่า โซแกติ้ง เป็นวิธีที่หนุ่มสาวเกาหลีใช้หาแฟนค่ะ มันคล้ายๆ การนัดบอดผ่านเพื่อน โดยที่เราไม่รู้จักหรือไม่เคยเห็นหน้าของอีกฝ่ายมาก่อน ซึ่งก็จะมีเพื่อนเรานี่แหละเป็นพ่อสื่อหรือแม่สื่อนัดให้ เช่น บ่ายสองพรุ่งนี้ไปเจอกันที่สตาบักส์ที่ฮงแด เราก็ไปตามนัดแล้วก็จะเจอกับคนที่เพื่อนนัดมาให้ค่ะ หลายคู่พัฒนาความสัมพันธ์กันด้วยวิธีนี้ เป็นวิธียอดฮิตและไม่แปลกแต่อย่างใด ตัดภาพกลับมาที่บ้านเรา หลายคนไม่ค่อยชอบวิธีนี้ คือบางคนอาจจะรู้สึกอายที่อยู่ดีๆ จะเดินไปบอกเพื่อนว่า "แกๆ อยากมีแฟนอะ มีคนแนะนำมั้ย นัดบอดให้หน่อยสิ" แต่สำหรับคนเกาหลีแล้ว เชื่อเถอะว่าคนส่วนมากต้องเคยผ่านโซแกติ้งกันมาก่อน!

ดอกไม้แห้งคือดีงาม

       คู่รักหลายคู่คงชอบดอกไม้สด เพราะดูสดใส สดชื่น เห็นแล้วรู้สึกเบิกบาน แต่ที่เกาหลีนั้น ดอกไม้แห้ง เป็นอะไรที่คนนิยมมากค่ะ จะครบรอบ 100 วัน 1,000 วัน(เค้านับวันครบรอบในเรื่องดีๆ กันแบบนี้) ก็ต้องดอกไม้แห้งเลย ยิ่งดอกยิปซีกับดอกยิปโซนี่จัดเป็นดอกไม้ยอดฮิตกันเลยทีเดียว ถือว่าเป็น Best Seller ในช่วงเทศกาลต่างๆ ใครอยากลองเอามาทำเป็นดอกไม้แห้งเองบ้างก็ไม่ยาก ซื้อจากร้านดอกไม้หรือปากคลองตลาด แล้วมาเก็บในที่แห้งซักเดือนนึง เป็นอันจบจ้า

ผู้หญิงอายุมากกว่าเป็นเรื่องปกติ

       ถ้าใครเคยฟังเพลงของวง Shinee เพลง 누나 너무 예뻐 (นูนา นอมู เยปอ) ที่แปลว่า พี่สวยมาก ก็คงจะเข้าใจได้ไม่ยากว่า หนุ่มเกาหลีจำนวนไม่น้อยชอบผู้หญิงที่มีอายุมากกว่าค่ะ แถมยังมีคำเรียกความสัมพันธ์แบบที่ผู้หญิงอายุมากกว่าว่า 연상연하(ยอนซังยอนา) นอกจากนี้ เคยมีการสำรวจอายุของคู่รักแล้วก็พบว่า คู่รักที่ฝ่ายหญิงอายุมากกว่านั้นมีเพิ่มทุกปี บอกเลยเทรนด์นูนามาแรงนะจ๊ะ 5555

ของใช้คู่กันแบบเวอร์วัง

       พอเป็นแฟนกันแล้ว ก็ถึงเวลาป่าวประกาศให้โลกรู้ว่านี่สิแฟนเรา!! จริงๆ การมีของใช้คู่กันระหว่างคู่รักนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ที่ไทยก็เห็นคู่รักไม่น้อยที่ใส่เสื้อคู่กันมุ้งมิ้งสุดๆ แต่ที่เกาหลีนั้น เหมือนจะเพิ่มความสวีทอีกเลเวลนึงค่ะ แน่นอนว่า "แหวนคู่" หรือ Couple Ring ต้องมีแน่นอน! รวมถึงของใช้บางอย่างที่ไม่ค่อยเห็นคนใช้คู่กันอย่าง "รองเท้าผ้าใบ" ที่ใส่แบบเดียวกันเด๊ะแต่คนละไซส์ เห็นแล้วแบบ อูยยยยยยย ดีอะ ดูมีกิมมิค คือไม่ได้ใส่เสื้อคู่ แต่รองเท้าคู่ ดูมาเหนือชั้นมาก

ดูดวง!

        สาวๆ หลายคนน่าจะมีความรู้สึกสงสัยว่า เอ๊ คนนี้จะใช่เนื้อคู่เราหรือเปล่านะ? สุดท้ายก็มุ่งหน้าไปหาหมอดูกันใช่มั้ยคะ สำหรับคนเกาหลีนั้น ก่อนที่จะตกลงปลงใจแต่งงาน ญาติผู้ใหญ่ก็จะบอกให้หนุ่มสาวพากันไปดูดวงค่ะ ยิ่งคู่ไหนที่อายุห่างกันมากๆ เชื่อว่าต้องดูดวง! เนื่องจากเกรงว่าคนที่อายุห่างกันมากๆ จะเข้ากันไม่ได้และเลิกรากันในภายหลัง ดังนั้นจึง(ต้อง)ไปดูดวงเอาไว้ก่อนว่าดวงชะตาเข้ากันได้หรือไม่ และที่สำคัญ คนเกาหลีเชื่อว่า อายุห่างที่เหมาะสมสำหรับคู่รักที่เป๊ะที่สุดคือ ฝ่ายชายต้องอายุมากกว่าฝ่ายหญิง 4 ปีค่ะ อิอิ ไหนๆ มองหาแป๊บ

แสดงออกว่านี่แหละแฟนฉัน

       ถ้าใครเคยไปเกาหลี ก็คงจะคุ้นชินกับภาพที่คู่รักแสดงออกในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะกอด ซบ จุ๊บแก้ม หรือจูบปากกัน เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกของที่นั่น บางคู่แนบชิดกันตลอดจนแทบจะสิงกันอยู่แล้ว หรือบางทีเดินๆ ไปเจอ อุ๊ย คนนั้นหล่ออะ เราขอแอบมองหน่อยเหอะ (นิดนึงนะ) แต่ปรากฎฝ่ายแฟนสาวดันมองค้อนกลับมาเห็นว่าเราแอบมอง โอ้โห จากที่ยืนเฉยๆ คุณเธอแทบจะเข้าสิงร่างแฟนหนุ่มเดี๋ยวนั้นเพื่อแสดงตัวเลยว่า นี่แฟนฉันย่ะ!! อะไรทำนองนี้ อิอิ เชื่อเถอะ ใครเคยไปเกาหลีต้องเคยเจอสถานการณ์คล้ายๆ แบบนี้แน่นอน

แต่งงานกันไวมากกกก

       คบกันมาจนแน่ใจแล้วว่า อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับคนนี้ ก็ถึงเวลาเข้าหอค่ะ ^^ คู่รักของไทยนั้น กว่าจะแต่งงานกัน ส่วนมากคบกันอย่างน้อย 3 ปีซะเป็นส่วนมาก แต่ถ้าเป็นที่เกาหลีนั้น 3 ปีถือว่านานมากค่ะ เพราะส่วนมากคบกันไม่ถึงปีก็แต่งงานกันแล้วจ้า คนเกาหลีที่พี่รู้จักส่วนมากแต่งงานกันไวมากๆ คบกันแค่ 7-8 เดือนก็แต่งงานกันแล้ว ล่าสุดมีเพื่อนอยู่คนนึงไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือน ได้ข่าวอีกทีคุณเธอแต่งงานแล้ว เราถึงกับงงเลย ไปมีแฟนตอนไหนฟะ สรุปคุณเธอก็บอกว่า เนี่ย คนเกาหลีเค้าคบกันไม่ถึงปีก็แต่งงานกันแล้วจ้า ถือเป็นความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย

สินสอด

      เมื่อตกลงจะใช้ชีวิตคู่กันแล้ว คราวนี้ก็เหมือนบ้านเราที่จะต้องมาตกลงกันเรื่องสินสอดค่ะ โดยธรรมเนียมแล้ว หากแยกออกไปอยู่ข้างนอกกันเป็นครอบครัว ฝ่ายชายจะต้องเป็นคนออกเงินซื้อบ้าน ส่วนฝ่ายหญิงก็ไม่ใช่ว่าไม่ต้องเสียอะไรเลยนะคะ ฝ่ายหญิงจะต้องเป็นฝ่ายให้สินสอดที่เรียกว่า 예단(เย-ตัน) คือมันจะเหมือนเครื่องบรรณาการค่ะ โดยอาจจะถามทางครอบครัวฝ่ายชายว่าอยากได้อะไร ส่วนมากก็จะไม่พ้นเงินสด ของแบรนด์เนม เซ็ตของหรูๆ และขาดไม่ได้เลยคือ เซ็ตผ้าห่มผ้าปูที่นอนหรูๆ ราคาสนนอยู่ที่ 5 แสนวอน-1 ล้านวอน (15,000-30,000 บาท) หรือบางบ้านอาจจะอยากได้แต่เงินสดอย่างเดียวก็ได้ มูลค่าหากตีเป็นเงินไทยก็ใกล้เคียงกับไทยคือหลายแสนจนถึงหลายล้านบาท และมักจะเจรจามอบให้ก่อนแต่งงาน 1 เดือนค่ะ

หลังแต่งงาน ผู้หญิงไม่ต้องเปลี่ยนนามสกุล

       เมื่อตกลงปลงใจแต่งงานใช้ชีวิตคู่กันแล้ว ฝ่ายหญิงยังสามารถใช้นามสกุลเดิมของตัวเองต่อไป ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนนามสกุลเหมือนคนไทยที่จดทะเบียนสมรสกัน แต่ลูกที่เกิดมาจะใช้นามสกุลของพ่อค่ะ สำหรับเหตุผลนั้น ก็ไม่มีใครทราบเหตุผลที่แท้จริง เป็นการสันนิษฐานไปต่างๆ นานาซะมากกว่า ดังนั้นการจะอ่านประวัติจากเอกสารว่าใครเป็นสามีภรรยาใครนั้นบอกเลยว่ายาก! เพราะเค้าใช้กันคนละนามสกุลนั่นเองค่ะ