หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

คลายข้อสงสัย!!!! เหตุใด ในประวัติศาสตร์ ต้องถอดเสื้อเข้าเฝ้าฯ พระมหากษัตริย์

โพสท์โดย ลูกสาวอบต

 

เรียกว่าแรงจนไม่มีใครหยุดอยู่แล้วจริงๆ สำหรับ ละคร บุพ เพ สันนิวาส ทางช่อง สาม  ล่าสุด นอกจากจะได้รับการพูดถึงทั้งบ้านทั้งเมือง คอละครแห่เที่ยวอยุธยา แห่กินตามแม่การะเกดแล้ว เรตติ้ง เทรนทวีตก็พุ่งขึ้นท็อปไม่อยู่

 

และล่าสุด ในตอนที่ผ่านมา หลายท่านคงคิดสงสัยอยู่ไม่น้อย เหตุใด ฉากที่ขุนนาง หรือข้าราชการในสมัยก่อน ต้องเข้าเฝ้าฯ ขุนหลวงนารายณ์ ไม่มีผู้ใดที่สวมเสื้อเลยสักคน.

 

และได้มีเพจ จับเข่าเล่าประวัติศาสตร์ ได้คลายข้อสงสัยไว้ว่า ...ถอดเสื้อเข้าเฝ้า...

ในสมัยโบราณ การแต่งกายคือการแสดงความสัมพันธ์เชิงอำนาจอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้คนในสังคมนั้นจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง เหมาะสม ไม่เทียมเจ้าเทียมนาย และไม่ทำให้เจ้านายขายขี้หน้า

 

ในจารีตการเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ หากพระมหากษัตริย์มิทรงฉลองพระองค์ ผู้เข้าเฝ้าก็มิพึงสวมเสื้อให้เทียมเจ้าเทียมนาย ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว พระมหากษัตริย์ไทยแต่โบราณจะมิทรงฉลองพระองค์อยู่เป็นปกติ ด้วยเมืองไทยเป็นเมืองร้อน (มาก) หากไม่มีการต้องทรงฉลองพระองค์ เช่น ออกรับแขกบ้านแขกเมือง ก็จะทรงเปลือยพระวรกายท่อนบนเสมอ ทรงแต่พระภูษา (ผ้านุ่ง) เป็นการเย็นพระวรกายดี

 

เว้นแต่ฤดูหนาว ซึ่งอากาศน่าจะหนาวกว่ากรุงเทพฯ สมัยนี้ พระองค์จึงจะทรงฉลองพระองค์ เมื่อทรงฉลองพระองค์แล้ว ข้าราชการที่เข้าเฝ้าก็พลอยได้สวมเสื้อไปด้วย ดีใจกันไปตามๆ กัน (ท่านว่ามีวิธีสังเกต คือถ้า "พระถัน (เต้านม) หด" เมื่อใด ข้าราชการไปเตรียมเสื้อกันได้เลย เพราะอีกไม่นานก็คงจะทรงเรียกฉลองพระองค์มาทรง) ส่วนเสื้อสำหรับข้าราชการนั้น ในกรณีที่เป็นเสื้อพระราชทาน จะเป็นเสื้อผ้าเนื้อดี มีลวดลายจากต่างประเทศ (เช่น อินเดีย) โอกาสสวมใส่นั้นแม้จะไม่บ่อยนัก แต่ข้าราชการก็ต้องดูแลเสื้อผ้าเป็นอย่างดี เพราะถือเป็นเกียรติยศทั้งของตน และของพระมหากษัตริย์

 

หากเสื้อที่รับพระราชทานมานั้นเก่า หรือเสียหาย ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องวิ่งหาไฮเตอร์ หรือเครื่องจักรซิงเกอร์ ท่านสามารถขอเปลี่ยนเสื้อใหม่ได้ เพราะหากมีกิจต้องสวมเสื้อจริงๆ เช่น งานรับแขกบ้านแขกเมือง แล้วเสื้อเก่า หมอง ขาดเสียหาย จะมีโทษตามกฎมณเทียรบาล ด้วยเป็นการเสื่อมพระเกียรติยศสำหรับแผ่นดิน

 

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงแก้ธรรมเนียมให้ผู้เข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์นั้นต้องสวมเสื้อเข้าเฝ้าทุกครั้งไป ดังพระราชดำริว่า

"ดูคนที่ไม่สวมเสื้อเหมือนเปลือยกาย ร่างกายจะเป็นเกลื้อนกลากก็ดี หรือเหงื่อออกมาก็ดี โสโครกนัก ประเทศอื่น ๆ ที่เป็นประเทศใหญ่เขาก็สวมเสื้อหมดทุกภาษา ประเทศสยามนี้ก็เป็นประเทศใหญ่รู้ขนบธรรมเนียมมากอยู่แล้ว ไม่ควรจะถือเอาอย่างโบราณที่เป็นชาวป่ามาแต่ก่อน ขอท่านทั้งหลายจงสวมเสื้อเข้ามาในที่เฝ้าจงทุกคน"

 

ตั้งแต่นั้น ข้าราชการไทยก็สวมเสื้อเข้าเฝ้าเสมอ แม้อากาศจะเป็นอย่างไรก็ตาม ต่อมาจึงเริ่มประดิษฐ์เสื้อแบบใหม่ๆ มากขึ้น เพื่อให้รับกับแฟชั่นขุนนางไทยยุคใหม่ เช่น เสื้อแขนกระบอก คล้ายเสื้อของชายชาวเปอรานากัน (บ้าบ๋าบุตรจีน) ซึ่งชายเสื้อยาวพอจะคาดผ้ากราบได้สวยงาม หรือในยุคต่อมา ที่นำชุดทูนิคแบบฝรั่ง ผสมกับเสื้อแบบอินเดีย กลายเป็นชุดราชปะแตน

 

ทั้งนี้ เพื่อให้เข้ากับธรรมเนียมของฝรั่ง ที่ต้องสวมเสื้อเสมอ ถือเป็นการสุภาพ สังเกตได้จากบรรดาแหม่มที่เข้ามาอยู่เมืองไทยสมัยนั้น แม้ว่าอากาศเมืองไทยจะร้อนระอุเพียงใดก็ตาม พวกนางก็ยังคงจัดเต็มทั้งกระโปรงสุ่มยันเสื้อปิดคอแบบอยู่ในเมืองฝรั่ง เป็นหนึ่งในการลดข้ออ้างความเป็นอนารยะในสายตาของชาติตะวันตกลง

 

•อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องการ "นุ่ง"

สำหรับบุรุษแล้ว การนุ่งที่ถือเป็นการสุภาพ คือนุ่งโจงกระเบน (ม้วนชายผ้าลอดหว่างขาไปเหน็บไว้ด้านหลัง) หากอยู่ต่อหน้าผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่า หรือผู้ที่เราจะให้เกียรติ จะต้องโจงกระเบนเสมอ

 

ถ้าอยู่แบบชิลๆ ในเหย้าในเรือน ก็จะนุ่งลอยชาย คือไม่โจง แค่เอาผ้ามาโอบรอบตัวแล้วขมวดปม แต่หากกำลังชิลอยู่ดีๆ มีผู้ใหญ่มาปรากฏตัวที่เรือน ท่านต้องรีบตลบชายผ้าขึ้นโจงกระเบนทันที

 

สรุปแล้ว แม้การแต่งกายของไทยในอดีต กับปัจจุบัน จะแตกต่างกันอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่วัฒนธรรมไทยแต่โบราณมุ่งเน้นให้ความสำคัญอยู่เสมอ คือการแต่งกายให้ถูกต้องตามกาลเทศะ

 

#ภาพประกอบ

1 ภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องบุพเพสันนิวาส

2 สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ(ทัต บุนนาค)

3 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปราโมช กรมขุนวรจักรธรานุภาพ

4 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม ทรงพระภูษาลอยชาย ถือพระแสงแบบดาบญี่ปุ่น

5 พระยาราชพงษานุรักษ์(ชม บุนนาค)

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://www.facebook.com/groups/1430536690609179/?multi_permalinks=3226182537711243&hoisted_section_header_type=recently_seen
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
15 VOTES (5/5 จาก 3 คน)
VOTED: มยุริญ ผดผื่นคัน, แสร์, ลูกสาวอบต
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวนถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติดคลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญสถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่นไฟในอย่าน่าออก ไฟนอกอย่าน่าเข้าชาวบ้านรู้! เพจดังแฉบ่อนพนันสารคาม เปิดเล่นโจ๋งครึ่ม 3 วันแล้ว ไม่กลัวกฎหมายวอลเลย์บอลชายไทย เฉือนชนะ อินโด คว้าทองซีเกมส์ในรอบ 8 ปีสุดสลดกลางกรุง สาววัย 36 ปีเสียชีวิตจากการตกจากคอนโดชั้น 35 ในเขตบางนา กทม.
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีนเครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจหุ้น Facebook ลงเกือบ 30% ในคืนเดียวอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีให้คะแนนไทยในการจัดซีเกมส์ 100 เต็ม 10 พร้อมส่งกำลังใจถึงทีมชาติช้างศึกหลังพลาดเหรียญทองเลขเด็ด "คำชะโนด (ปกเขียว)" งวดวันที่ 2 มกราคม 69 มาแล้ว!..ส่องเลย เลขไหนมาแรง!!ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เด็กสาวคอโค้ง 90 องศา จากปากีสถาน สู่รอยยิ้มครั้งใหม่หลังการผ่าตัดในอินเดียภาพวาดดินสอดำของเด็กอนุบาล เสียงตะโกนเงียบ ๆ ที่ผู้ใหญ่ต้องฟังให้ได้เพื่อนชิ่งบิล 1,262 หยวน ทิ้งให้ “นายจาง” จ่ายคนเดียว เรื่องจริงที่สอนว่า กินข้าวต้องมีสติ ไม่ใช่แค่สั่งเมนูมารู้จักหน่วย BHQ หน่วยองครักษ์ พิทักษ์ฮุนเซน
ตั้งกระทู้ใหม่