รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม
ในปัจจุบันด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ข้าวยากหมากแพง อันเป็นผลมาจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามการค้าจีน-สหรัฐ โรคระบาดโควิด-19 รวมไปถึงฝีดาษลิง ล้วนทำให้ธุรกิจต่าง ๆ โดนผลกระทบไปไม่มากก็น้อย ทำให้คนตกงานเป็นจำนวนมาก ทั้งเงินยังหายากอีกด้วย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เอง การบริหารจัดการเงินโดยให้จ่ายอย่างประหยัดจึงจำเป็นต่อการอยู่รอดเป็นอย่างมาก โดยอาจจะเริ่มสิ่งเล็ก อย่างเช่นลดการใช้ไฟฟ้า น้ำประปา เลิกซื้อของที่ไม่จำเป็น ไปจนถึงสิ่งใหญ่อย่างการรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม เป็นต้น
หลายคนอาจสงสัยว่ารีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมได้จริงไหม แล้วการรีไฟแนนซ์ธนาคารเดิมกับรีไฟแนนซ์บ้านกับผู้ให้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านรายใหม่ อันไหนเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า บทความรู้เราจะให้คำตอบกัน ไปกันเลย
รีไฟแนนซ์บ้าน คือ อะไร ต้องทำอย่างไรบ้าง
ก่อนที่เราจะกล่าวถึงการรีไฟแนนซ์บ้าน เรามาทำความรู้จักไฟแนนซ์กันก่อน โดยไฟแนนซ์ คือการก่อหนี้ใหม่มาจ่ายหนี้เก่า หรือก็คือการกู้เงินจากเจ้าหนี้รายใหม่ เพื่อนำไปจ่ายเจ้าหนี้รายเดิม ซึ่งการเปลี่ยนเจ้าหนี้มาจากการชำระดอกเบี้ยที่ถูกกว่า ดังนั้นทุกคนต่างจะหาผู้ให้ไฟแนนซ์รายใหม่ ๆ ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่ารายเดิม
ดังนั้นการรีไฟแนนซ์บ้านก็คือการเปลี่ยนเจ้าหนี้ หรือธนาคารผู้ให้กู้เงิน ไปเป็นผู้ให้บริการกู้รายอื่น ซึ่งอาจจะให้ประโยชน์แก่ลูกหนี้มากกว่า จึงทำให้ผู้กู้ส่วนใหญ่ต่างมองหาธนาคาร หรือผู้ให้สินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยให้สามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้อย่างมาก
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมคืออะไร ตัวอย่างการคิดอัตราดอกเบี้ยไฟแนนซ์บ้าน
การรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมถือเป็นการใช้คำที่ผิด เพราะเราจะใช้คำว่ารีเทนชั่น (Retention) หรือก็คือการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านจากธนาคารเดิม ซึ่งโดยปกติแล้วภายในระยะเวลา 3 ปีแรกที่ทำการขอไฟแนนซ์บ้าน ทางธนาคารมักคิดดอกเบี้ยในราคาถูก เพื่อเชิญชวนให้ผู้ที่ต้องการมีบ้านคิดว่าตนสามารถจ่ายค่าไฟแนนซ์ในแต่ละเดือนไหว ก่อนจะปรับขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ตามแต่ตกลงกันในสัญญา
ตัวอย่างเช่น นาย ก. มียอดหนี้ 3 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3% ต่อปี โดยดอกเบี้ยเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 7,400 บาท แต่เมื่อผ่านไป 3 ปี อัตราดอกเบี้ยอาจจะถูกปรับขึ้น ซึ่งขอยกตัวอย่างเป็น 5% ต่อปี ผลปรากฏว่าดอกเบี้ยที่ต้องเสียต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 12,300 บาท ซึ่งต่างจากเดิมอยู่ถึง 4,900 บาทเลยทีเดียว ซึ่งเป็นการเสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ
สำหรับท่านที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม หรือขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านจากธนาคารเดิม สามารถเปรียบเทียบโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้านได้โดยคลิกที่ สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ที่ Refinn รวบรวมไว้ สะดวก และไม่มีค่าใช้จ่าย ได้เลย
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมเหมาะกับใคร แล้วถ้าคุณสมบัติไม่ตรง ทำได้ไหม
การรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการเตรียมเอกสาร เพื่อขอยื่นรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารหรือผู้ให้สินเชื่อรายอื่น โดยการขอรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมหรือรีเทนชั่นนั้นจะต้องดูประวัติการชำระในแต่ละเดือน ว่ามีการชำระเกิน 60 วันหรือไม่ ถ้ามีการชำระหนี้ตรงเวลา เสมอต้น เสมอปลาย ทางธนาคารจึงจะพิจารณาลดดอกเบี้ย หรือลดระยะเวลาในการชำระหนี้ต่อไป
เปรียบเทียบ รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม กับ ธนาคารใหม่ เพื่อหาไฟแนนซ์ที่ดีที่สุด
สำหรับใครที่มีหนี้อยู่แล้ว แต่กำลังตัดสินใจว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านกับแบงค์เดิม หรือจะเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารหรือผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและข้อสัญญาให้ดี ทั้งกรอบระยะเวลาในการชำระหนี้ จำนวนการชำระหนี้ในแต่ละงวด ล้วนต้องนำมาพิจารณาทั้งสิ้น
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม (ขอลดดอกเบี้ยธนาคารเดิม) ทำได้จริงไหม แล้วได้ประโยชน์อะไรบ้าง
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมสามารถทำได้ โดยอ้างอิงจากประวัติการชำระเงินของผู้กู้ ว่าสามารถชำระเงินได้ตรงเวลาดีหรือไม่ เมื่อผ่าน ท่านจะได้สิทธิประโยชน์ตามการตกลงกันดังนี้
- ช่วยลดดอกเบี้ย เป็นหัวใจหลักของการรีไฟแนนซ์บ้าน ซึ่งสามารถรีไฟแนนซ์ได้ทุก 3 ปี โดยส่วนใหญ่อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 2.39-3% ต่อปี
- ลดระยะเวลาผ่อนบ้าน เมื่อดอกเบี้ยลดลง ทำให้ท่านสามารถจ่ายหนี้เงินต้นได้มากขึ้น ทำให้สามารถใช้หนี้ได้เร็วขึ้น
- ลดยอดผ่อนต่อเดือน เมื่อผ่อนบ้านไปได้ระยะหนึ่ง ท่านสามารถของลดยอดชำระต่อเดือนได้ แต่อาจจะแลกมาด้วยระยะเวลาผ่อนที่นานขึ้น หรืออาจเพิ่มดอกเบี้ยอีกเล็กน้อย
- สามารถขอวงเงินกู้เพิ่ม เมื่อชำระหนี้ไประยะหนึ่ง เมื่อส่วนต่างของราคาบ้านที่ผ่อนกันจำนวนเงินที่จ่ายไปสูงระดับหนึ่ง ท่านสามารถกู้เงินเพิ่ม เพื่อนำไปเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ท่านได้
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารใหม่ เลือกอย่างไรดี
- สถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ เป็นปัจจัยที่สำคัญลำดับแรก ๆ เพราะการรีไฟแนนซ์บ้าน ก็คือการเปลี่ยนเจ้าหนี้นั้นเอง ถ้าสถาบันนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ ก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งด้วย เพราะอาจจะไม่ได้เสียเงินเพียงอย่างเดียว ท่านอาจเสียเวลาและโอกาสอีกด้วย
- ข้อตกลงก่อนทำสัญญา เนื่องจากแต่ละบริษัทมีระบบการทำงาน และสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยงเงินกู้ ระยะเวลาในการชำระหนี้ จำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวด
- โปรโมชั่นตามช่วงเวลา ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถดึงดูดผู้ที่สนใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยต้องการให้ผู้กู้รายต่าง ๆ เข้ามาใช้บริการขอตน จึงต้องค่อยออกโปรโมชั่นเพื่อให้ตอบโจทย์คนอยากมีบ้านทั้งหลาย
สำหรับใครที่สนใจอยากจะลองเปลี่ยนผู้ให้ไฟแนนซ์รายใหม่ ทางเราได้รวมโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้านล่าสุดมาให้คุณแล้ว
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม (ขอลดดอกเบี้ยบ้านธนาคารเดิม) ดีไหม หรือเปลี่ยนธนาคารดีนะ
สำหรับคำตอบนี้ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้กู้เอง โดยต้องศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบว่าระหว่างรีไฟแนนซ์ธนาคารเดิม กับการเปลี่ยนผู้ให้ไฟแนนซ์รายใหม่นอกจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดแล้ว ยังคงมีสิทธิพิเศษอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เมื่อได้ข้อมูลที่ครบถ้วนแล้วจึงนำมาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดอีกครั้ง
สรุป ควรรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม หรือธนาคารใหม่ดี
สำหรับใครที่ต้องการจะรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม หรือมองหาผู้ให้ไฟแนนซ์บ้านรายใหม่ ควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้ถี่ถ้วนก่อนทุกครั้ง เพราะการผ่อนบ้านเป็นวงเงินที่สูง ดังนั้นการเปรียบเทียบทั้งผู้ให้ไฟแนนซ์เดิมกับรายใหม่จึงจำเป็นอย่างมาก เพื่อความสะดวกสบาย ขอแนะนำให้หาที่เว็ปไซต์ Refinn ที่รวบรวมโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้านทุกธนาคารไว้ในที่เดียว
ขอบคุณบทความจาก www.matichon.co.th/publicize/news_3547213