ข่าวดีสำหรับชาวบ้านมีที่ดินว่าง ปลูกไม้มีค่าสามารถเอาไปประกันเงินกู้ได้กับธนาคาร
ในช่วงยุคเศรษฐกิจแบบนี้ นอกจากจะต้องกอดงานประจำไว้แล้ว ธุรกิจเสริมอาจเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มพูนรายได้ให้แก่ประชากร เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ใครจะคิดว่า “การปลูกต้นไม้” นั้นจะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้ปลูกได้เป็นอย่างมหาศาล ปลูก 1 ต่อ ได้ประโยชน์ถึง 3 ต่อ ตามแนวทางที่จะนำเสนอต่อไปนี้
ต่อที่ 1 : สามารถตัดขายเองได้ หลังจากที่รัฐบาลปรับแก้ พ.ร.บ.ป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ในมาตรา 7 ที่ได้กำหนดเกี่ยวกับไม้หวงห้ามที่ขึ้นอยู่ในที่ที่มิใช่ป่า ซึ่งปรับแก้ให้ไม้ทุกชนิดที่ขึ้นในที่ดินมีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เป็นไม้หวงห้าม เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ที่มั่นคง ไว้เลี้ยงดูครอบครัว และต่อยอดการทำธุรกิจจากการทำไม้ปลูกป่าเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่แล้วผู้รับซื้อมักจะนำไม้เหล่านี้ จะนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ฯลฯ
ต่อที่ 2 : ต้นไม้สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันเงินกู้ได้
ตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถนำไม้ยืนต้นมาจดหลักประกัน เพื่อประเมินในการขอสินเชื่อได้ เพียงแค่ยื่นขอจดทะเบียน ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยจะต้องเป็นไม้ยืนต้นหรือไม้มีค่า จำนวน 58 ชนิดนี้เท่านั้น ประกอบด้วย ตะเคียนทอง ตะเคียนหิน ตะเคียนชันตาแมว ไม้สกุลยาง (ไม่รวมยางพารา) สะเดา สะเดาเทียม ตะกู ยมหิน ยมหอม นางพญาเสือโคร่ง นนทรี สัตบรรณ ตีนเป็ดทะเล พฤกษ์ ปีบ ตะแบกนา เสลา อินทนิลน้ำ ตะแบกเลือด นากบุด ไม้สัก พะยูง ชิงชัน กระซิก กระพี้เขาควาย สาธร แดง ประดู่ป่า ประดู่บ้าน มะค่าโมง มะค่าแต้ เคี่ยม เคี่ยมคะนอง เต็ง รัง พะยอม ไม้สกุลจำปี (จำปีสิรินธร จำปีป่า จำปีถิ่นไทย จำปีดง จำปีแขก จำปีเพชร ) แคนา กัลปพฤกษ์ ราชพฤกษ์ สุพรรณิการ์ เหลืองปรีดียาธร มะหาด มะขามป้อม หว้า จามจุรี พลับพลา กันเกรา กะทังใบใหญ่ หลุมพอ กฤษณา ไม้หอม เทพทาโร ฝาง ไผ่ทุกชนิด ไม้สกุลมะม่วง ไม้สกุลทุเรียน และมะขาม
จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจฯ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 ระบุว่า มีการจดทะเบียนนำต้นไม้มาเป็นหลักประกัน ทั้งสิ้น 146,282 ต้น เป็นจำนวนเงินค้ำประกันทั้งสิ้น 137,117,712 บาท
ต่อที่ 3 : ต้นไม้สามารถขายเป็นคาร์บอนเครดิตได้
คาร์บอนเครดิตคือ (Carbon Credit) หนึ่งในเครื่องมือที่จะนำไปขายให้กับประเทศที่พัฒนาแล้ว องค์กร อุตสาหกรรม หรือภาคเอกชน ที่ไม่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนเองได้ตามเป้าหมาย โดยต้องซื้อไปเพื่อใช้ขยายขอบเขต หรือชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตน สำหรับประเทศไทย องค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) จะเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง โดยการประเมินปริมาณคาร์บอนเครดิตที่สามารถซื้อขายได้ (องค์การบริหารฯ เป็นผู้ประเมิน) ให้กับผู้ที่ต้องการจะขาย ซึ่งปัจจุบัน ราคาคาร์บอนเครดิตอยู่ที่ 120 บาท/ตันคาร์บอนไดออกไซด์ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง
นอกจากจะปลูก 1 ต่อ ได้ประโยชน์ถึง 3 ต่อแล้ว การปลูกต้นไม้ยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ สร้างความร่มรื่นร่มเงา ลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย หากประชาชนที่สนใจอยากปลูกไม้ยืนต้น สามารถติดต่อรับกล้าฟรีได้ที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้ หรือสถานีเพาะชำกล้าไม้ในพื้นที่ใกล้เคียงได้เลย และอย่าลืมไปร่วมเป็น 1 ใน 100 ล้านต้น ของโครงการ "รวมใจไทย ปลูกต้นไม้ เพื่อแผ่นดิน" ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดขึ้นเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นพื้นที่สีเขียวกัน