เด็กหลอดแก้ว IVF อีกหนึ่งทางเลือกวิธีรักษาภาวะมีบุตรยาก
สำหรับคู่รักที่เริ่มเข้าสู่ภาวะมีบุตรยากจากอายุที่มากขึ้น หรืออาจมีภาวะมีบุตรยากจากปัจจัยอื่น ๆ ก็คงจะเคยทรายถึงการทำเด็กหลอดแก้วมาไม่มากก็น้อย ซึ่งคู่รักหลายคู่อาจสงสัยว่าการทำเด็กหลอดแก้ว IVF คืออะไร ช่วยให้สามารถมีลูกได้ง่ายขึ้นจริงหรือไม่ เด็กที่เกิดจากการทำเด็กหลอดแก้วจะสมบูรณ์ปกติเหมือนกับเด็กที่เกิดตามธรรมชาติหรือไม่ ในบทความนี้มีคำตอบ และช่วยให้คู่รักได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นไม่มากก็น้อยว่าจะรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำเด็กหลอดแก้วหรือไม่
เด็กหลอดแก้ว IVF คือ
In-vitro Fertilization หรือ IVF คือการปฏิสนธิภายในหลอดทดลอง หรือภาษาชาวบ้านที่เข้าใจง่าย IVF คือการทำเด็กหลอดแก้วนั่นเอง การทำเด็กหลอดแก้วนั้นเป็นการนำเซลล์ไข่และเชื้ออสุจิของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายออกมาชักนำให้เกิดการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย และทำการเลี้ยงตัวอ่อนจะได้ระยะที่เหมาะสมก่อนนำเข้าไปฝังที่ผนังโพรงมดลูก และรอการตั้งครรภ์ต่อไป
ทำไมถึงต้องทำ IVF
สำหรับคู่รักที่เริ่มเข้าสู่ภาวะมีบุตรยาก การมีเพศสัมพันธ์โดยธรรมชาติอาจไม่สามารถทำให้เซลล์ไข่และเชื้ออสุจิเกิดการปฏิสนธิได้ง่าย ด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น
- ฝ่ายหญิงมีอายุที่มากขึ้น เซลล์ไข่จึงมีอายุมาก ทำให้มีเซลล์ไข่ที่ไม่มีประสิทธิภาพมากกว่าตอนอายุน้อย
- ฝ่ายหญิงมีปัญหาทางสุขภาพ ไม่ว่าจะภาวะท่อนำไข่ตีบตัน ภาวะตกไข่ผิดปกติ เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ พังผืดในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น
- ฝ่ายชายที่มีเชื้ออสุจิคุณภาพไม่ดี ไม่แข็งแรง ไม่สมบูรณ์ มีปริมาณน้อย
- ฝ่ายชายที่มีปัญหาทางสุขภาพ เช่น ท่อนำอสุจิตีบตัน เป็นต้น
- คู่รักที่เคยผ่านการรักษาด้วยการฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง หรือการทำ IUI มาแล้วไม่ได้ผล
- คู่รักที่พยายามมีบุตรมามากกว่า 3 ปี แต่ก็ไม่เกิดการตั้งครรภ์
- คู่รักที่มีปัญหาในการมีเพศสัมพันธ์ด้วยวิธีธรรมชาติ
ด้วยสาเหตุต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้นจะทำให้การปฏิสนธิด้วยการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาตินั้นทำได้ยาก ในทางการแพทย์ปัจจุบันจึงมีวิธีแก้ปัญหาด้วยการชักนำให้เกิดการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ได้มากขึ้น
IVF ต่างจาก ICSI อย่างไร
IVF และ อิ๊กซี่ ICSI ต่างก็เป็นการทำเด็กหลอดแก้วเหมือนกัน แต่ทั้งสองวิธีก็มีจุดที่แตกต่างกันในขั้นตอนการรักษา ซึ่งจุดที่แตกต่างกันนี้กลับส่งผลต่อโอกาสการตั้งครรภ์อย่างมาก
IVF (In-Vitro Fertilization)
IVF คือการทำเด็กหลอดแก้วแบบดั้งเดิม แพทย์จะนำเซลล์ไข่และเชื้ออสุจิของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายออกมาภายนอกร่างกาย แล้วนำเซลล์ไข่และเชื้ออสุจิจำนวนหนึ่งมาอยู่ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อเดียวกัน และรอให้เชื้ออสุจิเจาะเซลล์ไข่เพื่อทำการปฏิสนธิกันเองตามธรรมชาติ เมื่อเกิดการปฏิสนธิจะมีการเลี้ยงต่อภายในห้องปฏิบัติการ และนำตัวอ่อนนี้กลับเข้าไปสู่ร่างกายฝ่ายหญิงเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์
ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection)
ICSI หรือการทำอิ๊กซี่จะมีขั้นตอนที่คล้ายกับการทำ IVF แตกต่างกันแค่การทำอิ๊กซี่จะไม่มีการรอให้เชื้ออสุจิเจาะเข้าเซลล์ไข่เพื่อปฏิสนธิเอง แพทย์จะทำการคัดเลือกเชื้ออสุจิที่คุณภาพดีและสมบูรณ์ที่สุดเพียง 1 ตัว จากนั้นใช้เครื่อง ICSI ในการเจาะไข่และพาเชื้ออสุจิที่ได้รับการคัดเลือกนั้นเข้าสู่เซลล์ไข่โดยตรง
โอากาสสำเร็จมากแค่ไหนสำหรับ IVF
การทำเด็กหลอดแก้ว IVF ในผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปีมีโอกาสสำเร็จประมาณ 40-50% และในผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไปมีโอกาสสำเร็จเพียงประมาณ 10-20% เท่านั้น แต่สำหรับการทำอิ๊กซี่ ICSI มีโอกาสสำเร็จสูงถึง 50-70% โดยประมาณเลยทีเดียว หากคู่รักที่่อายุค่อนข้างมากแล้วการทำอิ๊กซี่ ICSI จะมีโอกาสประสบความสำเร็จการตั้งครรภ์มากกว่า IVF
การเตรียมตัวสำหรับการทำ IVF
หากคู่รักที่มีภาวะมีบุตรยากต้องการจะมีบุตรเป็นของตนเอง และต้องการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำเด็กลอดแก้ว IVF แล้ว จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อให้การรักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว IVF ประสบผลสำเร็จสูงสุด ดังนี้
- ฝ่ายหญิงควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ควรเข้ารับการตรวจในช่วงวันที่ 2-3 ระหว่างมีประจำเดือน
- ฝ่ายชายงดกิจกรรมทางเพศที่ส่งผลให้เกิดการหลั่งเชื้ออสุจิอย่างน้อย 7 วันก่อนเข้ารับการรักษา
- ฝ่ายชายควรเลี่ยงการใส่ชุดชั้นในและกางเกงที่รัดแน่นเกินไป และหลีกเลี่ยงการลงแช่น้ำอุ่นและการทำซาวน่า
- งดสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้ารับการรักษาอย่างน้อย 3 เดือน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่มากไปและไม่น้อยไป
- หากมีโรคประจำตัวหรือต้องรับประทานยาประจำอยู่ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเข้ารับการรักษา
ขั้นตอนการทำ IVF
เมื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว IVF แล้ว ในการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว IVF จะมีขั้นตอนดังนี้
Ovulation Induction (OI)
Ovulation Induction (OI) หรือการกระตุ้นไข่เพื่อทำให้ไข่ตก แพทย์จะทำการนัดฝ่ายหญิงเพื่อตรวจเลือดและอัลตราซาวด์ดูมดลูก หากผลการตรวจปกติ แพทย์จะฉีดยากระตุ้นไข่ให้ฝ่ายหญิง เพื่อไข่เซลล์ไข่โตพร้อมกันหลาย ๆ ใบ หลังจากนั้นแพทย์จะนัดฝ่ายหญิงเข้ามาตรวจเป็นระยะ เพื่อติดตามการเติบโตของเซลล์ไข่ เมื่อเซลล์ไข่มีปริมาณและขนาดที่เหมาะสมแล้ว แพทย์จะทำการฉีดยากระตุ้นไข่ตก หลังจากนั้นประมาณ 1-2 วันแพทย์จะนัดฝ่ายหญิงเข้ามาเก็บไข่เพื่อรอการปฏิสนธิภายนอกร่างกายต่อไป
Egg Retrival
Egg Retrival หรือขั้นตอนการเก็บไข่ เมื่อผ่านการกระตุ้นไข่ให้มีสภาพพร้อมแล้วแพทย์จะทำการเก็บเซลล์ไข่ออกมาด้วยเครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายเข็มขนาดเล็กผ่านทางช่องคลอด โดยใช้เครื่องอัลตราซาวด์ส่องหาตำแหน่งของเซลล์ไข่ จากนั้นจึงค่อยดูดเซลล์ไข่ออกมาและนำมาพักไว้ในน้ำยาเพาะเลี้ยงเซลล์ไข่ เพื่อรอนำไปปฏิสนธิกับเชื้ออสุจิ
การเก็บ Sperm
สำหรับฝ่ายชายแพทย์จะทำการนัดเข้ามาเก็บสเปิร์ม หรือเชื้ออสุจิ โดยแพทย์จะให้ภาชนะสำหรับจัดเก็บเชื้ออสุจิ แล้วให้ฝ่ายชายหลั่งอสุจิใส่ในภาชนะนั้น และนำเชื้ออสุจิที่ได้ไปที่ห้องปฏิบัติการ เพื่อทำการส่องกล้อง คัดเลือกเชื้ออสุจิที่แข็งแรงสมบูรณ์ คุณภาพดีที่สุดมาจำนวนหนึ่งเพื่อนำมาปฏิสนธิกับเซลล์ไข่
สำหรับฝ่ายชายที่มีปัญหาเรื่องการเป็นหมัน หรือในน้ำเชื้อไม่พบเชื้ออสุจิ แพทย์อาจต้องทำการดูดเชื้ออสุจิจากอัณฑะโดยตรง
Fertilization
เมื่อเซลล์ไข่และเชื้ออสุจิพร้อมแล้ว แพทย์จะนำเชื้ออสุจิที่ผ่านการคัดเลือกมาจำนวนหนึ่งมาไว้รวมกับเซลล์ไข่ในจานเพาะเชื้อหรือหลอดทดลอง แล้วรอให้เชื้ออสุจิว่ายไปเจาะเซลล์ไข่เพื่อปฏิสนธิกันเองตามธรรมชาติ เมื่อมีเชื้ออสุจิสามารถเจาะเข้าไปในเซลล์ไข่เรียบร้อยแล้ว เซลล์ไข่จะสร้างผนังเซลล์ไข่ที่แข็งแรง ทำให้เชื้ออสุจิตัวอื่น ๆ ไม่สามารถเจาะเข้าไปได้อีก เมื่อแพทย์หรือนักวิทย์นำจานเพาะเชื้อหรือหลอดทดลองนั้นมาตรวจสอบแล้วพบว่าเกิดการปฏิสนธิเรียบร้อย จะนำมาเพาะเลี้ยงต่อในห้องปฏิบัติการด้วยอาหารเลี้ยงเชื้อที่เหมาะสม และมีการควบคุมสภาวะให้เหมาะสม ใกล้เคียงกับสภาวะธรรมชาติมากที่สุด
Embryo Transfer
หลังจากนั้นเมื่อเซลล์ไข่และเชื้ออสุจิเกิดการปฏิสนธิกันแล้ว จะนำไปเลี้ยงในห้องปฏิบัติการจนกว่าจะเจริญเป็นตัวอ่อนระยะ Blastocyst ที่มีความแข็งแรงมากพอที่จะนำกลับเข้าไปฝังภายในผนังมดลูกของฝ่ายหญิง ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 5-6 วัน
เมื่อตัวอ่อนพร้อม แพทย์จะทำการนัดฝ่ายหญิงเข้ามาฝังตัวอ่อน โดยแพทย์จะย้ายตัวอ่อนไปฝังในผนังมดลูก แพทย์จะทำการอัลตราซาวด์เพื่อหาจุดที่เหมาะสม ก่อนฝังตัวอ่อนลงไปผ่านทางช่องคลอด หรือหากยังไม่พร้อมสำหรับตัวอ่อนนั้นสามารถนำไปแช่แข็งตัวอ่อน เมื่อร่างกายฝ่ายหญิงพร้อมแล้วก็สามารถนำตัวอ่อนนี้มาฝังที่ผนังโพรงมดลูกได้ทันที โดยตัวอ่อนนี้สามารถแช่แข็งไว้ได้นานถึง 10 ปีเลยทีเดียว
เมื่อทำการฝังตัวอ่อนเรียบร้อยแล้ว จากนั้นติดตามการตั้งครรภ์ด้วยการเจาะเลือดประมาณ 1 อาทิตย์หลังย้ายตัวอ่อน และสามารถยืนยันการตั้งครรภ์ด้วยการอัลตราซาวด์ประมาณ 2 อาทิตย์หลังย้ายตัวอ่อน
ข้อดีของการทำ IVF
- เพิ่มโอกาสให้ผู้ที่เริ่มมีภาวะมีบุตรยากสามารถตั้งครรภ์ได้สูงกว่าการผสมเทียมวิธีอื่น ๆ อย่าง IUI เป็นต้น
- สำหรับผู้ที่อายุยังไม่เกิน 35 ปีและเริ่มมีภาวะมีบุตรยากการทำเด็กหลอดแก้ว IVF ก็สามารถช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ใกล้เคียงกับการทำอิ๊กซี่ ICSI ด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า
- เพราะการทำเด็กหลอดแก้ว เป็นเพียงการนำเซลล์ไข่และเชื้ออสุจิออกมาให้เกิดการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย ทำให้โอกาสที่เซลล์ไข่จะได้รับความเสียหายนั้นน้อยกว่าการทำอิ๊กซี่ ICSI ที่ต้องมีการเจาะเซลล์ไข่เพื่อนำเชื้ออสุจิเข้าไปปฏิสนธิ
ข้อจำกัดการทำ IVF
- อาจเกิดภาวะรังไข่ตอบสนองต่อการกระตุ้นมากเกินไป ทำให้มีอาการท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน
- อาจทำให้เกิดลูกแฝด โดยปกติแล้วหากเซลล์ไข่เกิดการปฏิสนธิในหลอดทดลองสำเร็จมากกว่า 1 ใบ แพทย์มักจะฝังไข่ในผนังโพรงมดลูกมากกว่า 1 ใบ และหากตัวอ่อนสามารถเจริญเติบโตไปได้ ก็จะทำให้เกิดลูกแฝดเทียม
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากขั้นตอนการเก็บเซลล์ไข่และขั้นตอนการฝังตัวอ่อนในโพรงมดลูก
ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายของการทำเด็กหลอดแก้วจะอยู่ที่ประมาณ 100,000-200,000 ขึ้นกับแต่ละศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าการทำอิ๊กซี่ ICSI อยู่ค่อนข้างมาก แต่สำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 35 ปี การทำเด็กหลอดแก้ว IVF อาจไม่สามารถเพิ่มโอกาสการรักษาได้เท่ากับการทำอิ๊กซี่ ICSI