ทำไมคนซื้อรถยนต์เยอะมาก ทั้งที่เศรษฐกิจไม่ดี?
-ภาพรวมตั้งแต่เดือนมกราคม - เมษายน 2565 รถยนต์มียอดขาย 294,616 คัน เพิ่มขึ้น 16.79% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564
-ยอดขายรถยนต์ 2564 รวมทั้งปี 7.59 แสนคัน ลดลง 4.2%
ใครๆก็บอกสมัยนี้ข้าวของแพง เศรษฐกิจไม่ดี ค่าแรงต่ำ
แต่ทำไมมีรถยนต์เกือบทุกบ้าน ขายได้ปีละเกือบล้านคัน คนใช้แรงงาน กรรมกร หรือแม้แต่นักศึกษายังมีขับ?
ย้อนไปสมัย 20 กว่าปีที่แล้ว ทั้งหมู่บ้านนับจำนวนคันได้เลย หมู่บ้านละไม่กี่คัน ติดไฟแดงมีแต่มอร์ไซด์บนถนน
ทุกวันนี้ เราลำบากกว่าเมื่อก่อนจริงหรอ?
ทุกวันนี้ เราลำบากกว่าเมื่อก่อนจริงหรอ?
ตอบแค่คำถามนี้ นะครับ
ก่อนหน้านี้ ไม่มี covid รถเมล์ วิ่งกันพรึบพรับ เดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ลำบาก ถึงขั้นต้องซื้อรถ ซ์้อมอเตอร์ไซ
แต่ดูเดียวนี้ซิ รถเมล์วิ่งน้อย BTS ราคา รวมๆ ไปกลับต่อวัน เท่าไรแล้ว
เอาเงินไปซื้อรถ ซื้อมอเตอร์ไซ ยังจะดีซะกว่า คิดว่า
ลำบากกว่า แต่ก่อน แต่ก็ต้องหาทางออกด้วยตัวเอง
เราจะเห็นว่าบ่นไม่มีจะกินแล้ว แต่มีเงินซื้อรถแล้วผ่อนไม่ไหว แล้วก็มีพวกอ้างว่าต้องหาทางดิ้นรนเองเดินทางไม่สะดวก ถามหน่อยว่าเมื่อก่อนไม่มีรถไปยังไง แค่เดินออกไปหน้าปากซอยยังไม่ไหวกันเลยเดี๋ยวนี้ บางทีอ้างฝนตก ถามว่าร่มไม่มีใช้กันเหรอ แล้วประเทศเราตกสักกี่วัน บางคนบ่นร้อนอีก ก็ไม่ต้องไปทำไรแล้วชีวิตนี้ บางทีมีรถมันไม่ได้ตอบโจทย์ความสบายในชีวิตเลย ต้องอดซื้อของอื่นเพื่อมาผ่อนรถ บางคนแทบจะไม่มีเงินเก็บ พอมีวิกฤติทีก็ไปกู้มาดอกเบี้ยโหดๆ รถที่มีก็เก่าไปทุกวันขายก็ไม่ได้ราคา เดี๋ยวนี้เรียกแกรปได้สบาย แต่คนไม่ยอมกันบอกว่าแพงกว่าขับรถ ถามว่าถ้าคิดแค่ผิวเผินมันแพงกว่าจริง แต่ถ้าคิดต้นทุนทั้งหมด เงินที่จมไปกับการผ่อนรถ ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา พวกนี้เป็นค่าใช้จ่ายแฝงไม่เอามาคิดกันเลย
ก็ไม่รู้นะ รถเมล์ เรือ รถไฟฟ้า ที่มีอยู่ปัจจุบัน มันยังไม่ตอบโจทย์คนเมืองหรือว่าคนเมืองยังไม่รู้จักการวางแผนการปรับตัวใช้สิ่งที่มีอยู่ แต่ก่อนเราจะเห็นคนเอาจักรยานไปจอดตามท่าเรือ ป้ายรถเมล์ หรือหน้าหมู่บ้านกันเยอะ เดี๋ยวนี้คือขับรถออกจากบ้าน บางทีติดกันตั้งแต่หน้าหมู่บ้านนี่แหละ พอได้สบายแล้วมันยากที่จะกลับไปลำบากเหมือนเดิมทั้งๆ ที่ค่าใช้จ่ายบางคนแบกรับไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ