เมืองกรุง 5
บทที่ 5
อาจจะเป็นชะตาฟ้าลิขิต คุณทวีเจ้านายของเขามีลูกสาวแสนสวยที่รักและหวงห่วงปานดวงใจอยู่คนหนึ่ง เธอชื่อฟ้า และเป็นฟ้าสมชื่อ ฟ้าที่ไกลเกินมือเอื้อม ฟ้าที่เขาได้แต่แอบมอง
คุณฟ้าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ส่วนตัวเขานั้นเป็นแค่เสมียนต่ำต้อย เป็นลูกจ้างในที่ทำงานของพ่อเธอ ทำไมนะโชคชะตาชอบกลั่นแกล้งเขาเหลือเกิน ใจเขามักจะสั่นรัวยิ่งกว่ากลองเพลทุกครั้งแค่เห็นหน้าคุณฟ้า และคุณฟ้าก็ช่างแสนดีมักจะนำเอาหนังสือดี ๆ ติดมือมาให้เขายืมอ่านด้วยเสมอ ความสัมพันธ์ของเขากับคุณฟ้าเขาไม่กล้าคิดว่ามันคืออะไร แค่ทุกครั้งที่เจอกัน เขามีความสุขอย่างประหลาด สำหรับเขาแค่นี้ก็พอใจแล้ว
“กล้า ... ฟ้าเอาหนังสือมาฝาก เล่มนี้เป็นนิยายขายดีเชียวนะ”
คุณฟ้าเดินมาที่โต๊ะทำงานของเขา และวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา
“ขอบคุณครับ แต่เล่มเก่าผมยังอ่านไม่จบเลยนะครับ”
กล้าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตา
“ไม่เป็นไร ฟ้าอ่านแล้ว กล้าเอาไปอ่านเถอะ สนุกดีนะ อ่านแล้วเดี๋ยวเราจะได้มาคุยกัน”
“ฟ้า..มาแล้วเหรอลูกมานี่เถอะ” คุณทวีเอ่ยเรียกลูกสาว ให้เข้าไปหา พลางมองสบตากล้าด้วยแววตาดุ กล้าได้แต่หลบตาและก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
เลิกงานกล้าเดินกลับวัดเหมือนเดิมเมื่อมาถึงกุฏิเขาก็ต้องแปลกใจที่เห็นรถของคุณทวีเจ้านายจอดอยู่ที่วัด เมื่อเดินเข้าไปในกุฏิเขาก็พบคุณทวีนั่งคุยอยู่กับหลวงพ่อ เขายกมือไหว้แล้วขยับจะเดินเลี่ยงออกไป แต่หลวงพ่อเรียกเขาไว้ให้นั่งอยู่ด้วย คุณทวีหันมามองสบตากล้า แล้วก็ขอตัวหลวงพ่อกลับไป
“กล้า ...” หลวงพ่อกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา ๆ
“แม้นว่าดอกฟ้าจะโน้มกิ่งลงมา แต่เราก็ต้องเจียมตัวนะกล้า โบราณว่ากินบนเรือนอย่าขี้รดหลังคา เคยได้ยินไหม”
“ครับหลวงพ่อ”
“คุณหนูฟ้า เป็นคนแบบนั้นเธอนิสัยดี ไม่ได้คิดอะไรหรอก คุณทวีก็ดีกับเอ็งมาก อย่าทำให้ทุกคนเดือดร้อนล่ะ”
พูดจบหลวงพ่อก็ลุกเข้าไปยังด้านในของกุฏิที่ทำแยกไว้เป็นห้องนอน กล้ามองตามเข้าไปและเขาว่าเขามองเห็นเงาคนอยู่ในห้องนั้น ผ่านประตูกระจกบานเลื่อนสีชา เงานั้นดูเหมือนผู้หญิงผมยาว กล้าสะบัดหัวแล้วด่าตัวเองในใจ
'บ้าแล้วเรา จะเป็นไปได้ยังไง'
กล้านั่งซึมอยู่ตรงมุมห้องที่เขาใช้นอนนิ่งคิดถึงสิ่งที่หลวงพ่อพูด ก็จริงของทุกคน เขามันก็แค่หมาวัด เด็กบ้านนอกยากจน บ้านก็จะพังมิพังแหล่ แม้นจะมีรูปร่างหน้าตาแข็งแรงสมชายชาตรี แต่ก็ใช่ว่าจะหล่อเหลาแบบใครเขา ส่วนคุณฟ้านั้นเธอสวย น่ารัก สง่างาม กิริยามารยาทเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว คำพูดคำจาก็ไพเราะเสนาะรื่นหูยิ่งนัก คำด่า คำสบถ คำหยาบ ไม่เคยมีผ่านออกมาจากปากเล็ก ๆ รูปกระจับสีชมพูเรื่อ ๆ นั้นเลยแม้แต่คำเดียว ถ้าเทียบกับเพื่อนที่ต่างจังหวัดของเขา เรียกว่าฟ้ากับเหวเลยทีเดียว สาว ๆ บ้านเขานั้น พูดคำด่าคำ ยิ่งพวกที่แต่งงานแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง ด่าลูกด่าผัวเก่งกันทุกคน ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม เขาควรทำยังไงดีนะ ใจหนึ่งก็มีความสุขที่ได้ใกล้ชิดพูดคุย แม้จะแค่วันละไม่เกินสามประโยค แต่ก็ทำให้เขานอนหลับฝันหวาน ฝันดีทุกคืน แต่ถ้าเขาไม่ทำตามความต้องการของคุณทวีผู้เป็นเจ้านายและเป็นพ่อของคุณฟ้า เขาอาจตกงาน และคงต้องถือว่าเป็นคนอกตัญญูต่อผู้พระคุณ
“ไอ้กล้า ... “ เสียงเรียกนั้นทำให้กล้าหลุดออกจากภวังค์ เอกหลานของหลวงพ่อนั่นเอง
“เอาเงินมาให้กูสักสามร้อยสิ กูขาดเงิน” มันเอ่ยความต้องการออกมาด้วยสีหน้าท่าทางคล้ายคนขาดยา และกำลังเสี้ยนยาอย่างที่สุด
“เอ่อ ...กูมีแค่สามร้อย แล้วอีกตั้งหลายวันกว่าจะสิ้นเดือน” กล้ากล่าวออกไปไม่ทันจบประโยคดี เอกก็ตรงเข้ามาหยิบกระเป๋าที่กล้าวางไว้ มันค้นเจอเงินสามร้อยตามที่กล้าบอก มันแสยะยิ้มนิดหนึ่งก่อนจะหยิบเงินไปสองร้อย แล้วเอาเงินร้อยหนึ่งที่เหลือปาใส่หน้าเขา
“เอ้า เอาไว้แดก เดี๋ยวจะอดตายซะเปล่า ๆ อะไรวะ ทำงานแต่มีเงินน้อยฉิบหาย” พูดจบมันก็เดินจากไป
กล้านิ่งงัน เขาจะทำยังไงกับชีวิตเขาดีนะ ไหนจะเรื่องคุณฟ้า ไหนจะไอ้เอกหลานของหลวงพ่อ เมืองกรุงที่เขาใฝ่ฝันมุ่งมั่นมา มันไม่เหมือนภาพในฝันของเขาเลยสักนิด
..........