เมืองกรุง 4
บทที่ 4
คืนแรกในเมืองกรุงที่ใฝ่ฝัน แต่เขากลับนอนด้วยความกระสับกระส่ายอาจจะด้วยแปลกที่แปลกทาง หรือเพราะความไม่คุ้นชิน ที่นี่ไม่มีเสียงน้ำค้างพร่างพรมหยดลงบนหลังคาเหมือนที่บ้านนอก หรือเพราะหลังคากระเบื้องมันหนาเกินไป ไม่เหมือนหลังคาจากที่บ้านน้อยของเขา เมื่อเริ่มดึกด้วยความเพลียขณะที่เขากำลังจะเคลิ้มหลับไป พลันเขารู้สึกเหมือนมีมือมาลูบไล้ต้นขาของเขา เบา ๆ เมื่อเขาสะดุ้งลืมตา มันไอ้เอก ไอ้ศิษย์วัดรุ่นพี่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา ในมือของมันถือมีดแวววับเล่มยาวอยู่ ขณะเดียวกันมืออีกข้างของมันก็ลูบไล้ ต้นขาเขาอีกครั้ง เขารู้สึกสะอิดสะเอียดจนแทบอ้วก แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือ
“มึงจะทำอะไรกู”
“ก็แค่คืนนี้กูเหงา และกูอยากได้มึงเป็นเมีย มึงจะให้กูปาดคอมึง เอาเศษเงินมาใช้ แล้วบอกหลวงพ่อว่ามีใครไม่รู้มาทำมึง หรือจะยอมเป็นเมียกู เพื่อความสงบสุขของมึงในวัดนี้ มึงเลือกมา”
มันเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่เขารู้ดีว่ามันเอาจริง เขาจะทำอะไรได้ แค่คืนแรกนรกก็ถามหาเสียแล้ว
ความเจ็บปวดที่ระบมไปทั่วทั้งร่างกายที่เขาได้รับยังไม่อาจเทียบเท่าความเจ็บช้ำในจิตใจ เขานอนน้ำตาไหลตลอดคืน คิดอย่างหมองหม่นถึงชะตากรรมของตัวเอง เขาจะรอดจากเมืองกรุงนี้ไปได้ไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งคับแค้นใจ เช้าอีกวัน เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วลอยลมมาฟังแล้วดูน่ารื่นรมย์เหมาะกับการตื่นไปปฏิบัติภารกิจการงาน แต่กล้ากลับนอนซมด้วยพิษไข้
สายแล้วหลวงพ่อไม่เห็นกล้าออกมาช่วยไปรับของในการบิณฑบาตญาติโยม จึงเดินเข้ามาดู เมื่อเห็นสภาพร่างกายของเขากล้า หลวงพ่อส่ายหน้าแววตาสื่อความเวทนาและพอจะเดาอะไรได้ จึงบอกกับเขาว่า
“พอจะลุกไหวไหม ไป...เก็บของไปนอนที่กุฏิกับหลวงพ่อ”
กล้าพยักหน้า... ค่อย ๆ เอามือทั้งสองข้างยันตัวเองลุกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ยิ่งขยับตัวก็ยิ่งปวดระบมไปทั้งตัว แต่เขาจะไม่ยอมนอนรอรับความทรามจากไอ้เดนนรกเอกนั่นอีกหรอก ยังไงเขาก็ต้องไปจากห้องนี้
ในกุฏิของหลวงพ่อแบ่งเป็นสองส่วน คือมีห้องด้านนอก ที่มีทีวีจอใหญ่ยักษ์ และมีห้องนอนเป็นสัดส่วนอยู่ด้านใน ทั้งห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ หลวงพ่อให้เขาเลือกนอนอยู่ที่ห้องด้านนอกนี้ ที่ปกติหลวงพ่อเอาไว้รับแขก รับกิจนิมนต์ต่าง ๆ กล้าเหลียวมองไปรอบ ๆ ห้อง มันโอ่อ่าสุขสบายกว่าบ้านเพื่อนรวย ๆ ที่บ้านนอกของเขาเสียอีก
เขาเลือกได้มุมหลบสายตาด้านหนึ่งที่ไม่มีของวางอยู่ หยิบเสื่อมาปู แล้วล้มตัวลงนอน หลับไปด้วยพิษไข้
หลายวันต่อมาหลังจากเขาฟื้นไข้ดีแล้ว เขาก็โชคดี ลูกศิษย์ของหลวงพ่อมาถวายสังฆทาน ท่านชื่อ “ทวี” เป็นเจ้าของกิจการน้ำดื่ม เมื่อรู้ว่ากล้ากำลังหางานทำ จึงชักชวนให้ ไปทำงานเป็นเสมียนบัญชีที่บริษัท ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก เมฆหมอกที่เลวร้ายคงจะพัดผ่านไป สิ่งดี ๆ คงกำลังจะเกิดขึ้น กล้ายินดีอย่างที่สุด ถึงแม้เขาจะพลาดท่าเสียทีกับคนเลวอย่างไอ้เอก ซึ่งเป็นหลานของหลวงพ่อ และไม่มีใครทำอะไรมันได้ แต่อย่างน้อยหลวงพ่อก็ยังช่วยเขาโดยการให้มานอนด้วยในกุฏิ ชีวิตนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก
พ่อแม่ที่รักและเคารพ
ผมอยู่กับหลวงพ่อสุขสบายดี อาหารการกินมีไม่ขาด ตอนนี้ผมได้งานทำเป็นเสมียนบัญชีในบริษัทฯ ของลูกศิษย์หลวงพ่อ ที่บังเอิญมารดน้ำมนต์เมื่อเดือนก่อน และเมื่อรู้ว่าผมกำลังหางานทำ ท่านก็เมตตาชวนผมไปทำงานด้วย
พร้อมกับจดหมายนี้ผมแนบธนาณัติจำนวนหนึ่งพันห้าร้อยบาทมาให้พ่อกับแม่ด้วย ผมสุขสบายดีทุกอย่างพ่อกับแม่ไม่ต้องห่วง
รักและคิดถึงครับ
กล้า
กล้าพับจดหมายรวมกับธนาณัติใส่ซองปิดกาวลง จดหมายฉบับแรกพร้อมเงินเดือนบางส่วนที่เขาส่งไปให้พ่อกับแม่ จดหมายที่เขาภาคภูมิใจเหลือเกิน และเขาจะไม่มีวันบอกให้พ่อกับแม่รู้แน่นอนว่าเขาต้องเผชิญกับอะไรบ้างในเมืองกรุงนี้...>>