เมืองกรุง 3
กล้าเดินตามศิษย์วัดรุ่นพี่เข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมมืด ๆ ทันทีที่เปิดประตูเขาแทบผงะกับกลิ่นเหม็นอับของเสื้อผ้าที่วางกองเกลื่อนไปทั่ว เอกศิษย์วัดรุ่นพี่ใช้ตีนกวาดเอาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเหล่านั้นให้ไปกองรวมกันอยู่มุมห้องด้านหนึ่ง
“รกหน่อยนะ มึงก็จัดแจงทำความสะอาดให้ด้วยก็แล้วกัน รีบไปล้างหน้าเตรียมตัวเถอะ จะได้ไปกับหลวงพ่อ ดีเหมือนกันกูจะได้นอนต่อ”
กล้าพยักหน้าแล้วเดินเอากระเป๋าไปวางไว้มุมห้องอีกด้าน ก่อนจะเดินออกไปล้างหน้าล้างตายังห้องน้ำข้าง ๆ เมื่อเขากลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เอกนอนหลับส่งเสียงกรนสนั่น เขาจึงจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะได้รีบไปหาหลวงพ่อ เมื่อเดินออกมากล้าพบหลวงพ่อยืนรออยู่แล้ว จึงรีบเดินไปหยิบย่ามและถังที่หลวงพ่อชี้มือให้หยิบ แล้วรีบเดินตามหลังหลวงพ่อไป
“ใครน่ะเจ้าคะหลวงพ่อ ท่าทางทะมัดทะแมงดีนะ”
หญิงชาวบ้านสูงวัยผมขาวโพลนท่าทางใจดี เอ่ยถามหลังจากใส่บาตรและไหว้ก้มลงรับพรเรียบร้อยแล้ว
“ลูกศิษย์วัดคนใหม่น่ะ เพิ่งมาจากบ้านนอกเมื่อเช้านี้เอง” พูดจบหลวงพ่อก็เดินไปยังบ้านหลังอื่นต่อไป
กล้าเดินหิ้วถังใส่อาหารตามหลวงพ่อไปอย่างทุลักทุเล เขาปวดมือไปหมดทั้งสองข้าง เนื่องจากสลับกันหิ้วถังนั้นไปมา นิ้วมือเกร็งจนเส้นเลือดปูนโปน และตอนนี้มันเป็นรอยบาดหนาขึ้นมาปื้นใหญ่ทั้งสองข้างจนเขาเจ็บไปหมด
วันแรกในเมืองกรุงที่เขาฝันถึง ไกลจากจินตนาการของเขามากเหลือเกิน ภาพชายหนุ่มแต่งตัวดี ทำงานในห้องแอร์ผุดเข้ามาในห้วงความคิด เขาสลัดหัวหันมาจดจ่อกับปัจจุบัน แต่ยิ่งเดินมาไกลเท่าไหร่ของก็มากขึ้นเท่านั้น พอหลวงพ่อเดินเลี้ยววกเพื่อกลับวัด เขาถึงกับเป่าปากออกมาด้วยความโล่งอก
เมื่อกลับถึงวัด เขาถึงกับหน้ามืดจะเป็นลม เอกศิษย์วัดรุ่นพี่มายืนคอยรับถังอาหารอยู่ก่อนแล้ว เขาจึงเดินตามไปเพื่อช่วยจัดเตรียมอาหาร เพื่อให้หลวงพ่อฉันเช้า และสำหรับมื้อเช้าของพวกเขาด้วย เอกแยกอาหารออกเป็นสามชุด ชุดแรกสำหรับหลวงพ่อ มีอาหารจำพวกแกงจืด ผักต้ม และน้ำพริกกับปลาทอด รวมไปถึงผลไม้นิดหน่อย ชุดที่สองมีหมูทอด ไข่พะโล้ แกงเผ็ด และพวกขนมที่น่ากิน ที่กล้าแอบเล็งเอาไว้เหมือนกัน ชุดที่สามเป็นผัดผัก และพวกอาหารที่ดูหน้าตาไม่น่ากิน ไม่ต้องถามเขาก็รู้ว่าอาหารชุดนี้เป็นของใคร กล้าได้แต่ลอบมองหมูทอด ไข่พะโล้แล้วกลืนน้ำลาย เขาบอกกับตัวเองในใจ
“มีกินก็ดีถมไปแล้วดีกว่าอด อย่าเรื่องมาก...เรามาเพื่อทำงาน แม่กับพ่อรออยู่...เราต้องทำให้ได้”
หลังกินข้าวเช้า เขาเก็บจานชามทั้งหมดไปล้าง ก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง ตั้งใจจะนอนเอาแรงสักหน่อย เขาเห็นเอกยืนอยู่ใกล้ ๆ กระเป๋าเดินทางของเขา ใจหายวาบคิดถึงเงินที่แม่ให้มา... เขาลืมเอามันออกจากกระเป๋ากางเกงตัวเดิม เมื่อเอกเห็นเขาก็หันมายิ้มให้แล้วพูดว่า
“หนังสือเยอะนี่ ขอยืมอ่านสักเล่มนะ” พูดจบเอกก็หยิบหนังสือจากกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาไปเล่มหนึ่ง โดยไม่มองแม้แต่หน้าปกว่าชื่อหนังสืออะไร เขารีบรุดเข้าไปนั่งลงข้างกระเป๋าทำทีเป็นหยิบของออกมาจัดเก็บ แต่ที่จริงแล้วใจของเขากำลังจดจ่อกับกางเกงตัวเมื่อเช้าที่เขาผลัดวางไว้ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ใจเต้นรัวจนแทบทะลุออกมานอกอก อุ่นใจขึ้นเมื่อมือสัมผัสกับถุงพลาสติกที่เขามัดไว้กับกระเป๋ากางเกงด้านใน ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก หันไปมองเอก แต่เอกหันหลังให้พร้อมกับอ่านหนังสือในมือ นี่เขาคงคิดมากไป ใจอกุศลโดยแท้ เขาได้แต่กล่าวขอโทษเอกศิษย์วัดรุ่นพี่อยู่ในใจ ก่อนจะเตรียมตัวไปอาบน้ำ เพราะเหนียวตัวเต็มทนหลังจากไปเดินรับบิณฑบาตกับหลวงพ่อ
ขณะที่มือของเขาล้วงหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกจากกระเป๋า สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นกรอบรูปที่ใส่ภาพของพ่อกับแม่ที่เขานำติดตัวมาด้วยเพื่อเป็นแรงใจให้ตัวเอง เขาเอื้อมมือไปหยิบภาพนั้นขึ้นมาลูบไล้ไปบนกระจกตรงตำแหน่งใบหน้าของพ่อและแม่
“ผมจะอดทน จะสู้นะครับพ่อกับแม่ เช้าวันแรกในเมืองกรุงวันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกินที่ผมไม่เคยทำ วันนี้ผมได้รู้ซึ้งเลยว่าพ่อกับแม่ลำบากเพื่อผมมามากขนาดไหน”