ตุ้มขึ้นที่น้องสาว??
ตุ่มขึ้นที่น้องสาว??
ตุ่มขึ้นที่บริเวณน้องสาวอาจจะเกิดจากหลายปัจจัย เช่น
-อาจมีการติดจากเชื้อรา แบคทีเรีย สารระคายเคือง หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ดูแลรักษาอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายตามมาได้ เช่น ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก มีปัญหาสุขภาพขณะตั้งครรภ์หรืออาจจะรุนแรงถึงขั้นทำให้ทารกได้รับโรคติดต่อจากแม่ในขณะที่คลอดได้
สงสัยโรคอะไรบ้าง
1.โรคหิด เกิดจากการที่ร่างกายทำปฏิกริยากับตัวไร จะอาศัยอยู่ทั่วไปตามผิวหนัง หรืออยู่ตามผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน หรือเสื้อผ้า สามารถติดต่อกันได้จากการสัมผัส การใช้สิ่งของร่วมกัน
-อาการคันจากโรคหิดมักจะคันค่อนข้างเยอะในช่วงกลางคืนตรงบริเวณที่คันจะมีตุ่มน้ำเล็กๆ หรือว่ามีตุ่มนูน
-วิธีการรักษา มีทั้งยาทาที่เป็นแบบครีม หรือแบบโลชั่น หรือทาแล้วไม่ได้ผลก็อาจจะเปลี่ยนเป็นแบบกิน
2.ติดเชื้อราในช่องคลอด ผู้หญิงวัยเจริญพันธ์ 75% มักเคยเจอปัญหาติดเชื้อราที่ช่องคลอด สาเหตุส่วนใหญ่มาจากความอับชื้น เรื่องความสะอาดบริเวณช่องคลอด หรือเกิดจากการคุมกำเนิดด้วยยาเม็ดคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมนรวมเป็นเวลานานๆ ติดต่อกันเกิน 5 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่ได้รับฮอร์โมนต่างๆ หรือผู้ที่กินยาปฏิชีวนะบ่อยๆ กินยากดภูมิบ่อยๆ ทำให้ภูมิของร่างกายลดลง หรือในผู้ที่เป็นเบาหวานก็จะมีน้ำตาลเหมาะสมมากในการเลี้ยงเชื้อโรคบริเวณจุดซ่อนเร้น
-อาการ จะคัน ระคายเคือง มีผื่นขึ้นบริเวณปากช่องคลอด สังเกตุว่าลักษณะของผื่นที่ขึ้นจะคล้ายกับผีเสื้อ(กางปีก)ขึ้นบริเวณช่องคลอดและอวัยวะเพศ มีตกขาวแต่ไม่มีกลิ่นจะมีอาการคันค่อนข้างมาก ตกขาวจะรวมตัวกันเป็นก้อนคล้ายๆ โยเกิร์ตคล้ายๆ นมบูด มีอาการแสบร้อนช่องคลอดและมีอาการบวมแดง เจ็บแสบช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์
-วิธีการรักษา มีทั้งยาสอด ยากิน ยาทา
3.เกิดจากการเป็นเริมที่อวัยวะเพศ เริม ถือว่าเป็นโรคผิวหนังไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มักติดต่อได้ง่ายจากการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อโรคติดอยู่ หรือสัมผัสจากเชื้อโรคโดยตรง เกิดจากการถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกก็ได้
เริมมี 2 แบบ
แบบที่ 1 เกิดจากตุ่มบริเวณริมฝีปาก
แบบที่ 2 เกิดบริเวณอวัยวะเพศ
ลักษณะของเริมจะเป็นตุ่มน้ำ เม็ดเล็กๆ ใสๆ มีน้ำอยู่ข้างใน รู้สึกปวดแสบปวดร้อนตรงบริเวณที่เป็นตุ่ม จะขึ้นเป็นตุ่มเล็กๆ หลายๆ ตุ่มเกาะกลุ่มกันเป็นก้อนคล้ายๆ กับพวงองุ่น พอตุ่มน้ำแตกจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน มีน้ำใสๆ ไหลออกมา
-วิธีรักษา ยาและขนาดที่กินจะไม่เท่ากันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
4.โรคหูดหงอนไก่ ถือว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบเจอบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งถ่ายทอดกันจากการมีเพศสัมพันธ์ เกิดขึ้นได้ทั้งบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ในช่องปากหากมีการทำออรัลเซ็กซ์
-ลักษณะของหูดหงอนไก่ จะมีตุ่มหรือก้อนเนื้อขึ้นที่บริเวณที่เป็น ลักษณะจะเหมือนหงอนไก่ เป็นสีแดงๆ นิ่มๆ
-วิธีการรักษา รักษาด้วยยาซึ่งอาจจะเป็นยาทาบริเวณที่เป็นหากว่าเป็นไม่มาก หากหูดไม่ใหญ่มากอาจรักษาด้วยการจี้ความเย็น หากหูดใหญ่มากเป็นเยอะอาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้บ่อย
5.หูดข้าวสุก เกิดจากการติดเชื้อไวรัส อาการก็จะมีตุ่มนูนสีเนื้อ สีขาว สีชมพู มีรอยบุ๋มตรงกลางเล็กน้อย มีอาการเจ็บแสบ คัน บริเวณอวัยวะเพศ
-วิธีการรักษา ส่วนใหญ่จะใช้เป็นยาทาและยากิน หากว่าใช้ยาแล้วไม่ดีขึ้นอาจต้องใช้การจี้ด้วยไฟฟ้า หรือผ่าตัด
6.ผิวหนังอักเสบจากการแพ้ เช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ครีมทาผิว หรือผลิตภัณฑ์ซักชุดชั้นใน โดยเฉพาะน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
-วิธีการรักษา อาจใช้ยาทาเสตียรอยด์ หรืออาจต้องใช้ควบคู่กับยากินด้วย
วิธีการป้องกันไม่ให้ตุ่มขึ้นที่น้องสาว
1.ใช้ถุงยางอนามัย ป้องกันทั้งโรคติดต่อและป้องกันการตั้งครรภ์
2.การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสต่างๆ เช่น โรคหูดหงอนไก่
3.ไม่ควรสวมชุดชั้นในที่รัดแน่นเกินไป รักษาความสะอาดของชุดชั้นใน หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บริเวณจุดซ่อนเร้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาทำความสะอาด โลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำหอมอาจทำให้เกิดการแพ้ได้
4.รักษาความสะอาดของเครื่องใช้ เครื่องนอน เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว เพื่อป้องกันตัวไรที่ไปเกาะอยู่
5.รักษาความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น ล้าง และเช็ดให้แห้งทุกครั้งและไม่ควรสวนล้างช่องคลอด หากมีตุ่มขึ้นที่บริเวณน้องสาว ไม่ควรเกาจะทำให้เชื้อโรคกระจายและหากเป็นแผลจะทำให้เชื้อโรคเข้าไปสู่แผลภายในทำให้อาการลุกลาม
ขอขอบคุณ พยาบาลแม่จ๋า
https://www.youtube.com/watch?v=dqKyyALxWVQ