กลุ่มเส้นด้ายเผย ไม่เกี่ยวข้องกับ ก้าวไกล
สถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ผ่านมาของประเทศไทย ประชาชนมีการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ทำให้สถานพยาบาลไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย บางคนไม่สามารถติดต่อหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรักษาให้ ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตลง เพราะเข้ารับการรักษาไม่ทัน เช่น กรณีของอัพ-กุลทรัพย์ วัฒนผล อดีตนักกีฬา E-Sports และหัวหน้าแคลน VGB (Vagabond Team) เสียชีวิตลงในที่พักของตน เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 ไม่สามารถติดต่อสถานพยาบาลหรือหน่วยงานใดเพื่อรักษาได้ ซึ่งเป็นเหตุที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น รวมถึงในเวลาไล่เลี่ยกันก็เกิดกรณีเช่นนี้อีก สร้างความเสียใจและหดหู่ให้กับใครหลายคน ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของ “กลุ่มเส้นด้าย”
“กลุ่มเส้นด้าย” คือกลุ่มประชาชนอาสาที่เข้ามาช่วยเหลือผู้คนในวิกฤติโควิด-19 ให้กับประชาชนคนที่ไม่มีเส้นในสังคมไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 27 เม.ย.64 โดยตั้งเป้าหมายว่า จะคอยช่วยเหลือประสานงานหาเตียงให้กับผู้ป่วย เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น เส้นด้ายก็จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง แต่ในช่วงจังหวะนี้เป็นช่วงของการเลือกผู้ว่าฯ กทม. และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ส่งผลให้มีการเชื่อมโยงว่ากลุ่มเส้นด้ายเป็นกลุ่มของพรรคการเมืองหรือไม่ ? อย่างไร
ด้านนายภูวกร ศรีเนียน (เจตน์) ผู้บริหารเส้นด้ายคนปัจจุบัน ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พะเยา พรรคอนาคตใหม่ มีสถานะเป็นหลานของ “ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์” อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย (ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคเสมอภาค) และมีบุตรสาวเป็นอดีตไอดอลชื่อดังคือ “แคน” นายิกา ศรีเนียน อดีตสมาชิกวง BNK48 ที่ปัจจุบันเคลื่อนไหวอยู่กับพรรคก้าวไกล กล่าวว่า “เราต้องยืนยันว่า เส้นด้ายไม่ได้ถูกสร้างจากพรรคก้าวไกล ไม่ได้ถูกสร้างจริงๆ แต่ไม่ปฏิเสธว่า บุคคลผู้ร่วมก่อตั้ง คือผม กับคริส ถ้าจิ้มกูเกิลเจอไม่ยาก เรา 2 คนเป็น 27 คนแรก ที่มีส่วนร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เจตน์ อธิบายเน้นย้ำหลายครั้งว่า “เส้นด้าย” ไม่ได้ถูกสร้างจาก “พรรคก้าวไกล” แต่ไม่ปฏิเสธว่า มีอดีตสมาชิกของพรรคอนาคตใหม่ หรือสมาชิกของพรรคก้าวไกลเข้ามามีส่วนร่วม”
เจตน์ กล่าวอีกว่า “ในส่วนคนที่ลงสมัคร ส.ก.ในนามพรรคก้าวไกล และพรรคการเมืองต่าง ๆ คิดเป็น 10% ของทีมงานและเครือข่าย “เส้นด้าย” เท่านั้น มี 12 คนลงสมัคร ส.ก.ในนามพรรคก้าวไกล ดังนั้นผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคก้าวไกลที่เหลืออีก 38 เขต ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “เส้นด้าย” ที่เหลือมี 2 คนสมัคร ส.ก.ในนาม “กลุ่มรักษ์กรุงเทพ” อีก 1 คนสมัครแบบ “อิสระ” และมีแนวร่วมของ “พรรคเพื่อไทย” อีก 2 คน ที่คาดว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. นอกจากนี้ “เส้นด้าย” ยังคลุกคลี แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีก 3 คน ซึ่งในจำนวนนี้ไม่มีชื่อของ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล แต่อย่างใด
เจตน์ ขยายความด้วยว่า “สำหรับอดีตทีมงานเส้นด้าย ที่ไปลงสมัคร ส.ก.ในนามพรรคก้าวไกล ได้ลาออกจากทุกตำแหน่งในเส้นด้ายอย่างเป็นทางการหมดแล้ว และไม่ได้มาข้องเกี่ยวอีก ที่ผ่านมาไม่ได้ลงเฉพาะพื้นที่ตัวเอง แต่ไปลงพื้นที่ทั่วประเทศ ช่วยเหลือคนทุกกลุ่ม ไม่ได้หวังแค่ฐานเสียงของตัวเองเท่านั้น “กล้ายืนยันว่าทุกคนที่ออกจากเส้นด้ายไป ไปลงการเมือง ที่ผ่านมาไปทำงานทั่วประเทศกับเราทั้งหมด” เจตน์ ยืนยัน
ส่วนที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า ผู้สมัคร ส.ก.หลายคนของพรรคก้าวไกล บางคนยังขึ้นโลโก้เส้นด้ายอยู่นั้น เจตน์ อธิบายว่า “ถ้าความจริงอดีตทีมงานเส้นด้าย 12 คนที่ลง ส.ก.กับพรรคก้าวไกล เคยทำงานกับเราจริง ล่มหัวจมท้ายกันมา ผมก็ยอมรับว่าเขาเคยทำงาน เป็นเรื่องที่ กกต. หรือกฎหมายตัดสินว่าทำได้หรือไม่ แต่ในส่วนการขึ้นป้ายนั้นชี้แจงว่า เป็นช่วงคาบเกี่ยวโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” ระบาดตอนปีใหม่ มีหลายคนแอบอ้างชื่อเส้นด้าย จึงต้องตั้งป้ายขึ้นว่า ใครทำงานกับเราจริงบ้าง หลังจากนั้นไม่นานมีการประกาศให้มีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก. ทำให้บางพื้นที่ยังเห็นป้ายทับซ้อนกันอยู่ระหว่างอดีตทีมงานเส้นด้าย ที่ไปลงสมัคร ส.ก.ก้าวไกล คนเคยทำงานกับเราจริง ถ้าไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็ต้องปล่อยไป อันนี้ต้องยอมรับ ยึดความจริงเป็นหลัก ความจริงมันใช่ เขาเคยทำ ก็เคยทำ แต่ไม่ใช่พรรคก้าวไกลทำ ถ้าไปบอกสิ่งนั้น แล้วคนในพื้นที่ หรือชาวบ้านรู้สึกว่า มาทวงบุญคุณ แล้วไม่เลือก ก็เรื่องของเขา หรือบางคนขอบคุณที่เคยช่วย แล้วไปเลือกให้ ก็ให้ประชาชนตัดสิน” ส่วนผมบิดเบือนอดีตไม่ได้ แต่เจตน์เล่าหยิกแกมหยอกว่า “ปัจจุบันพรรคก้าวไกล ยังพยายามต่อสาย เพื่อขอให้เส้นด้ายเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพรรค แต่เขาปฏิเสธอย่างหนักแน่น เพราะเลือกความเป็นกลางทางการเมือง และมุ่งเน้นทำเพื่อประชาชนไปแล้ว”
ชัดเจนสำหรับเจตนารมย์ของกลุ่มเส้นด้าย ที่ตั้งใจทำเพื่อช่วยเหลือสังคมอย่างแท้จริง มิได้มีแอบแฝง หรือเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคก้าวไกลอย่างที่หลายคนกำลังสงสัย