ฝันร้ายกลายเป็นดี จริงเหรอ?
มีใครที่ไม่เคยฝันร้ายบ้าง แอดว่าไม่น่าจะมีนะคะ ทุกคนต้องเคยมีประสบการณ์ฝันร้ายแน่นอน บางครั้งฝันว่ากำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่าง จนตกใจตื่น เหงื่อท่วมเต็มหน้าเหมือนไปวิ่งมาสิบรอบสนาม บางครั้งฝันว่าเจองูหรืองูรัด ซึ่งเค้าบอกว่าจะเจอเนื้อคู่ แต่สำหรับคนกลัวงู มันคือสิ่งที่โคตรน่ากลัว 55555 บางครั้งฝันว่าตกจากที่สูง มีความวูบเสียวสันหลัง กระตุกและตกใจตื่น แล้วสงสัยมั้ยคะว่าทำไมเราถึงฝันร้าย วันนี้มีคำตอบค่ะ
ฝันร้าย (Nightmare) ภาวะในขณะนอนหลับ ที่เกิดการตอบสนองทางอารมณ์ในเชิงลบ เกิดในระยะ rapid eye movement ช่วงนี้เป็นช่วงที่จะเราจะฝันมากกว่าช่วงอื่นๆ เป็นระยะที่ตาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ส่วนสมองของเราจะทำงานใกล้เคียงกับตอนที่เราตื่น โดยเฉพาะสมองส่วนทาลามัส และซีรีบรัมที่ควบคุมการหายใจหยุดการทำงาน และการเคลื่อนไหวของใบหน้า
ฝันร้ายมักจะมีภาพที่ซับซ้อน หรืออาจจะเป็นเรื่องยาวจนบางครั้งตื่นมาไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้ บางคนตื่นมาตอนเช้า พบว่าตัวเองร้องไห้ด้วยความกลัว น้ำตาเต็มหมอน และมีอาการเศร้าตลอดช่วงเช้า และรู้สึกดีขึ้นในตอนสาย ๆ
สาเหตุของฝันร้าย พบว่าร้อยละ 60 เกิดจากความเครียด และวิตกกังวล, ความเจ็บปวดที่เกิดจากการสูญเสียคนรักบางคนอาจมาจากผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ยาแก้ปวด, หรืออาจจะเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป,บางคนอาจมีภาวะหยุดหายใจหรือหายใจผิดจังหวะขณะหลับ, มีปัญหาเรื่องระบบย่อย กินเยอะไปอาหารไม่ย่อยก็อาจจส่งผลใหฝันร้ายได้ และอีกสาเหตุหนึ่งคือการมีปัญหาด้านสุขภาพจิต สิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนให้เราฝันร้ายได้
ถ้าพูดกันตามความเชื่อโบราณ บอกว่าใครที่ฝันร้าย คนโบราณมักจะบอกว่ามันจะกลายเป็นดี ทั้งนี้ก็เพื่อปลอบใจคนที่ฝันร้ายมากกว่า ไม่อยากให้วิตกกังวลและคิดมากกินไป มันคือกุศโลบายอย่างหนึ่งแหละ แต่ถ้าว่ากันตามหลักความจริง เมื่อฝันร้ายไม่ได้กลายเป็นดี เพราหากฝันร้ายบ่อย ๆ มันจะส่งผลต่อสุขภาพจิต ยิ่งเป็นคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลอยู่แล้ว หากฝันร้ายบ่อย ๆ ก็ยังยิ่งทำให้เกิดผลเสียทางด้านจิตใจมากขึ้น
วิธีที่พอจะป้องกันมาให้เราฝันร้าย เช่น งดชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนเข้านอน 4-6 ช่วงโมง รวมถึงอากหารด้วย การอาบน้ำอุ่นจะช่วยให้ผ่อนคลาย การนั่งสมาธิสัก 10-15 นาทีก่อนนอน เอาจะนอนทำสมาธิก็ได้ นี่เป็นเพียงการแก้เบื้องต้นเท่านั้น หากฝันร้ายติดต่อกัน และรู้สึกว่าตัวเองพยายามแก้เล้วแต่มันไม่ได้ผล ควรพบแพทย์ดีที่สุดค่ะ