ย้อนรอย 5 ยุค “มหากาพย์” ผ่านละคร 3 ก๊ก โทรคมนาคมไทย
ย้อนรอย 5 ยุค “มหากาพย์” ผ่านละคร 3 ก๊ก โทรคมนาคมไทย
เรื่องราวอันซับซ้อน วงการโทรคมนาคมไทย ประเด็น 'คลื่นความถี่' ตั้งแต่ยุค 2G จนถึง 5G กลายเป็น มหากาพย์ ต่อเนื่องเป็นระยะมายาวถึง 25 ปี โดยจะเล่าเรื่องต่อจากนี้ ผ่าน ละคร 3 ก๊กโทรคมนาคมไทย เริ่มที่ผู้นำธุรกิจอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย อย่างก๊กแรก คือ เอไอเอส ถือครองรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 มายาวนาน ก๊กสอง ดีแทค มีผู้ถือหุ้นหลัก รัฐวิสาหกิจต่างชาติ และก๊กสุดท้าย คือ ทรู ได้เจอรุ่นพี่ปรามาสในยุคแรกว่า จะสู้กับสิงค์โปร์และนอร์เวย์ได้หรือ!!
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการเปลี่ยนผ่านจากสัมปทาน 2G สู่ประมูล 3G และ 4G กลายเป็นเรื่องราวทั่วโลกต่างศึกษา จนถึงยุคประมูล 5G จนถูกกล่าวขานว่า เป็นการประมูลคลื่นความถี่ที่แพงมากที่สุดในโลก ชะตาธุรกิจโทรคมนาไทย จะ รอดหรือร่วง กสทช. ใหม่จะต้องเรียนรู้อะไรจากมหากาพย์ เราจึงขอพลิกตำรา แบ่งออกมาเป็น 5 ยุค ให้สังคมได้เรียนรู้กัน
ยุคแรก นาย A กับ การผูกขาดตลาด 2G โดยมีตัวละคร 2 ก๊กเป็นสำคัญในยุคเริ่มต้นจัดสรรคลื่นวิธีสัมปทาน
ก๊กแรก : นาย A ได้เปรียบมากที่สุดเป็นรายแรกตั้งแต่ยุค 2G อ้างอิงจากบทความ “มหากาพย์คลื่นความถี่ไทย” โดย TDRI ระบุว่า เป็นการทำสัญญากับ ทศท. ให้นาย A บริการผูกขาดรายเดียว ด้วยวิธีล็อกอีมี ทำให้ยุคนั้นใช้มือถือเครื่องหิ้ว ตปท. ไม่ได้ เห็นได้เลยว่า กำไรไม่ได้มาจากบริการแต่มาจากการขายโทรศัพท์ด้วย
ก๊กสอง : นาย D ได้เข้ามาทำลายตลาดนาย A ปี 2537 ทำสัมปทานผ่าน ก.ส.ท. โดยจ่ายให้รัฐไม่ดีเท่านาย A แต่ได้ปริมาณคลื่นความถี่มากกว่า
(ในยุคนั้น นาย A มีอดีต ผอ. ทศท. เป็นกรรมการบริษท ส่วนนาย D มีอดีตอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข จัดสรรคลื่นความถี่ให้กับ A และ D ประกอบธุรกิจในลักษณะผูกขาดเรื่อยมา)
ยุคที่ 2 ต้มยำกุ้ง นาย A รอด แต่นาย D ร่วง และถือกำเนิดใหม่ของ ก๊ก 3 คือ นาย T
จากวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 ยุคนี้ทำให้นาย D ช็อต หาวิธีรอดตายด้วยการแบ่งขายคลื่นความถี่ ทำให้ A ผูกขาดเป็นผู้นำเจ้าเดียว ได้ส่วนแบ่งตลาดไปทั้งหมด และได้นำไปขายให้กับนาย T ด้วยเช่นกัน กลายเป็นก๊ก 3 เข้าสู่วงการโทรคมนาไทย ผู้บริโภคได้ประโยชน์จากการแข่งขันมากขึ้น ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นตามลำดับ
แต่ความดราม่ายังไม่จบต่อเนื่องยุคต้มยำกุ้ง ความดิ้นรนของทั้ง 2 ก๊กนั้น ได้ขายหุ้นให้กับรัฐวิสาหกิจต่างประเทศคือ เทเลนอร์ และ นอร์เวย์ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในที่สุด
ยุคที่ 3 ยุทธศาสตร์อำนาจรัฐ ลากผู้เล่นรายเล็กออกจากวงการ “บีบหมดสัมปทาน”
ยุคนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านของ ก๊ก 3 คือ นาย T ปัญหาคลื่นความถี่ที่จำกัด และใกล้หมดอายุ 2G จะรอดได้ คือ ต้องประมูล 3G มันคือความหวังที่รายเล็กต้องรอด มีผู้ออกมาคัดค้านการประมูลนี้จากศาลปกครอง เพราะต้องการจัดตั้ง กสทช. ก่อน จากเหตุการณ์นี้ รู้หรือไม่ ประเทศไทย เปิดให้บริการ 3G ช้าที่สุดในโลก ถ่วงความเจริญโทรคมนาไทยหรือไม่!! ความสู้ไม่ถอยของนาย T จัดการเทกโอเวอร์ ฮัทซ์ เพื่อต่อลมหายใจไปอีก 3 ปี และแล้วประเทศไทยเข้าสู่ระบบประมูลคลื่นความถี่ครั้งแรก เริ่มที่ 3G ผ่าน กสทช. ผู้มีหน้าที่กำกับดูแลในเรื่องนี้
ยุคที่ 4 นาย J ม้ามืด ผู้มาช่วงชิง 4G ทำราคาสูงลิ่ว
ดราม่า ประมูลคลื่น 900 MHz ถูกกล่าวไปทั่วโลก จากที่นาย J เข้ามาปั่นราคา หลังจากที่ชนะประมูลด้วยราคาใบคลื่นที่สูงลิ่ว สุดท้ายก็ไม่มาจ่ายเงินตามนัด ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นต้องมารับภาระแทน และมีบทลงโทษนาย J เพียงน้อยนิด ภาครัฐอัญเชิญ นาย A รับใบอนุญาตคลื่นที่นาย J ประมูลไปแทน กลายเป็นผลงานทำให้รัฐได้เงินเข้าเยอะ ถือเป็นเรื่องตลกที่อยากจะมองบนไปถึงเพดานจริงๆ
สุดท้ายยุคที่ 5 อุปสรรคใหม่ผู้รุกรานดิจิทัล (OTT) สู่การเปลี่ยนของผู้นำโทรคมนาคม
ถือได้ว่า กสทช. สร้างประวัติศาสตร์ ประมูล 5G แต่ก็นำมาซึ่งภาระของผู้ประกอบการ การทำกำไรจาก 5G ยังเป็นไปได้ช้ากว่าที่คิด จากภาระต้นทุนที่สูง นาย A มีความได้เปรียบจากขนาดบริษัท การเป็นเจ้าตลาดที่มีกำไรผลประกอบการที่มีมายาวนาน
จากระยะเวลาที่ผ่านมา ก็ยังสงสัยมาตลอดเลือกปฏิบัติสนับสนุนให้ A เป็นผู้ประกอบการที่เหลือรายเดียวหรือไม่ ล่าสุดนาย A ขายหุ้นให้กับทุนพลังงานเพื่อเสริมแกร่งลงทุนให้ตนเอง แล้วอย่างนี้ นาย D และ T มองหน้ากันเลิกลั่ก เพื่อให้อยู่รอดจึงต้องรวมตัวกันมองถึงอนาคตถึงเวลาประเทศไทย ต้องแข่งขันด้านเทคโนโลยีด้านเทคโนโลยี แต่มันมีต้นทุนสูง เป็นสาเหตุของการรวมตัว ซึ่งไม่ได้หวังแข่งแค่ในประเทศเท่านั้น แต่ฝันไกลไปถึงโอกาสตลาดต่างประเทศด้วย เหมือนผู้เล่นโทรคมนาคมหน้าใหม่กลุ่ม OTT เข้ามาแย่งบุกส่วนแบ่งตลาดโทรคมนาคมในไทย
ตลอดระยะเวลาของ 5 ยุคที่ผ่านมา มันก็ชี้ชัดพร้อมขอตั้งคำถามไว้ เพื่อวิงวอนผู้กำกับดูแลชุดใหม่ ส่งเสริมแข็งแกร่งของผู้ประกอบการให้ทัดเทียมอย่างเป็นมากกว่าอยากมีผู้ประกอบการหลายราย จากบทเรียนที่ผ่านมาว่า แทบไม่เหลือสักรายจากผู้ใดที่ได้ตั้งคำถามไปในข้างตน หรือจะอยากให้มีผู้ประกอบการผูกตลาดอยู่เพียงรายเดียวหรือไม่ จะให้มันยังเป็นแบบนี้อีกหรือ!!
----------------------------------------------------------------