ความทรงจำไม่มีวันตาย
ไม่เลย...
สำหรับเรา60ปีมันมากไปแบบนั้นรอลงโลงเลยยังง่ายกว่า
เพราะอะไรน่ะหรอ?
สมัยนี้น่ะมีชีวิตให้ถึง60ปีนี่ยากมากนะ เคสจากพ่อเราเองอายุ62ปีก็จากไปแล้วค่ะ🥲
ในช่วงที่ย่าง60ถึง62เป็นช่วงที่แกทรมานที่สุดเพราะโรคร้าย
ที่หลายคนคิดไม่ถึง มันคือโรคเบาหวานค่ะ
โรคเบาหวานเป็นโรคที่ควบคุมได้ก็จริงแต่ขณะเดียวกันถ้าเป็นเกินระยะแรกแล้วก็ไม่มีทางหายขาดได้ ต้องกินยาตลอดชีวิต
และการกินยามากก็ทำให้ไตเสื่อมกลายมาเป็นโรคไตเพิ่มอีก
พอไตเสื่อมก็เริ่มมีอาการน้ำท่วมปอด
หายไม่ออก หัวใจวายเฉียบพลัน จบค่ะ
ตั้งศาลาได้เลย...
ครอบครัวเราค่อนข้างปลงกับชีวิต ไม่อะไรกับเรื่องความตายสักเท่าไหร่
เสมือนว่าคุณตายเดี๋ยวยังไงสักวันฉันก็ตามคุณไปขึ้นอยู่กับแค่เวลา
ชีวิตคนไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าหรอก
อีกอย่างยิ่งอยู่นานจนถึงขั้นเริ่มขยับตัวไม่ได้นี่น่าสงสารตัวเองนะน่าสงสารคนที่เฝ้าด้วย
คนเจ็บก็เจ็บคนที่ต้องมานั่งดูคนเจ็บก็เจ็บใจค่ะ
ทรมานกันทั้ง2ฝ่าย
เพราะงั้นพอ30ปีเราก็จะลาทุกอย่างไปใช้ชีวิตแบบหลังเกษียณแล้วล่ะ
ไปใช้ตอน60ขยับตัวไปเที่ยวใหนคงลำบากแล้วแหละตัวเราตอนนั้น ซึ่งก็ไม่รู้ด้วยว่าจะอยู่ถึงไหม?
แม้ๆ ความตายมันมีระบบเเจ้งเตือนด้วยหรอคะ?
หลัง30ปีก็ไปใช้ชีวิตให้เต็มที่ดีกว่าค่ะ จะได้ไม่เสียใจภายหลัง
ส่วนเรื่องสามีถึงมีก็อาจไม่เอาลูกถ้าการเงินไม่พร้อม
เรื่องหนี้สินเราไม่มีอยู่แล้ว สามีก็ต้องไม่มีเช่นกัน
คงไม่มีใครอยากให้ลูกตัวเองต้องมาตามล้างตามเช็ดหนี้สินของตัวเองหรอกใช่ไหมค่ะ
คุณต้องมีเงินรึมรดกไว้ให้ลูกสิที่สำคัญต้องสอนเขาว่าใช้ยังไงให้เป็นด้วย
เรื่องนี้คงต้องแสกนหนักหน่อย
ถ้ามีโชคชาตะได้พบเจอกัน ยังไงก็ต้องไม่เกิน35ค่ะ เราไม่อยากเห็นเขาไปเร็วเกิน อยู่กัน20ปีแปบเดียวหนีลงโลงไปล่ะ
อีกหรอกเดียวกับครอบครัวเราเลย🥲
มันเร็วมากขนาดเตรียมรับมือกันไว้อยู่แล้ว แต่เวลาจริงคือร้องไห้เหมือนหมาค่ะ แย่มาก
ไม่ได้นอน3วัน นอนไม่หลับอีกเกือบเดือน กว่าจะเป็นปกติ
ความผูกพันธ์มันเล่นงานหนักมากค่ะ
ทุกวันนี้ยังฝันถึงอยู่เป็นบางครั้ง
ไม่เสียใจค่ะแต่คิดถึงเท่านั้นเอง...
ความทรงจำมันไม่มีวันตาย มันจะอยู่กับเราไปจนวินาทีสุดท้ายค่ะ
ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุดนะคะ
อย่าลืมว่าตอนไป แม้แต่ร่างกายเราก็เอาไปด้วยไม่ได้ค่ะ ถ้าเกิดจะไปแล้วก็อย่าหวงทั้งคนทั้งสิ่งของไว้ เพราะยังไงก็ขนไปด้วยไม่ได้อยู่ดี