ตำนาน "ราชาหนู" หนูที่มีส่วนหางติดกัน ถือว่าเป็นลางร้ายของโรคระบาดที่รุนแรงมาก
ราชาหนู บ้างเรียก พญามุสิก ( rat king) เป็นชื่อของกลุ่มหนูซึ่งมีส่วนหางเชื่อมติดกัน โดยหางของหนูเหล่านี้อาจถูกเลือด โคลน น้ำแข็ง หรืออุจจาระ โปะไว้ด้วยกัน หรืออาจจะถูกมัดไว้เหมือนปม เชื่อกันว่าหนูเหล่านี้ดำรงชีวิตอยู่โดยมีหางติดกันอย่างนั้น ซึ่งจำนวนของหนูในกลุ่มราชาหนูนั้นมีไม่แน่นอน รายงานการพบราชาหนูมีมากที่สุดในประเทศเยอรมนี ในประวัติศาสตร์นั้นถือว่าราชาหนูเป็นลางร้ายของโรคระบาดที่รุนแรงมาก
ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานของราชาหนูที่ยังมีชีวิตอันเชื่อถือได้
ตามพิพิธภัณฑสถานบางแห่งจะมีซากของราชาหนูซึ่งได้รับการเก็บรักษาไว้หรือกลายเป็นมัมมี่ตั้งแสดงต่อสาธารณะ ราชาหนูกลุ่มใหญ่ที่สุดซึ่งมีการตั้งแสดงนั้นอยู่ในพิพิธภัณฑสถาน Mauritianum เมืองอัลเตนบูร์ก รัฐทูริงเง่น ซึ่งเป็นซากที่แห้งเป็นมัมมี่ของหนู 32 ตัวด้วยกัน ราชาหนูกลุ่มนี้ถูกพบในเตาผิงของคนสีข้าวที่บุคไฮม์เมื่อปีพ.ศ. 2371
ที่พิพิธภัณโอทาโกในเมืองดูเนดิน ประเทศนิวซีแลนด์ มีราชาหนูซึ่งพบในพ.ศ. 2473ไว้ ราชาหนูกลุ่มนี้เป็นหนูดำที่ยังโตไม่เต็มที่ซึ่งส่วนหางถูกขนม้าพันไว้ด้วยกัน
ประมาณการว่ารายงานการพบราชาหนูนั้นมีน้อยลงเมื่อหนูสีน้ำตาลได้เข้าแพร่พันธุ์แทนหนูดำ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ในปัจจุบันมีรายงานการพบราชาหนูเพียงน้อยครั้ง โดยครั้งล่าสุดนั้นมีชาวนาพบในประเทศเอสโตเนียเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2548
ซากของราชาหนูที่พิพิธภัณฑวิทยาศาสตร์ Mauritianum
ราชาหนูส่วนใหญ่ที่พบนั้นเป็นหนูดำ แต่ก็เคยมีรายงานการพบราชาหนูที่เป็นกลุ่มหนูชวา ในจังหวัดชวาตะวันตก เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2461 ซึ่งเป็นกลุ่มหนูนาจำนวนสิบตัว นอกจากนั้นยังมีรายงานกรณีที่เป็นสัตว์อื่นๆ เช่น กระรอก อยู่ด้วย
ผู้ศึกษาเรื่องสัตว์ลึกลับ เอ็ม. ชไนเดอร์ ได้เผยแพร่ภาพเอ็กซ์เรย์ของราชาหนูซึ่งชาวนาพบในประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อพ.ศ. 2506 ซึ่งภาพนี้ได้แสดงให้เห็นพังผืดที่เกิดขึ้นบนหางของหนู ทำให้เชื่อได้ว่าหนูในกลุ่มราชาหนูนั้นยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ตามปกติระยะหนึ่ง
อ้างอิงจาก: https://en.wikipedia.org/wiki/Rat_king
https://th.wikipedia.org/wiki/ราชาหนู