อย่ารอจนสายเกินแก้
ความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงที่สุดของเรา คือการแสดงออกถึง "อารมณ์อันฉุนเฉียว" ต่อคนใกล้ตัว
แต่กลับหยิบยื่น "ความอดทนและการให้อภัย" ให้กับคนแปลกหน้า
เรามักเก็บรอยยิ้มให้คนอื่น
แต่กลับเอาหน้าตาที่บูดบึ้งให้คนใกล้ตัว
เจอลูกค้างี่เง่า เรายังต้องยิ้ม แล้วยังต้องขอโทษเขา
แต่พกพาเอาความเคืองแค้นกลับบ้านไป
พอเหยียบเท้าเข้าบ้าน ก็แลดูทุกอย่างขวางหูขวางตาไปหมด ชักสีหน้าใส่คนใกล้ตัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ใครมาสายก็บ่นเขามากไม่ได้
ได้แต่อดทนต่อไป
แต่เวลาจะออกไปไหนกับพ่อแม่
คนแก่ก็คงต้องเชื่องช้าหน่อย
ความจำก็ไม่ค่อยดี ลืมนี่ลืมนู้น
กว่าจะออกจากบ้านก็คงต้องช้าไปบ้าง
แต่อารมณ์บูดบึ้งจากเราได้ระเบิดไปเรียบร้อยแล้ว
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นทุกบ่อยทุกบ่อย หรืออาจจะแทบทุกวัน
อย่าเห็นคนใกล้ตัวเป็นกระโถน
เอาไว้รองรับสิ่งปฏิกูลทางอารมณ์จากเรา
แท้จริงแล้วเราควรที่จะปฏิบัติดีต่อคนใกล้ตัวให้มากที่สุด
เพราะพวกเขามักจะเป็นคนปกป้องเรา ให้อภัยแก่เรา
พอเราอยู่กับบรรยากาศแบบนี้ทุกวี่ทุกวัน
ก็มักจะลืมกิริยามารยาทที่ดีที่ควรจะมีให้กับพวกเขา
ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ สามี ภรรยา หรือคนใกล้ตัวที่ดีกับเรา
มีอะไรไม่พอใจ อารมณ์ที่ฉุนเฉียวก็จะระเบิดออกมา
คงลืมไปว่าพวกเขาคือคนที่ดีกับเรามากที่สุด
พวกเขาคือคนที่เราต้องเอาใจใส่และทะนุถนอมให้ดีที่สุด
อย่ารอจนสายเกินแก้แล้วค่อยมานั่งเสียใจ
เริ่มยื่นความอดทนและอภัยให้พวกเขาตั้งแต่วันนี้
แล้วความสุขรอบตัวเราจะบังเกิดขึ้นได้ไม่ยาก