ทำไม..ไทยถึงมีโอกาสที่จะแพ้เวียดนามในการแข่งขันบนเวทีโลก?
สวัสดีค่ะ ทุกวันนี้ตามโซเชี่ยลต่างๆ มักจะมีการเปรียบเทียบกันระหว่างประเทศไทยกับเวียดนามในแง่มุมต่างๆ อยู่เสมอๆ โดยเฉพาะในเวบไซต์ของต่างประเทศนั้น มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับเวียดนามและไทยกันอย่างมากมาย ทั้งในเรื่องของผู้คน อาหาร กีฬา การท่องเที่ยว หรือแม้แต่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนก็อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่า เวียดนามจะแซงหน้าไทยบนเวทีระดับโลก แล้วทุกคนเคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทำไมชาวเวียดนาม หรือชาวต่างชาติถึงคิดกันเช่นนั้น และเช่นเคยนะคะเราก็ได้ไปหาคำตอบสำหรับคำถามดังกล่าวเพื่อนำมาเล่าสู่กันฟังแล้ว ส่วนความคิดเห็นหรือคำตอบของชาวต่างชาติจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปรับชมรับฟังกันได้เลยค่ะ
ความคิดเห็นแรกนะคะ ผมไม่แน่ใจว่าไทยจะแพ้เวียดนามจริงๆ หรือเปล่านะ แต่เท่าที่ผมเห็นผมเห็นว่าเวียดนามกำลังจะแซงหน้าประเทศไทยในด้านของการลงทุนที่ดึงดูดใจ เหตุผลก็คือความมั่นคงของทีมผู้นำเวียดนามเมื่อเทียบกับประเทศไทยที่มีการรัฐประหารอยู่บ่อยๆ พรรคคอมมิวนิสต์ดูเหมือนกับปีศาจร้าย แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถจัดทำแผนพัฒนาและดำเนินการทุกอย่างไปได้ทั่วประเทศซึ่งผลลัพธ์มันก็เกิดขึ้นจริง ต่างจากประเทศไทยที่กลุ่มชนชั้นสูงต่อสู้กันเองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ทิ้งให้ประชาชนทั่วไปอยู่เบื้องหลัง
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงมาก พวกเขาเป็นประเทศผู้ผลิต เกษตรกร นักธุรกิจ และพวกเขาสามารถทำได้ทุกอย่างตามการร้องขอของผู้ซื้อ ไทยไม่เคยสูญเสียพื้นที่ให้เวียดนาม เศรษฐีพันล้านหมื่นล้านในไทยมีอยู่มากมาย ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ที่เป็นสากลอย่าง Red Bull เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จของไทยเหมือนกัน
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ผมไม่คิดว่าประเทศไทยจะเสียพื้นที่บนเวทีโลกให้กับเวียดนามมากนัก หลังวิกฤตเศรษฐกิจโลกเมื่อปี 2541 ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ พัฒนาเขตเศรษฐกิจ โครงข่ายจราจรใหม่ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และท่าเรือ ส่วนใหญ่มันได้ช่วยให้ประเทศไทยฟื้นตัวขึ้นมาค่อนข้างเร็ว ในทางกลับกัน เวียดนามเองก็ได้พัฒนานแรงงานใหม่ ซึ่งเงื่อนไขของพวกเขาเอื้ออำนวยต่อการลงทุนจากต่างประเทศมากกว่า ดังนั้นเมื่อบริษัทเหล่านี้พิจารณาที่จะสร้างโรงงานแห่งใหม่ พวกเขาจะมีชื่อของเวียดนามอยู่ในตัวเลือกของพวกเขาด้วย
ความคิดเห็นต่อมานะคะ เพราะคนไทยกำลังเดินไปแบบเอื่อยเฉื่อย พวกเขาคิดว่ากำลังเดินหน้า แต่จริงๆ แล้วกำลังเดินถอยหลัง
ความคิดเห็นต่อมานะคะ การบรรยายสรุปของเวียดนามกล่าวถึงแนวโน้มของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้น และสิ่งที่สหรัฐฯ จะได้รับและได้ประโยชน์หากย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนาม หลังจากสี่ทศวรรษนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเวียดนาม ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ ก็ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก หลังสงครามเวียดนามในปี 1975 สหรัฐอเมริกาและเวียดนามได้ประกาศความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 1995 เวียดนามและสหรัฐอเมริกาได้เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 25 ปีเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีและเศรษฐกิจนับตั้งแต่ยุติสงครามเวียดนาม
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ไทยจะแพ้เวียดนามแน่นอน ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา เวียดนามได้ลอกเลียนแบบเศรษฐกิจของจีนอยู่ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือ
1. เศรษฐกิจโดยรวมถูกกำหนดโดยตลาด
2. รัฐชี้นำการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านการลงทุนตามแผนโครงสร้างพื้นฐาน
ในทางกลับกันประเทศไทยถือได้ว่าเป็นเศรษฐกิจตลาดเสรี โดยพื้นฐานแล้วรัฐจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับรายละเอียดของการดำเนินงานทางเศรษฐกิจ สิ่งนี้นำมาซึ่งแง่ลบหลายประการ เช่น
1. โครงสร้างพื้นฐานของไทยเริ่มล้าหลังเวียดนาม และเป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาภาคเอกชนในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่ง หรือ การสร้างแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร เป็นต้น
2. รัฐบาลไทยยึดหลักเศรษฐกิจแบบตลาดและรัฐบาลไม่มีภาคส่วนที่เข้ามาแทรกแซงการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผล ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศจีนมีการระดมตัวผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรและเศรษฐศาสตร์เป็นพิเศษจากเมืองต่างๆ และตั้งให้เป็นผู้นำหมู่บ้านเพื่อที่จะช่วยให้การพัฒนาหมู่บ้านเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเวียดนามเองก็กำลังดำเนินมาตรการที่คล้ายกันกับจีน ในขณะที่ไทยไม่ได้ดำเนินมาตรการดังกล่าว
ดังนั้นความเห็นของผมก็คือว่าหากสิ่งต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไปอยู่แบบนี้ ภายในอีก 20-30 ปีข้างหน้า ถ้าให้มองกันในแง่ของการพัฒนาทางเศรษฐกิจ เวียดนามจะแซงหน้าและทิ้่งประเทศไทยเอาไว้ข้างหลัง
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ในฐานะที่เป็นครูและสอนหนังสือในทั้งสองประเทศ ในด้านของการศึกษา ทำให้ผมรู้ว่าความแตกต่างที่สำคัญระหว่างทั้งสองประเทศคือ เรื่องของการศึกษา และคุณค่าของนักวิชาการ ทัศนคติแบบไทยๆ สบายๆ นั้นน่ารัก แต่ทัศนคติยังนั้นก็ยังคงอยู่ในระบบการศึกษาของไทยด้วย ในเชิงอาชีพชาวเวียดนามเอาจริงเอาจังกับทุกอย่างมากขึ้น ซึ่งมันดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้นด้วย
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ประเทศไทยยังนำหน้าเวียดนามอยู่ แต่จะนำหน้าไปอีกนานแค่ไหนอันนี้ไม่รู้ ตอนนี้พวกเขากำลังนอนหลับอยู่ คนไทยโดยทั่วไปนั้นผ่อนคลายมาก นั่นคือเหตุผลที่คุณไม่ได้ยินอะไรมากมายจากประเทศไทยในตอนนี้นอกจากการทำรัฐประหาร การท่องเที่ยวทางเพศ เวียดนามกำลังลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพเพราะพวกเขามีค่าแรงที่ต่ำกว่า คนเวียดนามทำงานเร็วมาก คนไทยก็ทำงานเร็วและมีประสิทธิภาพสูงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แต่อย่างอื่นผมไม่ได้คิดอย่างนั้น
ความคิดเห็นต่อมานะคะ ผมขอยกาเครดิตส่วนใหญ่ให้คนเวียดนามนะ พวกเขาทำงานหนักและมุ่งเน้นไปที่เป้าหมาย มากกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมันมีส่วนอย่างมากต่ออนาคตของประเทศ และเวียดนามเองก็ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
ความคิดเห็นสุดท้ายสำหรับคลิปนี้นะคะ ชาวเวียดนามทำงานหนักขึ้น เพราะมีลูกหลานชาวจีนในเวียดนามมากกว่าในประเทศไท
ที่มา: https://bit.ly/33ZOek5