จุดเริ่มต้นของการรักชาย
ในช่วงวัยเด็ก ผมเป็นนักกีฬาโรงเรียน ผมมักชอบเตะบอลกับเพื่อนเสมอในวันหยุด บางวันก็ไปตีแบต ตีปิงปอง หรือว่ายน้ำที่ศูนย์เยาวชนแถวดินแดง ผมมีเพื่อนเยอะเลยครับ แต่พอโตขึ้น ต่างก็แยกย้ายไปเรียนต่างโรงเรียน ชีวิตเริ่มห่างหายจากกัน หลายคนเริ่มติดหญิง บางคนก็แต่งงาน ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ในช่วงวัยรุ่น ตอนผมอายุ 13-14 ผมชอบตีปิงปองกันกลุ่มเพื่อนผู้ชายล้วน มักแบ่งเป็น 2 ทีม ทีมละ 5-6 คน แข่งกัน ทีมไหนแพ้ จะโดนดีดไข่ (อัณฑะ) ทั้งทีมรอบวงครับ เพื่อนในทีมส่วนใหญ่ก็มีอายุไล่เลี่ยกันนี่แหละครับ แม้ผมจะตีปิงปองเก่งแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าเกิดเพื่อนในทีมผมมีบางคนที่เป็นจุดอ่อนของทีม ทีมผมก็อาจจะกลายเป็นผู้แพ้ได้ทุกเมื่อ และผมก็ต้องโดนถอดกางเกงในให้ฝ่ายที่ชนะรุมดีดไข่ครับ ฝ่ายผู้ชนะก็จะง้างนิ้วกลางเพื่อสร้างแรงส่งแรงๆ ดีดไปที่ตรงนั้น ฝ่ายที่แพ้ที่โดนดีดถึงจะสะท้านเลยครับ มันเหมือนการดีดลูกแก้วเหมือนเด็กสมัยก่อนที่ชอบเล่นกันเลยหละครับ แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างไข่กับลูกแก้ว คือ ความจุกและความเจ็บปวดครับ แต่มันก็เป็นกติกาที่ตั้งขึ้นมาระหว่างกลุ่มเพื่อน มีชนะบ้าง แพ้บ้าง เป็นธรรมดา แน่นอนไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายแพ้
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งในทีมผม ชื่อ หนุ่ม แม้หนุ่มจะมีอายุเท่าผม แต่หนุ่มมีรูปร่างสูงใหญ่และโตเป็นหนุ่มเร็วกว่าเพื่อนคนอื่นครับ หนุ่มตีปิงปองไม่ค่อยเก่ง จริงๆน่าจะเรียกว่าเก่งน้อยกว่าเพื่อนคนอื่น น่าจะเหมาะสมกว่า ดังนั้น ทีมไหนที่ได้หนุ่มไป ก็จะมีโอกาสแพ้สูงมากเลยครับ ประวัติมันก็บอกแบบนั้นจริงๆ หนุ่มเคยอยู่ในทีมผม ผมก็แพ้ ผมโดนดีดไข่ แต่วันไหน หนุ่มไปอยู่อีกทีม ทีมนั้นก็แพ้จริงๆ การที่ผมได้เล่นปิงปองในช่วงอายุช่วงนี้ ทำให้ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสรีระของหนุ่มชัดเจน ไม่ว่าหนุ่มจะอยู่ฝ่ายไหน ผมก็จะเห็นไข่ของหนุ่ม เห็นอวัยวะเพศของหนุ่มทุกครั้งครับ เนื่องจากหนุ่มโตเป็นหนุ่มเร็วกว่าคนอื่น ทำให้ในช่วงหลังๆก่อนที่เราจะเลิกเล่นปิงปองกัน หนุ่มเกิดความอายเพื่อนๆครับ เนื่องจาก หนุ่มมีขนเพชรขึ้นดกดำมากครับ ต่างจากเพื่อนรุ่นเดียวกันคนอื่นๆ แถมขนาดอวัยวะเพศก็แข็งตัวและยาวใหญ่มากกว่าคนอื่นด้วย จนเพื่อนๆล้อกันอยู่เสมอครับ
การที่ผมเห็นภาพติดตาของอวัยวะเพศของหนุ่ม เพื่อนของผมนี่เอง ทำให้มันกลายเป็นภาพที่ฝังใจผมตั้งแต่วัยรุ่นตอนต้น และกลับกลายเป็นเกย์ในที่สุด ผมเก็บความชอบไว้ภายในใจผม เพื่อไม่ให้คนอื่นล่วงรู้มานานมาก เรื่องทั้งหมดที่ผมถ่ายทอดให้อ่านนั้น เป็นเรื่องประสบการณ์จริงที่ผมเจอมาในชีวิตผม ผมไม่ได้คิดว่าผมผิดปกติ หรือต่างจากคนอื่น ผมกลายเป็นเกย์ไม่แสดงออก และชอบความเป็นชายนับจากนั้น จนภายหลังหลายปีต่อมา ผมถึงจะเข้าใจความเป็นเกย์ ยอมรับความเป็นตัวตนของตัวเอง แต่จะไม่ยอมเปิดเผยคนนี้ให้ใครรู้ แม้แต่คนเดียว