เปิดโลกกว้างทางการศึกษาให้เด็กได้ไปต่ออย่างมั่นใจในโลกยุคใหม่
หากว่าเรามีลูกหลานในวัยมัธยมที่กำลังเคว้ง และสิ้นหวังกับระบบการศึกษาในประเทศที่อาจจะไม่ตอบโจทย์การเรียนและความสนใจในการประกอบอาชีพหรือสร้างทักษะ Skill ด้านอื่นๆ เราควรมองหาลู่ทางใหม่ที่สามารถต่อยอดและเพิ่มพูนความสามารถที่มีอยู่ของเด็กๆวัยนี้ให้พัฒนามากยิ่งขึ้น การได้ออกมาเรียนรู้นอกห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้จากธรรมชาติหรือจากชีวิตจริงๆที่ไม่ได้สวยหรูเหมือนที่ได้ยินมา ทุกความสำเร็จต้องผ่านอุปสรรคที่ยากลำบาก
หากเปรียบเทียบเด็กไทยและเด็กต่างประเทศในแถบทางยุโรปและอเมริกาในวัยใกล้เคียงกันอย่างช่วงมัธยมปลาย เราจะสามารถเห็นถึงความแตกต่างถึงหลักวิธีการคิด ทัศนคติ และการมองโลก การเอาชีวิตรอดในสังคมยุคใหม่ รวมไปถึงการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากภายในจิตใจ ความต่อต้านต่อสิ่งที่ทำ แนวคิดใหม่ๆที่ทำให้คนรุ่นใหม่กลายเป็นประชากรโลก เพราะเทคโนโลยีสื่อสาร ทางด้านอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายระบบดิจิตอลที่เชื่อมโลกไว้ และในอนาคตอันใกล้เราจะมี Metaverse ที่เขามาช่วยให้การติดต่อเสมือนจริงมากยิ่งขึ้น การวางรากฐานการศึกษาต่อในช่วงมัธยมปลายจึงถือเป็นก้าวสำคัญ ยิ่งถ้าลูกหลานเราศึกษาในหลักสูตรของ โรงเรียนมัธยมนานาชาติ เราจะมีทางเลือกที่หลากหลายมากกว่า อีกทั้งยังสามารถเลือกไปต่อยังมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศได้อีกด้วย เมื่อกล่าวถึงโลกยุคใหม่ เว็บไซต์ thematter ได้แชร์ไว้ว่า ในโลกยุคใหม่นั้น มีอะไรบ้าง เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกปี 2021 จาก MIT นั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัคซีน แบตเตอรี่ พลังงาน หรือปัญญาประดิษฐ์แบบใหม่ๆ นี่คือสิ่งที่บางส่วนเกิดขึ้นแล้ววันนี้ และบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นตามมาในอนาคตอันใกล้ ซึ่งทั้งหมดล้วนส่งผลกับชีวิตและอนาคตของเราทุกคนอย่างแน่นอน mRNA Vaccine วัคซีนจากรหัสพันธุกรรม เราโชคดีที่วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงสุด 2 ตัว ที่จะใช้รับมือกับการระบาดของ COVID-19 นั้น พัฒนามาจากเทคโนโลยี mRNA (messenger RNA) ซึ่งเป็นการใช้รหัสพันธุกรรมบางส่วนของเชื้อไวรัสมาฉีดกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ที่ได้รับการพัฒนามาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว เทคโนโลยีนี้ทำให้พัฒนาวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ปกติใช้เวลานานถึง 10-15 ปี แต่ mRNA ทำให้เราได้วัคซีน COVID-19 ในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี การถอดรหัสพันธุกรรมนี้จึงถูกคาดการณ์ว่าจะมีบทบาทสำคัญทางการแพทย์ในอนาคต และเป็นความหวังในการต่อยอดไปสู่การรักษาโรคต่างๆ ที่มีอยู่ อย่างมะเร็ง หรือ HIV ได้ GPT-3 ปัญญาประดิษฐ์ที่เขียนได้เหมือนมนุษย์ ปัญญาประดิษฐ์ด้าน Natural Language Processing (NLP) หรือการเข้าใจภาษามนุษย์ที่เก่งที่สุดในขณะนี้ คือกลุ่ม GPT ซึ่งพัฒนาโดยองค์กรไม่แสวงผลกำไร OpenAI ซึ่งตอนนี้ได้พัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถเขียนประโยคหรือบทความได้ใกล้เคียงมนุษย์ที่สุดจากการคาดเดาถ้อยคำถัดไปบนรูปประโยค บวกเลข แปลภาษา หรือแม้แต่เขียนโค้ดสำหรับสร้าง AI ด้วยกัน เหตุเพราะถูกฝึกจากหนังสือและข้อความบนอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่เข้าใจเนื้อหาและบริบทได้เท่ามนุษย์ เลยยังมีข้อพึงระวังเรื่องอคติ การสร้างข่าวปลอมที่มีความสมจริง และมีโอกาสที่การแสดงผลอย่างไม่สมเหตุสมผลจนสร้างปัญหาได้ จึงยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาต่อ เพียงแต่ก็น่าสนใจว่าเป็น AI ที่มีข้อมูลจากการเรียนรู้จำนวนมาก จนอาจมาแทนที่การเขียนของมนุษย์ในบางประเภทงานได้หรือเปล่า