พาชมตำนาน "ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่" จ.ยโสธร
เชื่อว่าหลายคนเคยฟังนิทานพื้นบ้าน "ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่" มาตั้งแต่เด็กๆ ตอนแรกคิดว่ามันคือนิทานเตือนใจ สอนเรื่องของการมีสติและความกตัญญูต่อบิดามารดา และความโกรธจนขาดสติ ซึ่งนำไปสู่ความหายนะ
หลายคนอาจไม่ทราบว่านิทานพื้นบ้าน "ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่" เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และมีสถานที่จริง ๆ แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าอันไหนคือสถานที่จริงๆกันแน่ เพราะมีหลายสถานที่ตำนานคล้ายกัน บางคนบอกว่าของแท้อยู่ที่วัดทุ่งสะเดาจังหวัดยโสธร
ตำนานธาตุลูกฆ่าแม่ (วัดทุ่งสะเดา) จ.ยโสธร
ตั้งอยู่บ้านสะเดา มีลักษณะเป็นธาตุแบบลาว(ล้านช้าง) ฝีมือช่างพื้นบ้านเป็นธาตุ(เจดีย์)ขนาดเล็กทรงแปดเหลี่ยมประกอบด้วยฐานเอาขัน กล่าวคือเป็นฐานบัวเตี้ยๆที่แตกต่างเป็นบัวค่ำบัวหงายเป็นส่วนตรงกลางเป็นหน้ากระดานที่คอดเล็กเหนือขึ้นไปตกแต่งเป็นบัวหงาย(บัวปากระฆัง)รองรับองค์ระฆังที่ตกแต่งแบบทรงสูงชะลูดขึ้นไปจนถึงส่วนยอดที่เรียวแหลม
เป็นธาตุที่พัฒนาต่อมาจากสี่เหลี่ยมแบบลาว (ล้านช้าง)ที่พบหลายแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนมากสร้างในพุทธศตวรรษที่ ๒๓-๒๔ หรือประมาณ ๒๐๐ กว่าปีมาแล้ว กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนธาตุก่องข้าวน้อยวัดทุ่งสะเดาเป็นโบราณสำคัญของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๕๓ ตอนที่ ๓๔ วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ ๒๔๗๙ และปะกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ ๑๒๖ตอนพิเศษ ๖ง หน้าที่ ๑๑ วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ ๒๕๕๒ มีพื้นที่กำหนดประมาณ ๒ งาน ๒๖ ตารางวา และบูรณะซ่อมแซมเมื่อปี พ.ศ ๒๕๕๕
ข้อสังเกตุ
มีเนื้อที่ แค่ประมาณ 2 งาน เศษ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอื่นๆอยู่ด้วย
เนื้อเรื่อง
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในฤดูฝน มีการเตรียมปักดำกล้าข้าว ทุกครอบครัวจะออกไปไถนาเตรียมการเพาะปลูก มีครอบครัวของชายหนุ่มคนหนึ่งกำพร้าพ่อ ก็จะออกไปปฏิบัติภารกิจเช่นเดียวกัน วันหนึ่งเขาไถนาอยู่นานจนสายตะวันขึ้นสูงแล้ว เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียมากกว่าปกติและหิวข้าวมากกว่าทุกวัน ปกติแล้วแม่ผู้ชราจะมาส่งข้าวให้ทุกวัน แต่วันนี้กลับมาช้าผิดปกติเขาจึงหยุดไถนา เข้ามาพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ปล่อยเจ้าทุยไปกินหญ้า สายตาเหมือนมองไปทางบ้านรอคอยแม่ที่จะมาส่งข้าวด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ ยิ่งสายตะวันขึ้นสูงแดดยิ่งร้อนความหิวกระหายยิ่งทวีคูณขึ้น

ทันใดนั้นเขามองเห็นแม่เดินเลียบมาตามคันนา พร้อมกับก่องข้าวน้อยๆ เขารู้สึกไม่พอใจที่แม่เอาก่องข้าวน้อยนั้นมาช้ามาก ด้วยความหิวกระหายจนตาลายอารมณ์พลุ่งพล่าน เขาคิดว่าในก่องข้าวน้อยนั้นคงกินไม่อิ่มเป็นแน่ จึงเอ่ยต่อว่าแม่ของตนว่า “อีแก่มึงไปทำอะไรอยู่ถึงมาส่งข้าวให้กูกินช้านัก ก่องข้าวก็เอามาแต่ก่องน้อยๆ กูจะกินอิ่มหรือ”
ผู้เป็นแม่เอ่ยปากตอบลูกว่า “ถึงก่องข้าวจะน้อยแต่ก็น้อยต้อนแต้นแน่นในดอกลูกเอ๋ย ลองกินเบิ่งก่อน”
ความหิว ความเหน็ดเหนื่อย ความโมโหหูอื้อตาลาย ไม่ยอมฟังเสียงใดๆเกิดบันดาลโทสะอย่างแรง จึงคว้าได้ไม้เข้าตีแม่ที่แก่ชราล้มลง แล้วเดินไปกินข้าวจนอิ่มแล้วแต่ข้าวยังไม่หมดก่อง
หลังจากรู้สึกตัว จึงรีบไปดูอาการของแม่ เมื่อเห็นว่าแม่ตายแล้ว ชายหนุ่มร้องไห้โฮ สวมกอดร่างของผู้เป็นแม่ สำนึกผิดที่ฆ่าแม่ของตนด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ เมื่อชายหนุ่มปลงศพแม่แล้วขอร้องชักชวนญาติมิตรชาวบ้าน ช่วยกันปั้นอิฐก่อเป็นธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิแม่ไว้จึงให้ชื่อว่า “ธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่” จนตราบทุกวันนี้
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/groups/jangkhaoroiet/permalink/617533086266290/
















