(สปอยเต็ม PART1/3) เมื่อยิปมัน ได้พบกับผู้สำเร็จวิชา "ไทเก็ก"

สวัสดีครับ มาพบกันอีกครั้งที่ช่อง แมงวันมูวี่นะครับ สำหรับวันนี้ ก็เป็นภาพยนตร์จีนเรื่องเดิม ที่เราได้ทำกันมาถึง 3 ภาคแล้ว นั้นก็คือ ยิปมัน ปรมจารย์มวยหย่งชุน ซึ่งในภาคนี้ คือภาคที่ 4 นั้นเองครับ และเป็นภาคสุดท้าย ในฉบับของดอนนี่ เยล ได้แสดงไว้นั้นเอง ซึ่งในหนังอาจจะเล่าย้อนไปย้อนมา ผมก็ขอเล่าเป็นไทม์ไลน์ตรงๆ เลยก็แล้วกัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาครับ.. ไปรับชมกันเลยครบ

หลังจากที่ อ.ยิป ได้เสียภรรยาสุดที่รักไป และตัวเองก็ได้ทราบว่า ตัวเองตอนนี้ก็เป็นมะเร็งที่ลำคอด้วยเช่นกัน เนื่องจากสูบบุหรี่จัด แต่ในช่วงนั้น อ.ยิปมันก็ได้รับการยอมรับจาก สำนักมวยต่างๆ ที่ฝอซาน จนสามารถเปิดสำนักมวยหย่งชุน และมีลูกศิษย์มาเรียนมากมาย จนวันหนึ่ง ได้มีชายแอฟริกันผิวสีคนหนึ่ง ได้เดินทางมาที่สำนัก เมื่อมาถึง ก็เห็นชายคนหนึ่ง กำลังซ้อมกับหุ่นไม้ เขาก็เลยเข้าไปบอกว่า มันไม่ใช่แบบนั้น ก็เลยพยายามจะสอนให้ แต่คนในสำนักงงเป็นไก่ตาแตก ว่าไอ้หมอนี่มันเป็นใคร ผลัดอกกันไปมา สุดท้ายก็ลองปะมือกันในที่สุด

ซึ่งทั้งคู่ ก็ใช้มวยหย่งชุนในการประลอง แต่ลูกเตะสุดท้ายของชายแอฟริกัน ที่ทำท่าเหมือนจะปิดเกมส์ได้ ก็โดน อ.ยิป มาขวางไว้ จนทำให้กระเด็นล้มลงไปในที่สุด เมื่อเขาลุกขึ้นมา และเห็นคนในสำนักเรียนเขาว่า "อาจารย์" ชายคนดังกล่าวก็พุ่งเข้าไปกอดและแนะนำตัวทันที ว่าเขาเอง เป็นลูกศิษย์ของบรุ๊สลี ที่เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์อีกที ที่เขามาวันนี้ เพราะบรุ๊สลี อยากให้ อ.ยิป ไปที่อเมริกา ชมการแข่งขันชกมวย แต่อ.ยิปเองก็แจ้งไปว่าไม่สะดวกที่จะไป ก่อนจะฝากตั๋วไว้กับลูกศิษย์แทน แล้วชิ่งหนีไปทันที

ยิปเช็ง ลูกชายของ อ.ยิป ก็เริ่มมีปัญหากับเพื่อนในโรงเรียนบ่อย ชอบทะเลาะ ชอบตีชอบต่อย ส่วนหนึ่งเขาก็ชอบกังฟูเหมือนพ่อ ซึ่งทางโรงเรียนก็คงต้องให้ทำเรื่องย้ายออกไปเรียนที่อื่น เพราะมีปัญหาเดิมๆ หลายครั้งแล้ว พอกลับมาถึงบ้าน จ่าโป๋ ก็มาหา อ.ยิปที่บ้าน โดยจะฝากจ่าโป๋ ช่วยมาดูแลบ้านให้หน่อย เพราะเขาจะต้องไป อเมริกา ไปหาที่เรียนต่อให้กับยิปเซ็ง แต่ ยิปเช็งบอกว่า เขาไม่อยากไป เขาอยากเรียนกังฟู เขาอยากทำในสิ่งที่เขาชอบ และก็พูดขึ้นมาว่า "ถ้าแม่ยังอยู่ แม่จะไม่มีทางบังคับจิตใจให้ผมทำอะไรแบบนี้แน่นอน" จนทำให้โดน อ.ยิปตบไปที ก่อนจะหนีออกจากบ้านไป โดย จ่าโป๋ ก็มาห้ามไว้ และบอกว่า อย่าไปคิดมาก เด็กๆ ก็แบบนี้ เดี๋ยวจะมาดูแลบ้านให้

เมื่อ อ.ยิป เดินทางมา อเมริกา ก็มาพบกับ อ.เกา ที่เคยเป็น บก. โรงพิมพ์ที่ฝอซาน ซึ่งตอนนี้ เขาได้ย้ายมาทำงานที่อเมริกา และเป็นคนที่มารับ อ.ยิป เพื่อเดินทางไปที่ สมาคมชาวจีน ที่ตั้งอยู่ในไชน่าทาวน์ โดยจุดประสงค์ของการมา เพื่อจะมาขอใบรับรองจากทางสมาคม จะได้นำใบรับรองดังกล่าว พายิปเซ็งมาเรียนที่นี่นั้นเอง เมื่อมาถึง ก็พบ อ.หลอ ผู้ซึ่งเคยปะมือกันมาตั้งแต่ ภาค 2 แต่ตอนนี้ก็เป็นมิตรกันแล้วน้่นเอง

อ.หลอ แนะนำ อาจารย์สำนักมวยต่างๆ ให้ อ.ยิปได้รู้จัก ประธาน หว่าน จงหัว ซึ่งเป็นประธานของสมาคมชาวจีน และผู้ที่สำเร็จวิชาทางด้านมวยไทเก็กอีกด้วย ซึ่ง อ.ยิปเองนั้น กำลังจะเอ่ยปากขอร้องเรื่องใบรับรอง แต่ อ.หว่าน กลับเบรคดังเอี๊ยด และได้หยิบเรื่องของ บรู๊สลี มาพูดว่า เขารับไม่ได้ ที่ บรุ๊สลี ได้สอนกังฟูให้กับชาวอเมริกัน มวยจีน ก็ควรอยู่กับคนจีน แถม บรู๊สลี มันเก่งแค่ไหนกันเชียว ถึงขนาดออกตำรามวยกังฟูเผยแพร่ด้วย ซึ่ง อ.ยิปเอง ก็มองว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่มีการถ่ายทอดมวยให้ชาวโลกได้รับรู้ อ.หว่านเลย พูดว่า "เข้าใจแล้ว ว่าไอ้เจ้าบรู๊สลี มันได้ความมั่นใจ ความหยิ่งทนงตนมาจากใคร"

อ.หว่านเองก็เลยตัดบท เอาเป็นว่า ถ้า อ.ยิป อยากจะอยู่ที่นี่ และอะไรๆ ที่ อ.ยิปต้องการ .. ขอให้ดื่มชาถ้วยนี้ นั้นหมายความว่า ต่อจากนี้ เราจะเป็นพวกเดียวกัน เมื่อหมุนโต๊ะให้แก้วไปทาง อ.ยิป แต่ อ.ยิป รู้สึกว่า นี่คือการดูถูกเจตนารมณ์ ก็เลยหมุนโต๊ะกลับ และขอไม่รับชาถ้วยนี้ อ.หว่าน ก็พูดขึ้นมาว่า ได้ข่าวว่าหย่งชุนมีฝีมือ แต่เอาจริงๆ มันจะแน่สักแค่ไหนเชียว ว่าแล้วก็เลยดันโต๊ะกระจกตรงกลางใส่กัน โดยที่คนทั้งวงได้แต่นั่งดู ด้วยแรงดันของ อ.ยิป และ อ.หว่าน จึงทำให้โต๊ะแตกในที่สุด อ.ยิปเลยขอตัวกลับทันที

เมื่อ อาเกา ได้มาส่ง อ.ยิปที่ห้องพัก แล้วบอกขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ อ.ยิป ก็ไม่ได้โทษ อาเกา โดยอาเกาบอกว่า พรุ่งนี้จะพาไปพบเพื่อน เขาเป็นที่ปรึกษาด้านกฏหมายของโรงพิมพ์ และอาจจะทำใบรับรองให้เราได้ และขอตัวกลับทันที ซึ่ง อ.ยิปเอง ก็เลยโทรกลับไปที่ฝอซาน ตามที่นัดเวลาไว้กับจ่าโป๋ ถามหาลูกชาย แต่ลูกชายก็ไม่ยอมมารับสายโยนา ลูกสาวของ อ.หว่าน ที่พึ่งกลับมาจากโรงเรียน อ.หว่านเองก็ให้มาฝึกรำมวยต่อ ซึ่งจริงๆ โยนาไม่ชอบ เธออยากเต้นเชียร์ลีดเดอร์มากกว่า แต่ อ.หว่าน ก็บอกว่าให้หัดรำไว้ เพราะอีกไม่นานจะมีงานเทศกาลดอกไม้บานที่ไชน่าทาวน์ และโยนา จะต้องขึ้นไปรำมวยไทเก็กโชว์นั้นเอง

วันรุ่งขึ้น ทางอาเกา ได้พา อ.ยิป ไปหาทนายความของโรงพิมพ์ เพื่อร้องขอให้ทำหนังสือรับรองให้ แต่ทางทนายบอกว่า ที่เขาคุยกับอาเกา เพราะเกรงใจเจ้านายแก แกก็เป็นแค่ลูกน้องของเพื่อนฉัน และการที่นายพาใครก็ไม่รู้ มาให้ฉานเขียนใบรับรองให้ ฉานก็ไม่แน่ใจ ว่าไอ้หมอนั้น มันจะกลายเป็นคนหลบหนีเข้าเมืองรึเปล่า ไม่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากฉาน เพราะฉานไม่มีอะไรจะช่วยได้ได้... อาเกาเลยมาขอโทษ อ.ยิปอีกครั้ง แต่ อ.ยิป ก็ไม่ได้ว่าอะไร และก็ให้อาเกา ขับรถพาไปสนามต่อยมวย ในวันที่บรู๊สลีประลองทันที

เมื่อไปถึง ก็เห็นว่าบรู๊สลี กำลังประลองมวยกับสำนักต่างๆ และพร้อมทั้งโชว์อีกหลายโชว์ คนดูก็ปรอมือชอบใจ เมื่อ บรุ๊สลี หันมาเห็น อ.ยิป เลยคำนับให้ และก็แสดงโชว์ถัดไปทันที โดยโชว์ถัดไป เรียกว่า "หมัด 1 นิ้ว" ซึ่งเป็นท่าไม้ตายประจำสำนักหย่งชุน ซึ่งปกติถ้าเราจะอยากต่อยอะไรแรงๆ ก็คงต้องง้างหมัดมาแต่ไกล แต่วิธีการนี้ก็คือ ยืนมือไปสุดลำแขน จากนั้นก็กำหมัด ซึ่งระยะหมัด กับเป้า จะอยู่ห่างกันราวๆ 4-5 เซนเพียงเท่านั้น จากนั้น ก็ใช้หัวไหล่ในการส่งแรงหมัดไปกระทบเป้า ทำให้ผู้ที่โดนถึงกับกระเด็นไปไกลเลยทีเดียว ซึ่งโชว์ดังกล่าว ทำให้บางสำนักพูดว่า "พวกมันก็แค่เตี้ยมกันมาแล้ว"

หลังแข่งเสร็จ บรู๊สลี ก็พา อ.ยิปไปเลี้ยงข้าว และบอกว่า จะให้ลูกศิษย์คนหนึ่ง ออกใบรับรองให้ หลังจากนั้น ก็มีกลุ่มลูกศิษย์ของบรู๊สลีเข้ามาสมทบ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นทหารนาวิก และบอกว่า กำลังหาทางนำกังฟู เข้าไปใช้ในกองทัพ แต่ไม่ทันไร พวกสำนักคาราเต้ที่อยู่ในการแข่งขันเมื่อครู่ ก็เดินกันเข้ามาและบอกว่า "มวยของพวกแกมันปา...่ชัดๆ อยากจะซัดกับกังฟูจังเว้ย".. บรู๊สลีก็เลยบอกว่า.. "โอเค๊..ไปเจอกันตรงซอยโน้น"

เมื่อไปถึง ฝ่ายคาราเต้ก็พร้อมสู้ แต่บรู๊สลีบอกว่า ให้มากันทีเดียว 3 เลย จากนั้นก็ยำใหญ่ใส่ฝ่าตีนคนละดอกสองดอก ร่วงกันไม่เป็นท่า แต่แล้ว ก็มีชายปริศนาในชุดคาราเต้สีเขียวๆ กระโดดเตะหลอดไฟสูงโชว์ ก่อนจะชี้นิ้วเรียกบรู๊สลีให้เข้ามาบวกด้วย จากนั้นก็ถีบประตูเหล็กจนยุบโชว์ไปอีกดอก บรู๊สลีก็พูดว่า "ไปเตะทำไมประตู.. มันตอบโต้แกได้ซะที่ไหน" ว่าแล้วก็ตั้งท่าบวกกันทันที

ซึ่งรูปร่างของบรู๊สลีดูเหมือนจะเสียเปรียบ แค่ความว่องไว และการรับการโจมตีพร้อมสวนกลับสไตล์หย่งชุน ทำให้สามารถรับมือได้อย่างง่ายดายทุกกระบวนท่า เรียกได้ว่า โดนเตะ โดนต่อย ย่อยยับจนเหมือนกระสอบทรายสีเขียว ให้บรู๊สลีซ้อมเป้าเล่น

เมื่อเห็นว่ารับมือไม่ได้ เลยเอากระบองสองท่อนที่เหน็บเอวมาฟาดทันที แต่ก็โดนบรู๊สลี แย่งไปได้อย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายเลยใช่ท่อนเหล็ก แต่ก็แทบตีบรู๊สลีไม่โดนสักครั้ง ฟาดไปฟาดมา จากนั้น ก็ถีบเข้ายอดอก.. จนคาราเต้ชูนิ้วซูฮกว่า เอ็งเจ๋งจริงๆ

ก็ จบไปก่อนนะครับสำหรับพาร์คแรก เนื่องด้วยลงรูปได้จำกัด และผมอยากจะสปอยแบบละเอียด เอาไว้ต่ออีก 2 พาร์คนะครับ ขอบคุณทุกคนมากครับ ... และช่วยแบ่งปันเป็นกำลังใจ เอาตรงๆ "กูอยากมีรายได้" -..- (เหมือนจะมีปัญหาด้านสรรพนาม) ยังไงฝากกดติดตามให้หน่อยนะครับ กูไหว้ล่ะ -/|\- จริงใจแบบตรงๆ กันไป อิๆๆ