10 สุดยอดสิ่งประดิษฐ์มหัศจรรย์ที่หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ / Top 10 Amazing Lost Or Suppressed Inventions
รายการสิ่งประดิษฐ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่หลายชนิดน่าตื่นตาตื่นใจกับคุณสมบัติของมัน แต่ว่าสิ่งประดิษฐ์เกือบทั้งหมดที่ว่า แทบไม่มีใครได้เห็นหรือปรากฏตัวต่อสาธารณะชนเลย มันได้กลายเป็นตำนาน เรื่องเล่าขาน
และไม่แน่ใจว่าทำไมสิ่งประดิษฐ์เหล่านั้นถึงหายไป หรือทำไมหลายฝ่ายไม่ยอมรับนัก
Greek Fire
ไฟกรีกเป็นอาวุธเพลิงที่พัฒนาโดยจักรวรรดิไบแซนไทน์ สมัยยุคกลาง ประมาณศตวรรษที่ 11 ปกติแล้วจะใช้ต่อสู้กับกองทัพเรือ โดยเปลี่ยนสูตรน้ำมันเผาไหม้ที่ไม่มีวันดับ แม้กระทั้งบนผิวน้ำก็ยังติดไฟ วัตถุดิบที่ใช้จุดไฟและกระบวนการทำนั้นเป็นความลับทางการทหาร
และข้อมูลดังกล่าวได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากการล่มสลายของไบแซนไทน์ และแม้ว่ามีบันทึกหลายฉบับเขียนกล่าวว่ามีการใช้มันจริง แต่ไม่ค่อยมีใครรู้การทำงานของมัน ในขณะที่องค์ประกอบทางเคมีของไฟกรีก
ยังคงมีการศึกษาและได้รับความสนใจจากนักประวัติศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ ท่ามกลางความลึกลับที่ยังไม่สามารถไขออกจนถึงปัจจุบัน
Orgone
พลังงานออร์กอน เป็นรูปแบบการตั้งสมมุติฐานของพลังงาน ที่นำเสนอครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 1930 โดยนักจิตวิเคราะห์ ดร.วิลเฮล์ม รีช ที่อ้างว่าพลังงานดังกล่าว เป็นแนวคิดฟลอยด์ในเรื่องความใคร่
โดยเป็นแรงชีวพลังงานสากลหรือพลังงานชีวิตที่สะสมอยู่ในตัวของมนุษย์ ซึ่งต่อมาเขาได้พัฒนาอุปกรณ์สะสมสำหรับการวิจัย เพื่อใช้พลังงานดังกล่าวรักษาโรคต่างๆ ของผู้ป่วยเช่น มะเร็ง นอกจากนี้เขายังอ้างว่าพลังงานออร์กอนดังกล่าว
สามารถเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของธรรมชาติได้อีกด้วย แต่ในช่วงทศวรรษที่ 1950 องค์กรอาหารและยาไม่ยอมรับการรักษาดังกล่าว พร้อมทั้งสั่งให้ทำลายและลบข้อมูล ผลการทดลองเกี่ยวกับพลังงานออร์กอนทั้งหมด
Perpetual Motion
ดร.วิกเตอร์ ชาเบอร์เกอร์ นักประดิษฐ์และนักปรัชญาชาวออสเตรียที่มีผลงานหลายอย่างโดยใช้ปรัชญาธรรมชาติ หากแต่ผลงานของเขานั้นไม่เป็นที่ยอมรับในตะวันตก อีกทั้งหลายคนรู้จักเขาในฐานะทฤษฏีสมคบคิดที่ไม่รู้ว่ามันมีจริงหรือเปล่า
(หนึ่งในผลงานที่รู้จักคือผู้ออกแบบจานบนยูเอฟโอให้นาซี) โดยหนึ่งในนั้นคือสิ่งประดิษฐ์ ที่ครั้งหนึ่งได้อ้างว่าเขาสามารถคิดค้นเครื่องมือหรืออุปกรณ์ ที่เรียกว่า เครื่องจักรนิรันดร์ โดยสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเองตลอดกาล
โดยไม่ต้องรับพลังงานจากภายนอกเลย โดยเขายังกล่าวเสริมอีกว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ที่เครื่องไหวตลอดเวลา โดยไม่สนกฎของฟิสิกส์แนวคิดพลังงานทั้งหมด แต่ต่อมารัฐบาลสหรัฐกลับปฏิเสธสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าว
แต่บอกกลายๆ ว่าเขาสามารถประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ให้พลังงานแทนพลังงานธรรมชาติของโลก หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาถูกจับกุมโดยอเมริกาในข้อหาเป็นสายลับนาซี และถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 9 เดือน
พวกเขายึดเอกสารและต้นแบบสิ่งประดิษฐ์ทั้งหมด และสอบปากคำเพื่อพิจารณากิจกรรมในช่วงสงคราม
Ozone Therapy
ถูกค้นพบโดยนักเคมีชาวเยอรมัน คริสทีอัน ฟรีดริช เชินไบน์ เมื่อปี 1840 โดยเริ่มแรกนั้นมีการใช้โอโซนฆ่าเชื้อและทำความสะอาดห้องผ่าตัด ตลอดจนฆ่าเชื้อโรคในน้ำดื่ม ต่อมาได้มีการนำมาประยุกต์ใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้
โดยดึงเลือดของผู้ป่วยออกมาประมาณ 10 ซีซี แล้วใส่ โอโซน ให้กับเลือดแล้วจึงฉีดกลับที่กล้ามเนื้อสะโพก ซึ่งพบว่าการรักษาได้ผลดี จึงเป็นที่มาของการบำบัดด้วยโอโซนในปัจจุบัน แม้จะมีหลักฐานมากพอสมควรในการ ทดลองรักษาโดยโอโซน
แต่กระนั้นเชื่อหรือไม่ว่าวิธีดังกล่าวยังไม่ได้รับรองจากหน่วยงานสาธารณสุข หรือสมาคมการแพทย์ใดๆ โดยเฉพาะที่อังกฤษและอเมริกา ที่อเมริกาห้ามให้มีเครื่องกำเนิดโอโซนที่ใช้ในการแพทย์มาขายในท้องตลาด
หรือแม้แต่การวิจัยว่าหากมีการวิจัยการรักษาโดยใช้โอโซนจะมีความเสี่ยงต่อการถอดถอนใบอนุญาตทางการแพทย์ ปัจจุบันเรื่องของโอโซนบำบัดยังเป็นความเชื่อที่ยังมีการถกเถียงจากหลายฝ่ายอยู่
Anti-Gravity Device
ในปี 1956 มีรานงานว่า ทาวน์เซนด์โทมัส บราวน์ นักฟิสิกซ์ชาวอเมริกัน มีความก้าวหน้าอย่างมากในการวิจัยเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ เครื่องต่อต้านแรงโน้นถ่วง หรือ ไฟฟ้าแรงโน้มถ่วง โดยมีหลักการที่กระแสไฟฟ้าและการประจุสร้างสนามพลังแม่เหล็กต่อต้านแรงโน้มถ่วง
ส่งผลทำให้วัตถุที่อยู่ในเขตดังกล่าวลอยได้ แม้ผลการทดลองจะจุดประกายให้หลายฝ่ายเกิดความสนใจ และมีหลายรายมีโครงการทดลองเหมือนบราวน์ อีกทั้งหลายคนเชื่อว่าผลการทดลองนี้สามารถอธิบายการมีอยู่และการทำงานของยูเอฟโอได้
แต่กระนั้นหลายคนก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว โดยเฉพาะหลักการนี้ไม่ใช่คำตอบของยูเอฟโอ และปัจจุบันไม่มีหลักฐานยืนยันหรือสนับสนุนการทดลองนี้แต่อย่างใด
Cold Fusion Device
ยูจีน มัลโลฟ นักแสดงที่มีชื่อเสียงและผู้สนับสนุนการวิจัยฟิวชั่นเย็น (โดยฟิวชั่นเย็น หมายถึงกระบวนการนิวเคลียร์ฟิวชัน ในอุณหภูมิต่ำๆ เช่น อุณหภูมิห้อง ฟิวชันเย็นต่างจากกระบวนการฟิวชันที่เกิดใจกลางของดาวฤกษ์ซึ่งต้องมี อุณหภูมิสูงเป็นล้านๆ องศาขึ้นไป)
โดยเขาได้เขียนหนังสือ Fire from Ice ในปี 1898 รายงานเกี่ยวกับรายละเอียดการทดลองดังกล่าวโดย แสตนลี่ย์ พอนส์ และ มาร์ติน เฟลชแมนน์ แห่งมหาลัยยูทาห์ ที่ได้ค้นพบวิธีเหนี่ยวนำให้เกิดฟิวชั่นได้ที่อุณหภูมิห้อง
หากทำได้จริง มนุษยชาติจะมีแหล่งพลังงานใหม่ที่สะอาดให้ใช้กันไม่รู้จบ หากแต่เรื่องของนักวิทยาศาสตร์สองคนดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆทดลองซ้ำตามวิธีที่อ้าง กลับไม่เกิดผลตามที่ทั้งสองรายงาน และนับตั้งแต่นั้นมา "ฟิวชันเย็น"
ก็ถูกขึ้นบัญชีดำ เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง ที่ขัดกับหลักทฤษฎี แม้ปัจจุบันจะมีข่าวว่านักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ออกมาอ้างว่าทำการทดลองฟิวชั่นเย็นสำเร็จแล้วก็ตาม
Water Fuel Cell
ครั้งหนึ่งมีนักประดิษฐ์ชาวอเมริกันคนหนึ่ง ชื่อแสตนลี่ย์ เมเยอร์ ซึ่งอ้างว่าสามารถประดิษฐ์รถ ที่สามารถขับเคลื่อนด้วยน้ำได้ ซึ่งรายงานนี้เคยออกในสถานีโทรทัศน์โอไฮโอที่เขาแสดง โดยใช้รถม้าขนาดเล็ก
และใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงที่เขาประดิษฐ์ขึ้น โดยวิธีแยกน้ำออกมาเป็นก๊าซไฮโดรเจน และ ออกซิเจน โดยไฮโดรเจนจะถูกเผาไหม้และสร้างพลังงานป้อนเข้าไปทำให้เครื่องยนต์ทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม
ต่อมาเขากลับถูกฟ้องโดยสองนักลงทุน เนื่องจากความผิดฐานฉ้อโกง และการใช้น้ำเป็นเชื้อเพลิงเป็นเรื่องโกหก อุปกรณ์ที่เขาแสดงทั้งหมดเป็นเพียงอิเล็กทรอนิกส์ปกติ ผลก็คือเขาแพ้คดี และต้องชดใช้นี้ให้แก่สองนักลงทุนกว่า 25,000 ดอลลาร์
และปี 1998 เขาก็เสียชีวิตอย่างกะทันหัน หลังจากรับประทานอาหารร่วมกับเพื่อนๆ ซึ่งผลการชันสูตรศพ พบว่าเขาเสียชีวิตเพราะหลอดเลือดโป่งพองในสมอง แต่หลายคนไม่เชื่อกับผลชันสูตรนี้ เพราะเค้าไม่ได้เป็นคนดื่มหนัก
และไม่เคยมีอาการของโรคหัวใจเลย จึงคาดกันว่าน่าจะเป็นการสมคบคิดของกลุ่มบริษัทน้ำมันและเจ้าหน้าที่รัฐบางคนนั่นเอง ปัจจุบันสิทธิบัตรของเมเยอร์ก็ยังคงอยู่ หากแต่ไม่มีการยืนยันว่าเรื่องของเขาเป็นของจริง
Earthquake Machine
นิโคลา เทสลา นักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ วิศวกรเครื่องกล และวิศวกรไฟฟ้าที่เปี่ยมด้วยอัจฉริยภาพ มักได้รับการยกย่องเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นนักประดิษฐ์สุดเพี้ยน
ที่ประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์เพี้ยนๆ หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ เครื่องทำแผ่นดินไหว ซึ่งขนาดเล็ก ประมาณ 7 นิ้ว หนักเพียง 2 ปอนด์ เครื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า ออสซิลเลเตอร์เครื่องกลไฟฟ้าของเทสลา ในปี 1898 ซึ่งดำเนินทดสอบกลไก ณ ห้องปฏิบัติการในนิวยอร์ก
โดยใช้หลักการสั่นสะเทือนจากเสียงสะท้อนที่ส่งมาจากเครื่อง ผลก็คือทำให้อาคารรอบๆ ห้องทดสอบสั่นสะเทือนจนเป็นเหตุทำให้ผู้อยู่อาศัยร้องเรียนตำรวจ การทดลองประสบผลสำเร็จดี
แต่กระนั้นเขาก็ถูกบังคับให้ใช้ค้อนใหญ่ทำลายเจ้าเครื่องนี้ในที่สุด สุดท้ายแล้วไม่รู้ว่าทำไมเทสลาถึงได้ประดิษฐ์สิ่งนี้ขึ้น มันจะใช้ทำอะไรกันแน่? เพราะเขาไม่ได้บันทึกเรื่องราวของสิ่งประดิษฐ์นี้เอาไว้
Flexible Glass
แก้วยืดหยุ่นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่หายไปในตำนาน สมัยสมเด็จพระจักรพรรดิโรมัน ไทบีเรียส ซีซาร์ ระหว่างคริสตศักราชที่ 14 - 37 ตามที่นักบุญอิซิดอร์แห่งเซวิลล์ เล่าว่าช่างฝีมือผู้คิดค้นเทคนิคนี้
ได้นำชามดื่มที่ทำจากแก้วยืดหยุ่น มาต่อหน้าซีซาร์ และซีซาร์ก็โยนมันลงบนพื้น หากแต่ชามนั้นไม่แตก เพียงแต่เว้าแหว่งเท่านั้น และช่างฝีมือก็สามารถซ่อมแซมชามนั้นได้อย่างง่ายด้วยค้อนนาดเล็ก
หากแต่เทคนิคดังกล่าวได้หายไป เมื่อช่างฝีมือได้สาบานต่อองค์จักรพรรดิว่าจะไม่ถ่ายทอดให้คนอื่น และมีเขาเท่านั้นที่รู้เทคนิคการผลิต ซีซาร์ก็สั่งประหารชายผู้นี้ เกรงว่าวัสดุดังกล่าว จะบ่อนทำลายมูลค่าของทองคำและเงิน
Chronovision
คุณพ่อเออร์เน็ตติ เป็นนักบวชโรมันคาทอลิคในประเทศอิตาลี ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระไล่ผีในเขตเมืองเวนิส นอกจากนั้นท่านยังเก่งเรื่องภาษาศาสตร์ พระคัมภีร์และดนตรี รวมไปถึงวิทยาศาสตร์ด้วย และในช่วงทศวรรษที่ 1960
ท่านอ้างว่าท่านสามารถสร้างโปรแกรมดูเวลาการเรียงอันดับ ในช่วงทศวรรษที่ 1950 โดยใช้หลักการของเอนรีโก แฟร์มี(นักฟิสิกส์ชาวอิตาลี) และเวอร์เนอร์ ฟอน บราวน์(นักวิทยาศาสตร์เยอรมัน) ต่อมาเครื่องดังกล่าวถูกเรียกว่าChronovision โครโนไวเซอร์
หรือ Time viewer หรือเครื่องดูอนาคต แต่ในที่นี้คือเครื่องดูอดีต โดยอุปกรณ์ที่ว่าสามารถเห็นและได้ยินภาพเหตุการณ์ในอดีตที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งพลังงานแสงและเสียงที่วัตถุเปล่งออกมานั้นถูกบันทึกในสภาพแวดล้อมนั้น
ดังนั้นการใช้โครโนไวเซอร์อย่างเหมาะสม จึงสามารถสร้างภาพและเสียงของเหตุการณ์เฉพาะในอดีตขึ้นมาใหม่ จากพลังงานดังกล่าว ซึ่งท่านและพยานหลายคนอ้างว่า ตนเองได้เห็นภาพอดีตที่เกิดขึ้น เช่น การตรึงกางเขนของพระคริสต์
หรือเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในกรุงโรม ช่วง 169 ปีก่อนคริสตกาล หากแต่เครื่องดังกล่าวนั้นไม่สมควรมีอยู่บนโลก เพราะในปี 1994 ท่านได้เข้าร่วมประชุมผู้เกี่ยวข้องกับสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวที่วาติกัน และตัดสินใจทำลายเครื่องนั้นในที่สุด