มูฟออนชีวิตจากพิษโควิดกันหรือยัง?
ผมทำงานอยู่ที่บ้านมาได้ประมาณ 5 เดือนแล้วครับ ตอนนี้คนรอบตัวเริ่มมีการถกเถียงกันเรื่องประเด็นการกลับมาใช้ชีวิตให้เป็นใกล้เคียงกับความปกติได้แล้วหรือยัง? ก็มีหลายเสียงที่มีความกังวลแตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนที่จะไปตัดสินใจว่าจะกลับมาใช้ชีวิตอย่างไร มาอัพเดตภาพรวมประเทศตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
มาเริ่มจากจำนวนผู้ป่วย-ผู้ติดเชื้อในระลอกเดือนเมษายน 2564 กันก่อนเลยครับ
โดยยึดจากการรายงานผลนี้จะเห็นว่า จำนวนผู้ป่วยและผู้ติดเชื่อภาพรวมของประเทศได้มีแนวโน้มที่ลดลงแล้วทุกกลุ่ม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยเพราะจำนวนยังอยู่ที่หมื่นต้นๆ อยู่เลย
ทีนี้มาดูเรื่องวัคซีนกันบ้างดีกว่า จากที่ทราบกันดีกว่าการฉีดวัคซีนโควิดก็เพื่อต้องการให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ โดยให้คนในประเทศได้รับวัคซีน 60-70 % ของประชากรในประเทศ (หรือชุมชนนั้นๆ)
โดยประเทศไทยเรานั้นมีการฉีดวัคซีนแบบ 1 เข็ม คิดเป็น 51.4% ของจำนวนประชากร ฉีดครบ 2 เข็ม คิดเป็น 33.8% ของจำนวนประชากร ในที่นี้ผมจะไม่ขอยกตัวอย่างเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านนะครับ อยากเน้นมายังที่ประเทศเราเองมากกว่า และถึงแม้ว่าหาทางยังอีกยาวไกลกว่าจะถึง 60-70 % ตามเป้าหมาย แต่คิดว่าก็คงไม่ได้ไกลมากสำหรับวัคซีน เรื่องความเร็วผมไม่ติด ติดก็แต่คุณภาพกับวิธีการบริหารจัดการเท่านั้น
จากสถานการณ์ที่ผมยกขึ้นมานั้น ในทิศทางของโรคระบาดและวัคซีนถือว่ามีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ผมเลยมองว่ามันก็พอที่จะเป็นเหตุผลที่สนับสนุนให้ตัวผมเองกล้าออกที่จะมาใช้ชีวิตได้มากยิ่งขึ้น อีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะผมได้เตรียมตัวและเตรียมใจใช้ชีวิตร่วมกันเจ้าโควิดไว้แล้ว ต่อให้ได้รับวัคซีน มันก็เพียงแค่กันตายไม่ได้กันติด เพียงแต่ว่าเราต้องใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่ ใส่แมส ล้างมือ ไม่ทานอาหารร่วมกับใคร ก็ต้องปฎิบัติให้เป็นนิสัย
โรคนี้มันไม่มีวันหายไปจากโลกนี้หรอกครับ มันแค่อาจจะบรรเทาทุเลาลง เพราะเราสามารถรับมือกับมันได้แค่เท่านั้นเอง ถ้าเรายังกลัวมันอยู่ ไม่กล้าออกไปไหนเหมือนเดิม อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องยากสำหรับประเทศคือ เศรษฐกิจครับ
บอกได้คำเดียวเลยว่า ยับ! เพียงแค่มาตรการเยียวยาช่วยเหลือต่างๆ ไม่พอครับ และถึงแม้ว่าพวกเราจะสามารถลืมตาอ้าปาก กลับมาทำงานค้าขายกันได้ตามปกติ ก็ไม่สามารถที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะกำลังในประเทศเราน้อย ปัจจัยสำคัญก็ยังคงเป็นเรื่องการเปิดประเทศอยู่ดี ผมค่อนข้างที่จะเห็นด้วยกับนโยบายการเปิดประเทศแบบโดยเร็ว เหมือนจะเป็นแสงสว่างเดียวที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจได้
ตอนนี้เศรษฐกิจทั้งโลกก็ไม่ได้ดีนัก แต่ละประเทศก็ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ อยากทำการค้าขาย ส่งออก อยากได้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศกันทั้งนั้น มีอีกหลายโลกที่เขาทำการจูงใจนักท่องเที่ยวกันสุดฤทธิ์ ถ้าประเทศไทยเริ่มช้า ผมเกรงว่าประเทศเราจะเป็นรถไฟตกขบวนเหมือนอย่างวัคซีนก็เป็นได้
มุมของผม ผมไม่อยากให้กลัวนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตรงกันข้ามถ้าผมเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผมอาจจะกลัวประเทศไทยก็ได้ ปริมาณการฉีดวัคซีนยังคือว่าอยู่ในระดับไม่สูงเลย ประเทศต้นทางเขาอาจจะได้รับวัคซีนที่ดีกว่าเราก็ได้
อยากให้ทุกคนมูฟออน เตรียมตัวเตรียมใจเดินหน้าต่อ อย่ากลัวโควิดจนทำให้ชีวิตเราต้องไม่เป็นตัวเอง (แต่ก็ต้องไม่ประมาทดำเนินชีวิตแบบ New Normal จริงๆ นะ)
กลับมาใช้ชีวิต เปิดประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจกันเถอะครับ