7 อันดับมอเตอร์ไฟฟ้าผู้พลิกเกม / Top 7 Game-changer Electric Motors
มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังกล มอเตอร์ที่ใช้งานในปัจจุบัน แต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างออกไป ซึ่งต้องการความเร็ว รอบหรือกำลังงานที่แตกต่างกัน และนี่คือ 7 อันดับมอเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดและน่าทึ่งที่สุด
7. Yamaha Hyper EV
ตั้งแต่ปี 2020 Yamaha Motor ได้พัฒนามอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 35–200 กิโลวัตต์ สำหรับรถยนต์และการใช้งานในอุปกรณ์เคลื่อนไหวอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดบริษัทยังได้พัฒนามอเตอร์ขนาดกะทัดรัดสมรรถนะสูง
ให้กำลังในการขับเคลื่อนสูงถึง 350 กิโลวัตต์ หรือราว 469 แรงม้า (แรงดันใช้งาน 800 โวลต์) โดยมอเตอร์ไฟฟ้า Hyper EV ของค่าย Yamaha มาในรูปแบบซิงโครนัสจับคู่แม่เหล็กถาวรภายใน IPMSM (Internal Permanent Magnets)
มาพร้อมรูปแบบการระบายความร้อนด้วยน้ำมัน เช่นเดียวกับที่ใช้ในเครื่องยนต์สันดาป คุณสมบัติหลักของมอเตอร์ไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้ คือโครงสร้างที่กะทัดรัด ซึ่งถือว่าส่วนประกอบทางกลไกและทางไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบเดียวกัน
โดยรวมเฟืองและอินเวอร์เตอร์ไว้ในชุดเดียว และยังได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อติดตั้งและใช้งานหลายชุดในรถยนต์คันเดียว โดยทาง Yamaha ยืนยันว่า พร้อมผลิตและส่งมอบ มอเตอร์ไฟฟ้า Hyper EV ให้กับลูกค้าที่สนใจในเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน
6. Mahle Induction Motor
มาห์เล บริษัทชิ้นส่วนรถยนต์สัญชาติเยอรมัน กำลังพัฒนามอเตอร์ไฟฟ้าชนิดใหม่ที่ไม่มีแม่เหล็ก แต่ใช้คอยล์ไฟฟ้าในโรเตอร์แทน ซึ่งไม่ต้องการแร่ธาตุหายาก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้การผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเท่านั้น
แต่ยังให้ข้อดีในแง่ของต้นทุนและความปลอดภัยอีกด้วย คุณลักษณะสำคัญของมอเตอร์ใหม่ คือระบบส่งกำลังแบบเหนี่ยวนำและแบบไร้สัมผัส ซึ่งช่วยให้มอเตอร์ทำงานโดยไม่สึกหรอ และมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ความเร็วสูง
ประสิทธิภาพนั้นสูงกว่า 95% ตลอดช่วงความเร็วในการทำงาน ซึ่งเป็นระดับที่ก่อนหน้านี้ มีเพียงรถแข่ง Formula E เท่านั้นที่ทำได้ มาห์เลประสบความสำเร็จ ในการรวมจุดแข็งของแนวคิดมอเตอร์ไฟฟ้าต่างๆ ไว้ในผลิตภัณฑ์เดียว
การพัฒนาใหม่นี้ สามารถปรับขนาดได้ง่าย เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของยานพาหนะหลายขนาด ตั้งแต่รถยนต์ขนาดเล็กไปจนถึงรถบรรทุกขนาดกลาง
5. HPDM 250
บริษัทสตาร์ทอัพในมินนิอาโปลิส พยายามออกแบบมอเตอร์ไฟฟ้า ให้ทรงพลังเท่ากับมอเตอร์ที่ผลิตในปัจจุบัน แต่มีน้ำหนักเพียงหนึ่งในสามหรือน้อยกว่า เรียกว่า H3X HPDM-250 เป็นมอเตอร์แบบบูรณาการ
ที่มีความหนาแน่นพลังงานสูงเป็นพิเศษสำหรับเครื่องบินไฟฟ้า ซึ่งรวมมอเตอร์ไฟฟ้า อินเวอร์เตอร์ และกระปุกเกียร์เสริมเข้าเป็นชุดเดียวที่ทรงพลัง มอเตอร์ไฟฟ้ามีน้ำหนัก 15 กก. และสามารถผลิตพลังงานต่อเนื่องได้ 200 กิโลวัตต์
โดยมีกำลังสูงสุด 250 กิโลวัตต์ นั่นคือ 13.3 kW/kg อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความหนาแน่นของพลังงานที่ไม่ธรรมดา เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องบิน ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนเชิงพาณิชย์เครื่องแรกของโลก Magni500
มีความหนาแน่นพลังงานจำกัดที่ 4.2 kW/kg ในอนาคต H3X Technologies ตั้งใจที่จะเห็นเครื่องยนต์ ติดตั้งกับเครื่องบินไฟฟ้าขนาดเล็กและเครื่องบินหลายใบพัด
4. Turntide Reluctance Motor
Turntide ได้พัฒนาและจดสิทธิบัตร SRM ที่เชื่อมต่อกับคลาวด์ ซึ่งใช้พลังงานเพียงเศษเสี้ยวของมอเตอร์เหนี่ยวนำกระแสสลับแบบ AC แม้ว่าเทคโนโลยีมอเตอร์แรงต้านแม่เหล็ก จะมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่สิบเก้า
สำหรับใช้ในระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูง HVAC แต่มอเตอร์ไม่เคยได้รับการยอมรับในวงกว้าง เพราะพิสูจน์แล้วว่าควบคุมได้ยาก ส่งผลให้เกิดเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนมาก แต่การปรับปรุงบางอย่างเกี่ยวกับกลไก
คือการเพิ่มจำนวนขั้วโรเตอร์ ทำให้มีพื้นที่มากขึ้นบนสเตเตอร์ สำหรับขดลวดทองแดงที่มากขึ้น พร้อมอัลกอริธึมแบบไร้เซ็นเซอร์ของ Smart Motor ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานตลอดช่วงความเร็ว
ตั้งแต่ 100 RPM ถึง 3,600 RPM ปัจจุบันมอเตอร์อัจฉริยะสามารถควบคุมด้วยระบบดิจิทัลและมีประสิทธิภาพมากกว่ามอเตอร์แบบเดิมมาก และประหยัดพลังงานโดยเฉลี่ย 64 เปอร์เซ็นต์
3. Magnax Motor
Magnax บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติเบลเยี่ยม พัฒนาและออกแบบมอเตอร์ฟลักซ์ตามแนวแกน ความเร็วสูง ซึ่งให้ความหนาแน่นของกำลังสูงสุดถึง 15 kW/kg ผลิตภัณฑ์ที่เบาและประหยัดพลังงานมากขึ้นเมื่อเทียบกับมอเตอร์แบบเรเดียล
Magnax นั้นเบากว่าถึง 4 เท่า บางกว่า 3 เท่า ความหนาแน่นของพลังงานมากกว่า 3 ถึง 5 เท่า และให้ช่วงระยะการใช้งานเพิ่มขึ้น เนื่องจากความกะทัดรัดและความยาวในแนวแกนที่สั้น เนื่องจากวิธีการเดินสายไฟมีส่วนสี่เหลี่ยมที่ไม่ใช่ทรงกลม
ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่ ทำให้การบรรจุมีประสิทธิภาพมากขึ้น (90%) และป้องกันการสูญเสียทองแดง โดยมีโรเตอร์แม่เหล็กถาวรสองอัน และสเตเตอร์เป็นแบบไม่มีโยค ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เส้นทางฟลักซ์สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
คอยล์ยังพึ่งพาระบบระบายความร้อนที่ช่วยให้สเตเตอร์รักษาอุณหภูมิที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม็กแน็กซ์ อ้างว่ามอเตอร์เหมาะสำหรับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องบิน
2. Neodyne Transmission
ระบบส่งกำลังแม่เหล็ก เป็นการการแก้ปญหาที่น่าสนใจ สำหรับการใช้งานในระบบอัตราทด เช่นเดียวกับเกียร์แบบกลไก แต่เกียร์ดังกล่าวทำงานได้โดยไม่ต้องสัมผัสทางกลระหว่างโรเตอร์ โดยเฟืองแม่เหล็กอาศัยการทำงานร่วมกันแบบมอดูเลต
ระหว่างฟลักซ์แม่เหล็กที่เกิดจากโรเตอร์ ซึ่งมีข้อได้เปรียบที่เป็นไปได้หลายประการ รวมถึงทนต่อการสึกหรอ ไม่มีเสียงรบกวน และอาจลื่นไถลได้โดยไม่มีความเสียหาย Neodyne ได้แสดงการสาธิตของกระปุกเกียร์ขนาด 160 นิวตันเมตร
ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีประสิทธิภาพ 100 % สามารถรองรับความเร็ว 1,000 รอบต่อนาที โดยมีเสียรบกวนและแรงเสียดทานน้อยมาก และการออกแบบประเภทนี้ อาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับพลังงานลม หรือแม้แต่สลักเกลียวไฟฟ้า
1. Deep Speed
มอเตอร์ไฮโดรเจ็ท Deep Speed เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากที่สุดในตลาด ระบบขับเคลื่อนเรือที่มีระบบขับเคลื่อนไอพ่น ได้รับแรงบันดาลใจจากการบิน การทำงานในน้ำโดยตรง
เครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งร่วมกับระบบขับเคลื่อน มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ควบคุม ชุดแบตเตอรี่ และซอฟต์แวร์เฉพาะ ซึ่งจะลดน้ำหนักและขนาดลง และการติดตั้งนอกเรือสร้างระบบระบายความร้อนที่ดี
มันขจัดเสียงรบกวน การสั่นสะเทือน Deep Speed จะปล่อยน้ำที่ส่วนหน้าของเครื่องเจ็ต น้ำจะเร่งความเร็วขณะไหลผ่านหัวฉีดขนาดเล็กที่ด้านหลัง ใช้ใบพัดบนวงแหวนรอบนอกโดยไม่มีดุมซึ่งหมุนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
DS780 มอเตอร์กำลัง 500kW ใหม่ โดยมีแรงบิด 1,500 นิวตันเมตร ซึ่งมีกำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ 780 แรงม้า และ DS420 ที่เล็กกว่า ด้วยมอเตอร์กำลัง 220kW แรงบิด 560 นิวตันเมตร เทียบเท่า 420 แรงม้า