หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

"Elizabeth Bathory" เพราะ "เลือดหญิงสาว" คือสิ่งที่นางต้องการ

เนื้อหาโดย amity 86

ถ้าเอ่ยถึง "ความสวยความสาว" ที่คืนความอ่อนเยาว์ คงเป็นที่ต้องการของสาวๆทุกๆคน ที่คงไม่อยากแก่ร่วงโรยไปกาลเวลาแน่นอนถ้ามันสามารถหาผลิตภัณฑ์มาช่วยได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าในอดีต "เลือด" นั้นเป็นตัวเชื่อมสำหรับ "ความงาม" ของเธอคนนี้เท่านั้น

ต้นกำเกิดของเธอ
เธอคือ "เอลิซาเบธ บาโธรี่" (Elizabeth Bathory) เกิดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1560 ในเมืองญีร์บาโตร์ (Nyírbátor) ประเทศฮังการี นับเป็นหญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงาม เกิดในตระกูลสูงส่ง มีความฉลาดเฉลียว รู้ภาษา 3 ภาษา ทั้งละติน เยอรมัน และกรีก และสนใจในเรื่องวิทยาศาสตร์ กับดาราศาสตร์ เธออยู่ในตระกูลบาโธรี่ ที่ร่ำรวยและมีอำนาจล้นฟ้า สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแฮบสเบิร์กอันเก่าแก่ของยุโรป ปกครองแคว้นทรานซิลวาเนียมาหลายสมัย

และไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในสมัยก่อนตระกูลเก่าแก่มักจะมีการแต่งงานกันเองในหมู่เครือญาติ เพื่อรักษาทรัพย์สมบัติและอำนาจไว้ ทำให้ผู้ที่สืบสายเลือดมักมีอาการบกพร่องทางจิตเนื่องจากลักษณะทางพันธุกรรมแต่เกิด เช่น โรคฮิสทีเรีย การรักร่วมเพศ การมักมากในกามารมณ์ เธอก็เป็นเช่นเดียวกัน

(และนี่คือรูปวาดของเธอที่ยังหลงเหลืออยู่)

เธอมีจุดอ่อนในเรื่องของสุขภาพคือ "โรคปวดหัวเรื้อรัง"
ในสมัยเด็กเธอเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงจนถึงกับกัดเนื้อที่ไหล่ของสาวใช้ที่เข้ามาพยาบาลดูแลเธอ เมื่อเธอได้ยินเสียงกรีดร้อง มันทำให้อาการปวดหัวของเธอหายเป็นปลิดทิ้ง นับแต่นั้นเมื่อเธอมีอาการปวดหัว เธอก็จะทรมานสาวใช้เพื่อให้ร้องอย่างเจ็บปวด มันจึงเป็นเหมือน "ยาระงับ" ของเธอดีๆนั้นเอง

คู่สมรสของเธอคือใคร ?
พอในปี ค.ศ. 1575 เมื่อเธอมีอายุ 15 ปี ก็ได้แต่งงานกับ "ท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้" ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่มีอายุมากกว่า 11 ปี แต่ก่อนจะแต่งงานเคยมีบันทึกว่าในอดีตเธอเคยพลาดมีลูกมาก่อนเมื่อตอนอายุเพียง 13 ปี แต่การแต่งงานครั้งนี้ก็เป็นการหวังผลทางการเมือง เพราะเมื่อเทียบยศกันแล้ว เธอมียศที่เหนือกว่าเธอจึงปฎิเสธไม่ใช้นามสกุลสามี จากนั้นทั้งคู่ก็ย้ายไปอยู่ที่ปราสาทเซติซในสโลวาเกีย

(และนี่คือหน้าตาสามีเธอ)

แต่ชีวิตสมรสนั้นไม่ได้หวานชื่นเท่าใดนัก แม้ทั้งคู่จะชอบแนวซาดิสทรมานสาวใช้ก็ตาม
เพราะ "ท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้" ต้องออกไปรบในที่ต่างๆไม่ค่อยอยู่ติดปราสาท จึงมิค่อยได้เข้ามาจัดการเรื่องราวภายในมากนัก จึงเป็นช่องว่างให้อลิซาเบธสามารถทำอะไรตามใจชอบได้ ตั้งแต่การคบชู้ หรือประกอบพิธีไสยศาสตร์มนต์ดำในห้องใต้ดิน แต่เวลาที่สามีอยู่ด้วยกัน
ก็มักจะชวนเธอจับคนใช้ในปราสาทมาทรมานอยู่เสมอ ดังนั้นสามีจึงเป็นคนปลูกฝัง "ความซาดิสม์วิตถาร" ให้กับเธอด้วย ทั้งคู่มักสนุกตื่นเต้นกับการทรมานบ่าวไพร่ และสามีก็มักจะเล่าเรื่องการทรมานเชลยชาวเติร์กอย่างโหดเหี้ยมให้นางฟัง นางก็นึกสนุกคิดค้นหาวิธีสยดสยองต่างๆมาทดลองใช้กับคนใช้ของตัวเองบ้าง

ด้านชีวิตคู่ที่สนุกกันกับสามีที่ชอบๆเหมือนกัน..เธอจึงมีลูก 5 คน
ในปี ค.ศ. 1585 ได้ให้กำเนิด
1. "แอนนา นาดาสดี้" 5 ปีต่อมาก็คลอดลูกสาวอีกคนคือ
2. "ออร์โซลยา นาดาสดี้" อีก 4 ปีก็คลอด..
3. "แคเธอรีน นาดาสดี้" ถัดไปอีก 2 ปีก็ได้ลูกอีกคนคือ
4. "แอนดราส์ นาดาสดี้"
5. และคนสุดท้าย "พอล นาดาสดี้"
รวมเป็น 5 คน จนปี ค.ศ. 1598 ก็ปิดอู่ทำหมั้น แต่บางแหล่งข่าวก็บอกว่าจริงๆเธอมีลูกแค่ 2 คน แต่นอกนั้นคือ "ลูกเลี้ยง"

จากนั้นสามีก็มาตาย
ในปี ค.ศ. 1604 "ท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้" ก็เสียชีวิตลงในวัยเพียง 48 ปี ในสนามรบทิ้งทรัพย์สมบัติและอำนาจของตระกูลไว้ในมือของเธอ และเธอกับแม่สามีก็มักมีปัญหากัน โดยลือกันว่าเธอเป็นคนวางยาพิษฆ่าแม่สามีตัวเองด้วย

ความโหดเหี้ยมของเธอเริ่มมากขึ้นหลังสามีตาย
เธอก็ยิ่งโหดเหี้ยม อำมหิต มากขึ้น ความเหี้ยมของเธอ ทำให้ทางการฮังการีต้องส่งคนมาจากในวังเพื่อพิสูจน์ เพราะในช่วงปี ค.ศ. 1602-1604 ช่วงสามียังอยู่ มักมีข่าวลือถึงความโหดร้ายของเธอ กับการหายตัวไปของลูกสาวชาวบ้าน ที่ถูกคนของเธอมารับไปแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย แถมตอนกลางคืนก็จะมีรถขนศพวิ่งเข้าออกปราสาทอยู่บ่อยๆ 

และความชราก็มาเยือนเธอในวัย 45 ปี
ในเช้าวันหนึ่งเธอตื่นมาล้างหน้าแต่งองค์ทรงเครื่อง ทันใดนั้นเธอก็ดูเงาตัวเองในกระจกก็เห็นถึงความชราเข้ามาเยือน เพราะเธออายุปาไป 45 ปีแล้วนี่นา เธอใจหายวาบเพราะเธอยังไม่อยากแก่ ยิ่งทำให้เธอขวนขวายเสาะหายาอายุวัฒนะเพื่อเอาชนะสังขาร แต่ยิ่งหายิ่งไม่พบ เมื่อไม่พบยิ่งหงุดหงิด มันทำให้เธอหงุดหงิดก็ต้องหาทางระบายอารมณ์ ก็ต้องหาเหยื่อมาทรมานเพื่อระบายอารมณ์นั่นเอง

และแล้วจุดเริ่มต้นของความโหดเหี้ยมในการต้องการเลือดมาอาบแทนน้ำก็เริ่มขึ้น
เป็นความซวยของสาวใช้ที่กำลังสางผมให้เธอ แต่เกร็งไปหน่อยจึงออกแรงมากไปดึงผมหลุดติดหวีออกมาหลายเส้น เธอโมโหระเบิดอารมณ์ แล้วใช้เชิงเทียนที่อยู่ใกล้มือทุบสาวใช้ไม่ยั้งมือ ตามหวดด้วยแซ่ผูกปมโลหะใส่เนื้อหนังสาวใช้อย่างเมามัน จนเกี่ยวหนังสาวใช้หลุดกระเด็นออกมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลือดเป็นฝอยสาดกระเซ็นตามตัวเธอ ทำให้สาวใช้ตายเละคาที่

อัศจรรย์บังเกิดเธอตาวาวเปี่ยมสุขทันที เพราะเลือดที่สาวใช้กระเด็นมาใส่นั้น เมื่อให้สาวใช้ต้นห้องอีกคนเอาผ้ามาชุบเช็ดหน้า กลับทำให้ผิวของเธอกลับนุ่มนวลผุดผ่องขึ้น ดั่งสาวแรกรุ่น ละมุนละไม ผิดกับผิวเนื้อส่วนอื่น เธอจึงคิดได้ว่าเลือดสดๆนี่แหละมีคุณสมบัติพิเศษที่จะทำให้เธอเป็นสาวอมตะได้ตลอดกาล และต้องเป็นเลือดสาวแรกรุ่นมันถึงจะได้สัมฤทธิ์ผลอย่างเต็มที่

วิธีการทรมานที่ยกระดับสุดสยอง
เธอจะเลือกเหยื่อด้วยตัวเธอเอง ต้องเป็นสาวบริสุทธิ์แรกรุ่นที่มีอกอวบอิ่ม เธอจะสั่งเชือดและชำแหละเพื่อรีดเลือดให้มากที่สุด บางคนถูกกรีดร่างจนถึงกระดูก หลายคนถูกแหวะอก ผ่าท้องกรีดหัวใจให้เลือดไหลพุ่งเป็นสายน้ำ หรือการใช้เหล็กร้อนเผาลำคอ ใช้เครื่องทรมานบีบหน้าอก หรือบางครั้งเธอก็ใช้มือทั้งสองของตัวเองล้วงเข้าไปในปากแล้วฉีกร่างออกเป็น 2 ซีก เด็กสาวบางคนถ้าคิดหนีก็จะถูกตัดเท้าทิ้ง

เมื่อลูกทาสของคนใช้และเหยื่อตายหมดแล้ว ไม่มีเหยื่ออีกเธอก็ให้ลูกน้องไปตระเวนล่อลวงเอาสาวชาวบ้านตามชนบทมา ชาวบ้านที่ยากจนก็ดีใจส่งลูกสาวให้มาทำงานในปราสาท เด็กสาวดีใจที่จะได้เข้าปราสาทแต่หารู้มั้ย นั่นคือจะไม่มีวันได้กลับออกมาอีกเลย เธอมีสาวใช้ 2 คนชื่อ "นางดอลค์" และ "นางรีโอน่า" จะเป็นคนสังหารเหยื่อแล้วนำเลือดมาชโลมผิวให้กับนายหญิง แต่บางทีกว่าเลือดจะเต็มอ่างก็ช้าไม่ทันใจเธอ เธอก็จัดการปาดคอเด็กสาวให้เลือดกระฉูดไหลใส่ตัวเองเหมือนฝักบัวเลือดซะเลย ถ้าเหยื่อกรีดร้องน่ารำคาญ ก็จะถูกเย็บปิดปากไปซะ

และเคยมีบันทึกงานฉลองที่เธอจัดขึ้น โดยรวบรวมเด็กสาวหน้าตาดีจำนวน 60 คนมางานเลี้ยง แต่พองานเลี้ยงถึงเวลาสิ้นสุด ประตูก็ถูกปิดตายก็ให้พวกทหารเข้ามา จับเด็กสาว "ข่มขืน" แล้วแทงด้วยมีด บางคนก็โดนตัดหัว ตัดแขน ตัดขาจนตาย ศพและชิ้นส่วนก็รวบรวมมากรองเลือดใส่อ่างให้เธอได้แช่อาบ 

เครื่องมือทรมานเหยื่อ
 
เครื่องมือทรมานที่มีชื่อเสียงชิ้นหนึ่งก็คือ "Iron Maiden" ไอรอนมายเด็น นั่นเอง ทำโดยช่างทำนาฬิกาที่ถูกเรียกมาจากเยอรมันเพื่อทำเครื่องนี้โดยเฉพาะ เป็นเครื่องที่ผู้ที่ถูกตุ๊กตากอดก็จะถูกขังข้างในโดยมีเข็ม 5 เล่มไว้ทิ่มแทง เพื่อคั้นเลือดออกมาจนตาย



แต่เครื่องทรมานนี้ไม่ค่อยได้ถูกใช้งานจริงมากนัก เพราะเข็มมักทื่อเสียหมดจนเป็นสนิมจากเลือด เธอจึงให้สร้างกรงเหล็กขนาดใหญ่แทนที่มีเข็มแหลมอยู่ในกรง กรงจะถูกเฟืองโซ่ยกขึ้นสูงโดยมีเหยื่อเด็กสาวอยู่ข้าในเมื่อเหยื่อเขย่ากรง เลือดก็จะกระจายลงมาสู่เธอเป็นฝนเลือด

เหยื่อที่ถูกฆ่ามีมากถึง 605 คน
ผ่านไปเกือบ 5 ปี ลูกสาวชาวไร่ชาวนาก็หายกันไปจนหมดสิ้น จนเธอต้องหันไปหาพวกธิดาของพวกผู้ดีมีตระกูลแทน เพราะบ่าวไพร่หมดปัญญาในการหาเหยื่อและหมดปัญญาในการเอาศพไปทิ้งเพื่อไม่ให้ใครเห็นเพราะเหยื่อมีมากมาย ก่ายกองจนบางทีก็ต้องออกไปตอนกลางคืนโยนศพเพื่อให้ฝูงหมาป่ารุมกิน แต่พอหมาป่ากินไม่หมดเหยื่อพวกนี้ก็เลยเป็นการประจาน จนทำให้ชาวบ้านและญาติๆตามหาสาวน้อยของพวกเธอ จนเห็นภาพอันน่าสยดสยอง จึงล่ำลืดพากันคิดว่าในป่านี้มีผีดิบดูดเลือดอยู่



และวีรบุรุษก็มาคลี่คลายคดีนั่นก็คือ..
"พระเจ้าแมทเทียสที่ 2" ที่เข้ามาจัดการกับคดีด้วยตัวเอง พอเดือน ธ.ค. ปี 1610 โดย "มาร์ควิสเธอร์โซ" ญาติของเธอพาไปยังห้องใต้ดินของปราสาทเซติช ก็ต้องผงะตกใจกับเครื่องทรมานจำนวนนับไม่ถ้วน รอยเลือดที่สาดกระเซ็นแทบทุกพื้นที่ กับศพกองเป็นภูเขาอย่างน่าสยดสยอง แต่ละศพแทบจะไม่มีชิ้นดี ทั้งแหลกเหลว เป็นรูตามเนื้อหนัง สภาพเละจากการถูกทุบ กลิ่นเลือดกลิ่นเน่าอบอวลไปทั่วทั้งห้อง เด็กสาวบางคนก็โชคดียังพอมีลมหายใจรวยรินก็ถูกช่วยออกมาได้ หรือหญิงสาวบางคนก็เสียสติวิกลจิตไปเลยก็มี

จุดจบของ "เอลิซาเบธ บาโธรี่" ในบั้นปลายชีวิตโดนขังอย่างโดดเดี่ยว
เธอถูกสอบสวนในปี ค.ศ. 1610 ทุกคนทั้งชาวนาชาวไร่ บรรดาผู้ดีมีตระกูลต่างก็อาฆาตแค้น ญาติสนิทของเธอก็โกรธเคืองเธออย่างหนักว่าเธอนั้นซาดิสท์ ทำให้วงตระกูลบาโธรี่เสื่อมเสียอย่างมาก ไม่มีอำนาจใดมาช่วยเธอในคราบผีห่าซาตานให้พ้นผิดไปได้แล้ว ส่วนคนที่ร่วมมือกับนางก็ถูกสังหารโดยการจับเผาทั้งเป็นในที่สาธารณะ รวมถึงสาวใช้ 2 คนด้วย

พอ ม.ค. 1611 การไต่สวนคดีของเธอก็ถูกจัดขึ้นที่พิซเซ่ แต่เธอไม่ต้องมาขึ้นศาลด้วยตนเอง และเนื่องจากฎีกาของตระกูลบาโธรี่ เธอจึงรอดพ้นจากการถูกประหาร แต่เธอถูกลากกลับไปยังปราสาทเซติซของเธอ ให้อยู่ในห้องเล็กๆห้องหนึ่ง แล้วก่ออิฐปิดหน้าต่างและประตูทั้งหมด โบกปูนปิดตายตลอดชีวิต เพื่อไม่ให้เธอหลุดออกมาทำอันตรายใครได้อีก คงเหลือไว้เพียงช่องเล็กนิดเดียวที่พอสอดอาหารและน้ำส่งให้เท่านั้น เธอโดนขังโดยไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอย่างแสนทรมานสาหัสนานถึง 4 ปี

จนเมื่อวันที่  21 ส.ค. 1614 ก็เป็นวันจบชีวิตของ "เอลิซาเบธ บาโธรี่" ที่ "ปราสาทเซติซ บนภูเขาคาร์ลปาเชีย ในสโลวาเกีย" ที่ซึ่งในอดีตคือสถานที่สังหารเหยื่อของเธอ เธอจึงได้ฉายาว่า "เคานท์สาวกระหายเลือด" จึงปิดตำนาน "ความงามอ่อนเยาว์" จาก "เลือด" ไปนับตั้งแต่นั้น และได้ถูกบันทึกว่าเป็นฆาตกรที่ฆ่าเหยื่อมากที่สุดในโลกจนไม่มีใครทำลายสถิติของเธอได้

เนื้อหาโดย: amity 86
ขอบคุณภาพและเนื้อหา : กูลเกิล, ซ็อกเกอร์ชัค, เรื่องลี้ลับ
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
amity 86's profile


โพสท์โดย: amity 86
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
30 VOTES (5/5 จาก 6 คน)
VOTED: เดอะมู๋มี่วิธเดอะอี, แสร์, โยนี มีเงิน, มือพิฆาตสลิ่ม, ยอน มาราเธ็ด, ชตระกูล ศรีสวัสดิ์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เตือนแล้วไม่ฟัง ต้องบังให้มิดช็อตฮาประชาชี : บ้านญาติบรรยากาศแบบนี้ ต้องหาคนมานอนเป็นเพื่อนหน่อยเน่อ ไม่งั้นหลอนแน่ๆป่วน ! 3 จว.ใต้ ใบปลิวเกลื่อนยะลา ขณะที่ชาวบ้านไปละหมาดวันศุกร์
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
แล้งหนัก...ประปาไร้น้ำ เกาะพีพีต้องซื้อน้ำใช้ช็อตฮาประชาชี : บ้านญาติบรรยากาศแบบนี้ ต้องหาคนมานอนเป็นเพื่อนหน่อยเน่อ ไม่งั้นหลอนแน่ๆอดีตผู้บริหารหญิง Google ไทย เมาแล้วขับ ลาออกเมื่อต้นปี..ทั้งนี้ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
Huawei ทวงคืนบัลลังก์! ขึ้นแท่นอันดับ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนจีนอีกครั้ง"ภาวะโลกเดือด" การปรับตัวในยุคที่ท้าทายสุดขีดของมนุษย์!!วิธีใช้ " ปลั๊กพ่วง " ให้ถูกวิธีกินอย่างไรไม่ให้เป็น (เบาหวาน)
ตั้งกระทู้ใหม่